พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 ( หรือเรียกว่า บาร์เคลย์สพรีเมียร์ลีกด้วยเหตุผลด้านการสนับสนุน ) เป็นการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ 20 นับแต่เริ่มจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 เริ่มต้นฤดูกาลวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2011 และสิ้นสุดวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 โดย แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กลับมาป้องกันตำแหน่งแชมป์ มีทีมเข้าร่วมแข่งขันในลีก 20 ทีม โดยมี 17 ทีมเดิมจากฤดูกาลก่อน และอีก 3 ทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจาก ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป ได้แก่ ผู้ชนะ ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส และรองชนะเลิศ ทีม นอริชซิตี ส่วน สวอนซี ได้เลื่อนชั้นจากการแข่งรอบ เพลย์ออฟ ชนะ เรดดิง 4–2
ทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 20 ทีม โดยเป็น 17 ทีมจากใน ฤดูกาล 2010-11 และอีก 3 ทีมที่เลื่อนขึ้นจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป ฤดูกาล 2010-11

หมายเหตุ : ธงแสดงชาตินั้นเป็นไปภายใต้กฎของฟีฟ่า นักฟุตบอลและผู้จัดการอาจจะถือมากกว่า 1 สัญชาติ

  • 1 อ้างอิงจาก รายชื่อผู้จัดการทีมในฟุตบอลลีกอังกฤษ
  • 2 Following Virgin Money’s acquisition of Northern Rock on 1 January 2012, Virgin Money started to appear on the team’s kits from 4 January 2012.[10]
  • 3 สายการบินมาเลเซีย จะปรากฏอยู่บนเสื้อชุดทีมเหย้า ส่วยแอร์เอเซียจะปรากฏอยู่บนเสื้อชุดทีมเยือน[11]
  • 4 ออราสมา เป็นบริษัทในเครือของ ออโตโนมี
  • 5Stiliyan Petrov was previously Villa’s captain, but after he was diagnosed with leukemia Agbonlahor was handed the captaincy in Petrov’s absence.[12]
  • 6Chris Samba was previously Blackburn’s captain. Following Samba’s transfer to Anzhi Makhachkala, Robinson was handed the captaincy.[13]
  • 7On 7 December 2011, Vidić twisted his knee during United’s Champions League clash at Basel and left the field on a stretcher.[14] Vidic missed the rest of the season and Patrice Evra assumed the captaincy of Manchester United.[15]

In addition, Nike will have a new design for their match ball ( white from August to October and March to May ; high-visibility yellow from November through February ) called Seitiro, featuring a modify flare design. [ 16 ]

ทีม

ผู้จัดการคนก่อน

เหตุที่ออก

วันที่

อันดับในตาราง

ผู้จัดการคนใหม่

วันที่ได้รับการแต่งตั้ง

เชลซี

อิตาลี อันเชล็อตติ, คาร์โล

ถูกไล่ออก

22 พฤษภาคม ค.ศ. 2011[17]

ก่อนเริ่มฤดูกาล

โปรตุเกส วิลลัช-โบอัช, อังเดร

22 มิถุนายน ค.ศ. 2011[18]

แอสตันวิลลา

ฝรั่งเศส อูลลิเยร์, เชราร์

ความยินยอมร่วมกัน

1 มิถุนายน ค.ศ. 2011[19]
สกอตแลนด์ แม็กลีช, อเล็กซ์

17 มิถุนายน ค.ศ. 2011[20]

ฟูแลม

เวลส์ ฮิวจ์ส, มาร์ค

ลาออก

2 มิถุนายน ค.ศ. 2011[21]
เนเธอร์แลนด์ โยล, มาร์ติน

7 มิถุนายน ค.ศ. 2011[22]

ซันเดอร์แลนด์

อังกฤษ บรูซ, สตีฟ

ถูกไล่ออก

30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011[23]

16

ไอร์แลนด์เหนือ โอนีล, มาร์ติน

3 ธันวาคม ค.ศ. 2011[24]

ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส

อังกฤษ วอร์น็อก, นีล

8 มกราคม ค.ศ. 2012[25]

17

เวลส์ ฮิวจ์ส, มาร์ค

10 มกราคม ค.ศ. 2012[26]

วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเริร์ส

สาธารณรัฐไอร์แลนด์ แม็กคาร์ที, มิก

13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012[27]

18

อังกฤษ คอนเนอร์, เทอร์รี (จนจบฤดูกาล)

24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012[28]

เชลซี

โปรตุเกส วิลลัช-โบอัช, อังเดร

4 มีนาคม ค.ศ. 2012[29]

5

อิตาลี ดี มัตเตโอ, โรแบร์โต (จนจบฤดูกาล)

4 มีนาคม ค.ศ. 2012[29]
อัปเดตล่าสุดวันที่ 13 พฤษภาคม 2012
แหล่งข้อมูล : Premier League
1คอลัมน์ด้านซ้ายมือหมายถึงทีมเหย้า
สี : ฟ้า = ทีมเหย้าชนะ ; เหลือง = เสมอ ; แดง = ทีมเยือนชนะ
สำหรับแมตช์ที่กำลังมาถึง อักษร a หมายถึง มีบทความเกี่ยวกับแมตช์นั้น

ผู้เล่น
ทีม
พบกับทีม
ผล
วันที่

บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เจโก, เอดิน4
แมนเชสเตอร์ซิตี
ทอตนัมฮอตสเปอร์
5–1
000000002011-08-28-0000 28 สิงหาคม 2011
อังกฤษ รูนีย์, เวย์น
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
อาร์เซนอล
8–2
000000002011-08-28-0000 28 สิงหาคม 2011
อาร์เจนตินา อะกูเอโร, เซร์คีโอ
แมนเชสเตอร์ซิตี
วีแกนแอธเลติก
3–0
000000002011-09-10-0000 10 กันยายน 2011
อังกฤษ รูนีย์, เวย์น
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
โบลตันวันเดอร์เรอร์ส
5–0
000000002011-09-10-0000 10 กันยายน 2011
เซเนกัล บา, เดมบา
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
แบล็คเบิร์นโรเวอร์ส
3–1
000000002011-09-24-0000 24 กันยายน 2011
อังกฤษ แลมพาร์ด, แฟรงค์
เชลซี
โบลตันวันเดอร์เรอร์ส
5–1
000000002011-10-02-0000 2 ตุลาคม 2011
อังกฤษ จอห์นสัน, แอนดรูว์
ฟูแลม
ควีนสปาร์คเรนเจอส์
6–0
000000002011-10-02-0000 2 ตุลาคม 2011
เนเธอร์แลนด์ ฟาน เพอร์ซี, โรบิน
อาร์เซนอล
เชลซี
5–3
000000002011-10-29-0000 29 ตุลาคม 2011
เซเนกัล บา, เดมบา
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
สโตกซิตี
3–1
000000002011-10-31-0000

Read more: Swansea City A.F.C.

31 ตุลาคม 2011
ไนจีเรีย ไอเยกเบนี, ยาคูบู4
แบล็คเบิร์นโรเวอร์ส
สวอนซีซิตี
4–2
000000002011-12-03-0000 3 ธันวาคม 2011
บัลแกเรีย เบอร์บาตอฟ, ดิมิตาร์
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
วีแกนแอธเลติก
5–0
000000002011-12-26-0000 26 ธันวาคม 2011
สหรัฐ เดมป์ซีย์, คลินท์
ฟูแลม
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
5–2
000000002012-01-21-0000 21 มกราคม 2012
เนเธอร์แลนด์ ฟาน เพอร์ซี, โรบิน
อาร์เซนอล
แบล็คเบิร์นโรเวอร์ส
7–1
000000002012-02-04-0000 4 กุมภาพันธ์ 2012
ไนจีเรีย โอเดมวิงกี, ปีเตอร์
เวสต์บรอมวิชอัลเบียน
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส
5–1
000000002012-02-12-0000 12 กุมภาพันธ์ 2012
รัสเซีย โพเกร็บเนียค, พาเวล
ฟูแลม
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส
5–0
000000002012-03-04-0000 4 มีนาคม 2012
อังกฤษ เจอร์ราร์ด, สตีเวน
ลิเวอร์พูล
เอฟเวอร์ตัน
3–0
000000002012-03-13-0000 13 มีนาคม 2012
อาร์เจนตินา Tevez, Carlos
แมนเชสเตอร์ซิตี
นอริชซิตี
6–1
000000002012-04-14-0000 14 เมษายน 2012
อุรุกวัย ซัวเรซ, หลุยส์
ลิเวอร์พูล
นอริชซิตี
3–0
000000002012-04-28-0000 28 เมษายน 2012
สเปน ตอร์เรส, เฟร์นันโด
เชลซี
ควีนสปาร์คเรนเจอส์
6–1
000000002012-04-29-0000 29 เมษายน 2012

  • 4 ผู้เล่นที่ทำได้สี่ประตู

แข่งทั้งหมด 380 นัด [ 32 ]
มีนัดที่มีผู้ชนะและผู้แพ้ 287 นัด ( เฉลี่ย 75.53 % )
มีนัดที่เสมอกัน 93 นัด ( เฉลี่ย 24.47 % )
ประตูทั้งหมด 1,066 ประตู ( เฉลี่ย 2.81 ประตูต่อนัด )
คลีนชีตส์ 206 ครั้ง
ยิงเข้ากรอบ 5,563 ครั้ง ( เฉลี่ย 14.64 ครั้งต่อนัด )
ยิงไม่เข้ากรอบ 4,287 ครั้ง ( เฉลี่ย 11.28 ครั้งต่อนัด )
แฮตทริก 19 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด 13,148,465 คน ( เฉลี่ย 34,601 คนต่อนัด )
มีผู้เล่น 68 สัญชาติ
ผู้เล่นที่ลงเล่นทั้งหมด 541 คน
ใบเหลืองทั้งหมด 1,176 ใบ ( เฉลี่ย 3.09 ใบต่อนัด )
ใบแดงทั้งหมด 64 ใบ ( เฉลี่ย 0.17 ใบต่อนัด )
การตัดสินแชมป์ของฤดูกาลนี้ ยืดเยื้อมาจนถึงนัดสุดท้าย คือ ในวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม โดย แมนเชสเตอร์ซิตี ซึ่งมีผลงานดีมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา โดยขึ้นเป็นที่ 1 ของตารางคะแนน และยึดอันดับนี้มาตลอด และมีบางช่วงที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองขึ้นแซงไปเป็นที่ 1 บ้าง ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มีคะแนนำห่างถึง 8 คะแนน จนกระทั่งมาถึงนัดสุดท้ายของการแข่งขัน ทั้งคู่มีคะแนนเท่ากัน คือ 86 คะแนน แต่ผลต่างของประตูได้เสียของแมนเชสเตอร์ซิตีดีกว่าถึง 8 ลูก โดยแมนเชสเตอร์ซิตีจะต้องพบกับ ควีนปาร์คแรนเจอส์ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม สนามของตนเอง ขณะที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายออกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งทั้งคู่ต้องการชัยชนะทั้งคู่ หากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ชนะ แล้วแมนเชสเตอร์ซิตีทำได้แค่เสมอหรือแม้กระทั่งแพ้ แชมป์จะตกอยู่ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทันที ดังนั้นจึงกลายเป็นความกดดันที่แมนเชสเตอร์ซิตีต้องเอาชนะควีนปาร์คแรนเจอส์ให้ได้ประการเดียว ปรากฏว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เอาชนะซันเดอร์แลนด์ไปได้ 0-1 ประตู และเป็นฝ่ายจบเกมก่อน แต่ในเกมที่แมนเชสเตอร์ซิตีพบกับควีนปาร์คแรนเจอส์นั้น แมนเชสเตอร์ซิตีไม่อาจทำอะไรได้อย่างถนัดถนี่เกือบตลอดการแข่งขัน เพราะนักฟุตบอลแต่ละคนถูกประกบตลอด ซ้ำกลายเป็นควีนปาร์คแรนเจอร์สขึ้นนำไป 1-2 ประตู ในนาทีที่ 60 จนกระทั่งถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนเชสเตอร์ซิตี พลิกกลับขึ้นมานำในนาทีที่ 91 และ 92 อย่างปาฏิหาริย์ ชนะไป 3-2 และได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไปครอง หลังจากรอคอยมานานกว่า 44 ปี [ 37 ] และนับเป็นครั้งแรกด้วยของพรีเมียร์ลีก ที่ต้องตัดสินแชมป์กันที่ประตูได้เสีย เนื่องจากอันดับ 1 และอันดับ 2 มีคะแนนเท่ากัน คือ 89 คะแนน และทำให้แมนเชสเตอร์ซิตีกลายเป็นทีมที่ 5 ที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก นับจาก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, เชลซี และ แบล็กเบิร์นโรเวอส์
รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ได้แก่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี. [ 51 ]
รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ ได้แก่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี [ 52 ]
รางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ได้แก่ ไคล์ วอล์กเกอร์ [ 54 ]
รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ได้แก่ แว็งซ็อง กงปานี จากแมนเชสเตอร์ซิตี [ 55 ]
รางวัลผู้จัดการยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ได้แก่ ผู้จัดการทีมนิวคาสเซิลยูไนเต็ด อลัน พาร์ดิว [ 55 ] พาร์ดิว เป็นผู้จัดการคนแรกของทีมนิวคาสเซิลยูไนเต็ดที่ได้รับรางวัล และเป็นคนที่สองต่อจาก แฮร์รี เรดแนปป์ ที่คนได้รับรางวัลเป็นชาวอังกฤษ
รางวัลรองเท้าทองคำ ได้แก่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี, โดยทำไป 30 ประตู
รางวัลถุงมือทองคำ ได้แก่ โจ ฮาร์ต จากแมนเชสเตอร์ซิตี, ซึ่งทำได้ 17 คลีนชีต
รางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ได้แก่ ประตูของ ปาปิส ซีเซ จากนิวคาสเซิลยูไนเต็ด สำหรับประตูที่สอง ทำให้ชนะทีม เชลซี ที่ สแตมฟอร์ดบริดจ์, กลายมาเป็นผู้เล่นคนแรกของสโมสรที่ได้รับรางวัล นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร

Read more: Sevilla FC

รางวัลแฟร์เพลย์ เป็นรางวัลสำหรับสโมสรที่มีการทำฟาวล์ ได้ใบเหลืองใบแดงและอื่นๆ น้อยที่สุด โดยสโมสร สวอนซีซิตี เป็นทีมที่คะแนนมากที่สุด [ 56 ]