Stadium One ตั้งอยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่าใจกลางเมือง สามารถเดินทางได้สะดวกทั้งรถไฟฟ้า BTS จากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และสามารถขับรถส่วนตัวมาทางเส้นพระราม 1 หรือเข้าถนนบรรทัดทองก็ได้ทั้งสองทาง ภายในโครงการมีที่จอดรถสะดวกสบายกว้างขวาง มีขนาดพื้นที่โครงการรวมถึงกว่า 10 ไร่เลยทีเดียวค่ะ
Reading: Stadium One ไลฟ์สไตล์ สปอร์ต คอมมูนิตี้ ครบวงจรใจกลางกรุงเทพฯ แลนด์มาร์คใหม่ที่ต้องไปเช็กอิน!!
คอนเซ็ปต์ของที่นี่ คือ “The New Sports Lifestyle Destination” โดยถือว่าเป็นสปอร์ต คอมมูนิตี้ หรือศูนย์รวมคนรักกีฬาและไลฟ์สไตล์แอคทีฟแห่งแรก และแห่งเดียวของเมืองไทยในตอนนี้ก็ว่าได้ โดย Stadium One ได้รวบรวมร้านค้าไว้มากมายถึง 129 ร้าน แบ่งออกเป็นสปอร์ตแบรนด์มากกว่า 50 ร้าน อาทิ วอริกซ์ (Warrix) แบรนด์กีฬาสัญชาติไทย ซึ่งได้เลือกที่นี่เป็น Flagship Store แห่งใหม่ ถือเป็น Official Store แห่งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีสตูดิโอออกกำลังกายชั้นนำกว่า 30 แห่ง ที่รวบรวมสถานที่และคลาสออกกำลังกายสนุก ๆ สุดฮิป กว่า 30 คลาส โดยเกิดจากความตั้งใจที่อยากให้คนหันมาสนใจการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลาสมวยของ RSM, คลาสเรียนเต้น Zumba โดยครูหนุ่ม Zumba จาก Fitness 911 by JT ฯลฯ
พอเข้ามาในบริเวณโครงการ เราก็จะพบกับโซนแรกคือ Arena One ลานกิจกรรมขนาดกว้างขวาง ที่สามารถรองรับการจัดอีเวนท์เรียกเหงื่อสุดมันส์ที่จะเกิดขึ้นทุกสุดสัปดาห์ในอนาคต พร้อมที่จอดรถสะดวกสบาย ใครที่ชอบทำกิจกรรมแนวแอคทีฟสนุก ๆ เตรียมรอพบกับอีเวนท์มันส์ ๆ ได้เลย ส่วนโซนถัดมาที่อยู่ใกล้ ๆ กันคือ Active Box อาคาร 5 ชั้น ที่มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 5,000 ตร.ม. ภายในมีบูทีคสตูดิโอที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายหลากหลาย โดยมีไฮไลท์อย่าง “ jetts ” ฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
ไม่รอช้า เรารีบขึ้นลิฟต์ไปสำรวจที่ชั้น 3 กันเลยค่ะ ทางเข้าด้านหน้า jetts ฟิตเนสเป็นประตูกระจกใสโปร่งโล่ง ช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ แบบนี้ มีทั้งนักศึกษาและคนที่ทำงานออฟฟิศในละแวกนั้นเริ่มทยอยมาใช้บริการกันคึกคัก
จุดเด่นของ jetts คือเป็นฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเลิกงานดึก นอนไม่หลับ หรืออยากออกกำลังกายเรียกเหงื่อเวลาไหน ก็สามารถมาใช้บริการที่นี่ได้ตลอดเวลา เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ สุด ๆ ที่สำคัญ ที่นี่เค้าเน้นว่าไม่มีสัญญาผูกมัดสมาชิกเหมือนที่อื่น ๆ ใครสะดวกแบบไหนก็สามารถปรับความต้องการในการออกกำลังกายให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้ แถมการบริการของพนักงานที่นี่ก็ใส่ใจและเป็นกันเองอีกด้วย
ไปเดินสำรวจด้านในกัน ภายในฟิตเนสของ jetts แบ่งออกเป็น 4 โซนด้วยกัน โซนแรกคือ โซน Group Exercise Studio สตูดิโอคลาสออกกำลังกายแบบกลุ่ม แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ Les Mills คลาสออกกำลังกายชื่อดังระดับโลก ที่โดดเด่นมีชื่อเสียงทางด้าน Body Combat, Body Pump, Body Jam, Body Balance รวมทั้งคลาสเต้นออกกำลังกายที่เรียกว่า “ เฌอแบม ” ( SH ’ BAM ) และคลาสแบบ Freestyle ให้เลือก
โซนถัดมาคือ Functional Class คลาสออกกำลังกายแบบฟรีสไตล์ที่มีอุปกรณ์หลากหลายให้เล่นเป็นสถานี สามารถเล่นได้ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยมีเทรนเนอร์หรือครูฝึกคอยให้คำแนะนำ
โซนถัดมาคือ โซนคาดิโอ จะเป็นเครื่องเล่นแนวคาดิโอทั้งหมด โดยเน้นกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน หรือ Electrical จักรยานอากาศ, Stepper แบบบันได และเครื่องเล่นไฮไลท์อย่าง X-Force ที่จำลองมาจากการปีนเขาให้เราได้ฝึกกล้ามเนื้อต้นขาโดยเฉพาะ ซึ่งในเมืองไทยมีบริการที่นี่เป็นที่แรกและที่เดียว
ออกกำลังกายไปก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อ เพราะเครื่องเล่นที่นี่นอกจากจะไฮเทค มีหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเก็บข้อมูลและสถิติในการเล่นเครื่องเล่นแต่ละครั้งไว้ได้แล้ว ยังมีหน้าจอทัชสกรีนที่มีระบบ Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อกับ YouTube Facebook หรือจะดูหนังผ่าน Netflix ระหว่างออกกำลังกายไปด้วยก็ได้
ส่วนใครเป็นสายฟิตเน้นสร้างกล้ามเนื้อต้องไปออกกำลังที่โซน Machine Weight ที่เน้นเครื่องออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อทั้งส่วน Upper Body และ Lower Body ของร่างกาย
ปิดท้าย ถ้าใครอยากได้เครื่องเล่นที่แอดวานซ์ขึ้นมาหน่อย ไปเช็กอินกันเลยที่โซน Free Weight ที่เป็นเครื่องเล่นยกน้ำหนักแบบฟรีสไตล์ เน้นการเคลื่อนไหวข้อต่อแบบอิสระ
สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนกำลังมองหาชุดออกกำลังกายใหม่ ไม่ต้องไปช้อปไกล ด้านล่าง Active Box เป็นที่ตั้งของ
ช็อปแบรนด์กีฬาชั้นนำระดับอินเตอร์ เราเลือกเข้าไปสำรวจร้านแรกกันที่ “ CW-X ” แบรนด์ชุดออกกำลังกายนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าที่นี่เป็น Official Store แห่งแรกในเมืองไทยเลยค่ะ
ภายในช็อปมีชุดออกกำลังกายทั้งของผู้หญิงและผู้ชายให้เลือกช้อปกันเต็มที่ ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่คอลเล็กชั่น Generator ที่ใช้เทคโนโลยีในการถักทอแบบไม่ใช่เข็ม เป็นเนื้อผ้า Lycra Coolmax ที่มีคุณสมบัติระบายความร้อนดีกว่า Polyester ทั่วไป ที่สำคัญคือ สามารถช่วยซัพพอร์ทกล้ามเนื้อทั้งหมดระหว่างที่ใส่ออกกำลังกายได้ หรือจะเลือกรุ่นที่ดีไซน์มาให้เข้ากับการออกกำลังกายแต่ละประเภทโดยเฉพาะอย่างการเดิน วิ่ง เพื่อเลือกจุดซัพพอร์ทโดยเฉพาะ เช่น บริเวณเข่า กล้ามเนื้อขาด้านหน้า หรือด้านหลังก็ได้
หลังจากออกกำลังกายเรียกเหงื่อกันแล้ว ใครอยากรีแลกซ์ผ่อนคลายก็สามารถแวะมา เช็กอินกันต่อได้ที่ “ Muscular Coffee ” คาเฟ่สำหรับคนรักสุขภาพ ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจของเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟและเล่นฟิตเนส ได้เปิดธุรกิจร้านนวดสปาขึ้นมาก่อน และมองเห็นโอกาสต่อยอดว่าอยากมีพื้นที่ให้คนที่มานั่งรอใช้บริการได้จิบกาแฟชิล ๆ จึงกลายเป็นที่มาของคาเฟ่และร้านนวดสปาแบบ 2 in 1 และตัดสินใจขยายสาขามาเปิดกิจการแห่งที่สองที่ Stadium One เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มาออกกำลังกายและมีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบกีฬาและใส่ใจสุขภาพโดยเฉพาะ
ชั้นล่างของร้านเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ บรรยากาศอบอุ่น มีเคาน์เตอร์ชงกาแฟเหมือนคาเฟ่ทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างคือขวดเวย์โปรตีนขนาดใหญ่ และโลโก้ของร้านที่เป็นรูปนักเพาะกายที่กำลังชูแก้วกาแฟที่ติดอยู่บนเครื่องชงกาแฟ
มาเช็กอินที่นี่แล้ว พลาดไม่ได้ต้องสั่งเมนูกาแฟมาลองสักแก้ว ซึ่งทางร้านใช้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อิตาเลียนนำเข้ามาอบ คั่ว และเบลนด์ด้วยโรงงานของตัวเอง อย่างแก้วนี้เป็นสูตรพิเศษชื่อว่า “ เอสเพรซโซไทยที ” กาแฟเอาเพรซโซผสมชาเย็นแบบไทย ๆ โดยชาไทยจะอยู่ชั้นล่าง ส่วนกาแฟจะอยู่ด้านบน รสชาติเข้มข้นหวานมันไม่เหมือนใคร
สาว ๆ สายหวานจัดไปกับเมนูฟิวชั่นดริงก์แบบแฟนซี อย่างโกโก้สตรอว์เบอร์รี่ โกโก้เข้ม ๆ ขมติดปลายลิ้น ปั่นเข้ากับสตรอว์เบอร์รี่มิลค์เชครสชาติเปรี้ยวอมหวาน ท้อปปิ้งด้วยวิปครีมนุ่ม ๆ ราดด้วยสตรอว์เบอร์รี่ไซรัป หรือจะลองเมนู “ มอคค่ามัทชะ ” กาแฟมอคค่าผสมกับชาเขียวมัทฉะเข้มข้นกลมกล่อม ทานคู่กับเบเกอรี่หอม ๆ อย่างครัวซองต์ชาโคล ที่ทางร้านทำเองแบบโฮมเมดสดใหม่ทุกวัน เข้ากันได้อย่างลงตัว
Read more: The MMS Institute Thailand
ส่วนแก้วนี้สายเฮลธ์ตี้ต้องไม่พลาดเมนู signature ของทางร้านอย่าง “ สตรอว์เบอร์รี่ฟรุตตี้เวย์ ” สตรอว์เบอร์รี่ปั่นผสมเวย์โปรตีน ท้อปปิ้งด้วยวิปครีมไขมันต่ำแบบโลว์แฟต จัดเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยและไม่ต้องกลัวอ้วน นั่งจิบชิล ๆ ได้เรื่อย ๆ ในร้านมีมุมให้เลือกนั่งทั้งโต๊ะตัวใหญ่ หรือเคาน์เตอร์ ไม้ติดริมกระจกใสที่สามารถมองเห็นความคึกคักของริมถนนบรรทัดทองได้
พักเหนื่อยแล้ว ใครอยากไปรีแลกซ์ชั้นบนของ Muscular Coffee ก็เปิดเป็นร้านนวดสปา “ โก-ลก นวดแผนไทย ” มีทั้งเมนูสปาพื้นฐานอย่างการนวดไทย คอ บ่า ไหล่ ไปจนถึงโปรแกรมนวดออยล์ นวดน้ำนม ความพิเศษคือพนักงานที่นี่มีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 5 ปี และยังมีน้ำมันบำรุงผิวให้ลูกค้าได้เลือกกลิ่นแบบที่ชอบได้เอง
ห้องสปาสครับผิวแบบไพรเวท มีห้องอาบน้ำให้ในตัว ทำโปรแกรมสครับผิวเสร็จแล้วสามารถอาบน้ำภายในห้องนี้ได้เลย
หากใครมาเป็นคู่หรือมากับเพื่อนก็สามารถเลือกห้องสปาแบบคู่ที่มีสองเตียง พร้อมผ้าม่านที่สามารถเลื่อนปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวได้
ใครเดินเที่ยวหรือออกกำลังกายจนเมื่อย ก็มาใช้บริการนวดเท้าที่นี่ได้ เก้าอี้นั่งตัวใหญ่นุ่มสบาย พี่ ๆ พนักงานใจดียิ้มแย้มแจ่มใส นวดแล้วสบายจนเกือบหลับกันเลยทีเดียว
ส่วนใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ หรือมองหาที่พักน่ารัก ๆ ราคาเบา ๆ เดินทางสะดวกใจกลางกรุงเทพฯ ในโครงการ Stadium One ก็มีโซนที่พักอาศัย ร้านสะดวกซื้อ Co-working Space และโฮสเทลอย่าง Lazy Sunday Hostel โฮสเทลเปิดใหม่สุดชิค ที่เราจะพาไปเช็กอินกันวันนี้
ชั้นล่างของโฮสเทลเปิดเป็นร้านอาหาร “ พอดี ” ที่เน้นเมนูผัดไทยโดยเฉพาะ ส่วนชั้นบนเปิดเป็นโฮสเทลเก๋ ๆ ที่มีคอนเซ็ปต์เข้ากับชื่อของโฮสเทล นั่นคือ “ ทุกวันคือวันอาทิตย์ ” ดีไซน์การตกแต่งภายในจึงเป็นสไตล์มินิมอล ได้ฟีลสบาย ๆ เป็นเหมือนสถานที่พักผ่อนจากความวุ่นวาย โดยที่นี่เป็นที่พักสไตล์โพชเทล ที่ราคาประหยัดแบบโฮสเทล แต่ยังได้ความสะดวกสบายเหมือนโรงแรม ห้องพักมีให้เลือกทั้งห้องส่วนตัวแบบเตียงคู่และเตียงเดี่ยว มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งแอร์ ทีวี พร้อมห้องน้ำในตัว
ส่วนใครอยากได้เพื่อนใหม่ หรือชอบที่พักสไตล์แบ็คแพ็คเกอร์ แนะนำจองห้องพักแบบ Dormitory ห้องนอนรวมที่มีเตียงสองชั้นแบบแคปซูล แยกชายหญิงเป็นสัดส่วน ภายในห้องมีล็อกเกอร์เก็บของให้ทุกคน และมีห้องน้ำรวมด้านนอกที่แยกชายหญิงสะอาดสะอ้าน
แต่ละเตียงมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งปลั๊กไฟให้ชาร์จที่หัวเตียง พัดลมตัวเล็ก พร้อมผ้าม่านที่สามารถเลื่อนเปิดปิดได้เพื่อความเป็นส่วนตัว
พื้นที่ส่วนกลางเล็ก ๆ น่ารัก ๆ สำหรับแขกที่มาพักได้มานั่งชิล พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางกับเพื่อนใหม่
ชั้นสองของโฮสเทลเป็นคาเฟ่สำหรับแขกที่มาพักได้นั่งเล่นพักผ่อนชิลๆ จิบกาแฟ อ่านหนังสือ มีชา กาแฟ และเครื่องดื่มให้บริการ
ปิดท้ายด้วยการไปสำรวจร้านอาหารสตรีทฟู้ด ๆ อร่อย ๆ บริเวณโครงการติดริมถนนบรรทัดทอง ที่ทาง Stadium One ได้คัดสรรร้านอร่อยเด็ดชื่อดังทั่วกรุงเทพ ฯ มาไว้ให้เลือกชิมกันจนพุงกาง ไม่ว่าจะเป็นเป็ดพะโล้เจ๊เกียง ( ร้านเจ๊เกียงบรรทัดทอง ) ( เจ๊เกียงสะพานเหลืองเดิม ) ร้านเป็ดพะโล้เจ้าเก่าแก่ชื่อดังในตำนานแห่งย่านสะพานเหลือง, ก๋วยเตี๋ยวเรือแม่จันทร์ ต้นตำรับก๋วยเตี๋ยวเรือซอยเสือใหญ่อุทิศ หลัง ม.จันทร์เกษม ( สูตรต้นตำรับที่คิดค้นขึ้นมา ), มิ้ง โภชนา ร้านหมูสะเต๊ะเจ้าเด็ดของถนนบรรทัดทอง ฯลฯ
แต่ร้านที่มาแล้วต้องลอง พลาดไม่ได้คือ “ โจ๊กสามย่าน ” ร้านโจ๊กเด็ดในตำนานแห่งสามย่าน ที่มาเปิดสาขาใหม่ในโครงการ Stadium One ใครเป็นแฟนร้านโจ๊กสามย่าน ไม่ต้องไปต่อคิวยาวแออัดที่ร้านเดิมให้เหนื่อยอีกต่อไป เพราะสาขานี้นอกจากจะใหม่และร้านใหญ่ขึ้นแล้ว ยังคงความอร่อยแบบต้นตำรับเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือบรรยากาศร้านดูโปร่งสบายน่านั่งสะอาดตามาก ๆ เลยค่ะ
ไม่รอช้า สั่งเมนูกันเลยดีกว่า จัดเต็มทั้งโจ๊กหมูเด้ง เมนูชื่อดังต้นตำรับ และโจ๊กไข่เยี่ยวม้า รสชาติอร่อยไม่แพ้โจ๊กฮ่องกงเลยทีเดียว เนื้อโจ๊กเนียนนุ่มละเอียด แทบไม่ต้องเคี้ยว ส่วนหมูก็เด้งหนึบอร่อยมากๆ เลยค่ะ แนะนำใครกินเก่งต้องสั่งเบิ้ลมารอไว้เลยทีเดียว เพราะเผลอแป๊บเดียวมีลูกค้ามาต่อคิวเพียบบบ…ทั้งทานที่ร้าน และสั่งใส่ถุงกลับบ้านกันชุดใหญ่
ตลอดหนึ่งวันเต็ม ๆ ที่เราได้เดินเที่ยวสำรวจที่นี่ เรียกได้ว่า Stadium One เป็นแลนด์มาร์คไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่รวบรวมไว้ทั้งสปอร์ตคอมมูนิตี้สำหรับคนรักกีฬา สปา ฟิตเนส 24 ชั่วโมง ช็อปเสื้อผ้าสปอร์ตแบรนด์ดัง และยังมีที่พักเก๋ ๆ สตรีทฟู้ดอร่อย ๆ ให้ชิมได้ตลอดทั้งวันยันค่ำ ครบครันขนาดนี้ หาโอกาสมาเช็กอินกันที่นี่รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่ hypertext transfer protocol : //stadiumone.net/ หรือ www.facebook.com/stadiumonebkk/ ค่ะ