นาสโตในควีนบริดจ์ นิวยอร์ก เป็นลูกชายของนักดนตรี แจ๊ส Olu Dara พอเรียนได้เกรด 8 ตัดสินใจที่จะลาออกจากโรงเรียน เพื่อก้าวสู่การเป็นแร็ปเปอร์อย่างเต็มตัว จนถึง ปี 1991 เขา มีโอกาสไปร่วมงานกับ Main Source เพียง 1 เวิร์ดที่เขาร่วมแร็ปใน Live at the bbq ก็สามารถทำให้วงการฮิปฮอปฝั่งตะวันออกหันมาสนใจเขาในทันที เขาได้เซ็นสัญญาเข้าอยู่ในสังกัด โคลัมเบีย เร็คคอร์ด มีผลงานอัลบั้มแรกคือ Illmatic ( 1994 ) ซึ่งเขาก็ประสบความสำเร็จกับอัลบั้มแรกนี้อย่างงดงาม แถมอัลบั้มนี้ยังสร้างเพลงอิตเอาไว้อีกมากมาย จนเหล่านักฟัง รวมไปถึงนักวิจารณ์ ต่างยกย่องให้เป็นคลาสสิกอัลบั้มหนึ่ง ในปี 1996 เขาออกอัลบั้ม It was written มีเพลงฮิตอย่าง Street Dreams และ If I ruled the earth ( imagine that ) feat. Lauryn Hill ต่อมาในปี 1998 เขาถูกชักชวนให้ไปรับบทเด่น ประกบกับ แร็ปเปอร์ ชื่อดังอย่าง DMX ในภาพยนตร์เรื่อง Belly ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา และ เรื่องแรกจากฝีมือการกำกับการแสดงของผู้กำกับมิวสิกวิดีโอชื่อดังอย่าง Hype Williams ปี 1999 เขาออกผลงานอัลบั้มชุด I Am… มีเพลง Hate me immediately Feat. Puff Daddy, Nas is like เป็นเพลงฮิต และในปีเดียวกันเขาตัดสินใจออกอัลบั้มอีก 1 ชุดคือ Nastradamus แต่บรรดาเหล่านักวิจารณ์ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นอัลบั้มที่แย่ที่สุดของเขาทีเดียว
แต่ในปี 2001 เขาออกผลงานใหม่ชุด หลังจากที่ได้ไปปะทะฝีปากแบบ Classic Rap Battle กับ Jay Z เขาออกชุด Stillmatic กับซิงเกิ้ลเปิดตัวอย่าง Ether เพลงที่ตอกกลับ เจย์-ซี จนได้รับการยอมรับว่าเขาเป็นฝ่ายชนะในเกมส์ Battle ยกนั้น ตามมาด้วย Get ur self A… และ One Mic ที่กลายเป็นเพลงที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น และได้รับการเปิดออกอากาศมากที่สุดในรายการวิทยุทั่วโลก ปี 2005 เขาหมดสัญญากับ โคลัมเบีย และ ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญา พร้อมทำเรื่องช็อควงการคือ หลังจากที่ถูกจับมาเปรียบเทียบกับ Jay Z มาโดยตลอด เขาเข้ามาเป็นศิลปินในสังกัด Def Jam ออกอัลบั้ม Hip Hop is Dead ในปี 2006 และต่อมาปี 2007 กับอัลบั้ม Greatest Hits ที่รวมเองเพลงเด่นๆ ของเขาเอาไว้มากมาย พร้อม 1 เพลงใหม่ Surviving the times ปี 2008 เขาออกผลงานที่ช๊อคคนทั้งอเมริกาด้วยชื่อเรียกของอัลบัมที่เรียกว่า Nigger ซึ่งแปลตรงๆแล้วเป็นคำเหยียดหยามคนดำจนเขาถูกบีบบังคับจากนักการเมืองสีผิวชาวอเมริกัน เจสสซี่ แจ็คสัน ให้เปลี่ยนชื่ออัลบัม นาสตัดสินใจไม่ตั้งชื่ออัลบัม แล้วเรียกชื่ออัลบัมใหม่นี้ว่า Untitled แต่เพลงในอัลบัมของเขายังมีนัยแฝงของชื่ออัลบัมที่เขาเคยตั้งเอาไว้
Read more: El Clásico
ปี 2010 นาส ได้ร่วมงานกับทายาทเร้กเก้ ตระกูลมาเลย์ อย่าง Damian Marley ในอัลบั้ม Distant Relatives ในสังกัด Universal Republic และ Def Jam เขาทั้งสองเขียนเพลงและโปรดิวด้วยตนเอง แนวดนตรีผสมผสานระหว่างฮิปฮอปและเร้กเก้ ได้อย่างลงตัว ปี 2012 นาสปล่อยสตูดิโออัลบั้มเดี่ยวลำดับที่ 10 ของตนเอง ในชื่อว่า Life Is Good เป็นแนวดนตรีฮิปฮอป-อันเดอร์กราว์ ผสมอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีโปรดิวเซอร์แกนนำอย่าง Salaam Remi, No I.D. เป็นเสาหลักในการทำเพลงในอัลบั้มนี้ และร่วมด้วยโปรดิวเซอร์มือโปรอย่าง Swizz Beatz, Rodney Jerkins, DJ Hot Day, Noah “ 40 ” Shebib, กลุ่ม J.U.S.T.I.C.E. League, กลุ่ม Da Internz, Al Shux และแขกรับเชิญคับคังอย่าง Rick Ross, Mary J. Blige, Miguel, Large Professor, Anthony Hamilton, Victoria Monet ศิลปินหน้าใหม่อย่าง Cocaine 80s รวมเพลงตกค้างที่ร่วมกับ Amy Winehouse ซิงเกิ้ลโปรโมทเพลงแรกคือ Nasty ได้ Salaam Remi โปรดิว ซิงเกิ้ลที่ 2 The Don เป็นเพลงที่ Salaam Remi โปรดิวร่วมกับ Heavy D ก่อนที่จะเสียชีวิต และกลุ่ม Da Internz ( MIMS, Big Sean, Rihanna, Ludacris ) โดยใช้เพลง Dance Inna New York ของ Super Cat มาแซมม์ ซิงเกิ้ลที่ 3 Daughters ที่ได้ No I.D. มาโปรดิว เป็นเพลงที่ถ่ายทอดชีวิตความเป็นพ่อที่เป็นห่วงลูกในโลกของสังคมออนไลน์ ณ ขณะนี้ ได้อย่างชัดเจน โดยใช้เพลง Na Na Hey Hey Kiss Him Goodbye ของ Wayne McGhie & The Sounds of Joy มาแซมม์ ซิงเกิ้ลที่ 4 Accident Murderers ได้ Rick Ross มาแจมด้วย หลังจากร่วมมาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่เป็นทางการสะที ซิงเกิ้ลนี้เป็นทางการของเขาทั้งสอง อาจเป็นซิงเกิ้ลหลัก เพลงนี้ No I.D. โปรดิว
Read more: Sevilla FC
หลังจากช่วงปี 2013-2017 นาส ได้ร่วมงานกับศิลปินรุ่นน้องคับคัง Big Sean, Justin Bieber, DJ Khaled, Jack White และได้ผลักดันศิลปินของนาส อย่าง Dave East เข้ามาเซ็นสัญญาภายใต้ค่าย Mass Appeal และ Def Jam ปี 2018 ได้ปล่อยอัลบัมที่ 11 นาสิก ซึ่งเป็นชื่อจริงของเขา และได้ คานเย เวสต์ มาเป็นโปรดิวเซอร์ในอัลบั้มนี้ ภายใต้โปรเจ็ก Wyoming Sessions แต่ภายในสัปดาห์นั้นกลับเจอคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เจย์-ซี ในอัลบั้ม Everything Is Love ร่วมกับภรรยา บียอนเซ่ โนวส์ ในวันที่ 16 มิถุนายน 2018 พร้อมกัน ปี 2020 ได้ปล่อยอัลบัมที่ 12 King’s Disease และได้ ฮิดบอย มาเป็นโปรดิวเซอร์ในอัลบั้มนี้ โดยซิงเกิ้ลแรก Ultra Black ได้แขกรับเชิญรุ่นน้องคับคังอย่าง Anderson Paak, ASAP Ferg, Big Sean, Don Toliver, Fivio Foreign ( XXL Freshman 2020 ), Lil Durk และเป็นรวมวง The Firm ( AZ & Foxy Brown & Cormega ) ในรอบ 20 ปี