1.1 สนามแข่งขัน ( รูปที่ 1 ) เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดยาว 40 เมตร และกว้าง 20 เมตร ประกอบด้วยเขตประตูสองด้านและเขตสนามแข่งขัน เส้นรอบสนามด้านยาวเรียกว่า เส้นข้าง และเส้นสั้นเรียกว่า เส้นประตู
ข้อกำหนดของสนามแข่งขัน จะต้องไม่ทำให้เกิดการได้เปรียบต่อทีมหนึ่งทีมใด
ข้อสังเกต เพื่อความปลอดภัย ควรมีพื้นที่รอบสนามแข่งขันกว้างอย่างน้อย 1 เมตร ตลอดแนวจากด้านข้าง และกว้าง 2 เมตร ตลอดแนวจากหลังเส้นประตู
1.2 ประตู ( รูปที่ 2 ) วางที่จุดกึ่งกลางของเส้นประตู ขอบหลังของเสาประตูแต่ละด้านและต้องวางอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง โดยมีความสูงวัดจากภายใน 2 เมตร กว้าง 3 เมตร
เสาประตูทั้งสองต้องเชื่อมต่อด้วยคานประตู ขอบหลังของเสาประตูจะต้องตั้งอยู่ที่ขอบนอกของเส้นประตู เสาประตูและคานประตูจะต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีขนาดพื้นที่หน้าตัดกว้าง 8 เซนติเมตร และทำด้วยวัสดุชนิดเดียวกัน ( เช่น ไม้ หรือโลหะชนิด เบาหรือวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ ) โดยทาสีตัดกันสองสีทุกด้าน และต้องตัดกับสีของผนังด้านหลังประตู
บริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างเสาประตูและคานประตูควรทาสีเป็นสีเดียวกันด้านละ 28 เซนติเมตร และบริเวณที่อื่น ๆ ยาว 20 เซนติเมตร ( รูปที่ 2 ) ประตูจะต้องมีตาข่ายขึงติดไว้และมีลักษณะหยุ่นตัว เมื่อลูกบอลถูกขว้างเข้าไปแล้วจะไม่กระดอนกลับมาอย่างรวดเร็ว
1.3 เขตประตู กำหนดโดยเส้นเขตประตู ซึ่งเขียนได้ดังนี้
– ลากเส้นยาว 3 เมตร ให้ขนานและห่างจากเส้นประตู 6 เมตร
– ลากเส้น ? ของวงกลม ใช้รัศมี 6 เมตร โดยใช้จุดศูนย์กลางจากด้านในของเสาประตูแต่ละเสา ลากเส้นจากเส้นประตูไปบรรจบปลายเส้นที่ยาว 3 เมตร ( รูปที่ 1 และ 2 )
1.4 เส้นส่งกินเปล่า ( เส้น 9 เมตร ) เป็นเส้นไข่ปลา ( ในแต่ละช่องยาว 15 เซนติเมตร ) ลากขนานให้ห่างจากเส้นเขตประตู 3 เมตร
1.5 เส้น 7 เมตร ลากขนานกับเส้นประตู โดยห่างจากขอบนอกของเส้นประตู 7 เมตร
1.6 เส้นเขตผู้รักษาประตู ( เส้น 4 เมตร ) เป็นเส้นยาว 15 เซนติเมตร ลากขนานกับเส้น ประตู โดยห่างจากขอบนอกของเส้นประตู 4 เมตร ( รูปที่ 1 )
1.7 เส้นกลางสนามลากต่อจากจุดกึ่งกลางของเส้นข้างทั้งสองด้าน ( รูปที่ 1 และ 3 )
1.8 เส้นเขตเปลี่ยนตัว 2 ด้าน แต่ละด้านห่างจากเส้นกลางสนาม 4.5 เมตร ลากขนานกับเส้นกลางสนามเข้าไปในสนาม 15 เซนติเมตร
1.9 เส้นทุกเส้นเป็นส่วนหนึ่งของเขตนั้น ๆ และกว้าง 5 เซนติเมตร
1.10 เส้นประตูที่อยู่ระหว่างเสาประตูกว้าง 8 เซนติเมตร และต้องสัมพันธ์กับเสาประตูด้วย
เวลาการเล่น (Playing Time)
2.1 เวลาการเล่นทั้งประเภทชายและหญิงที่มีอายุ 18 ปี หรือมากกว่า แบ่งออกเป็น 2 ครึ่ง ครึ่งละ 30 นาที พักระหว่างครึ่ง 10 นาที
2.2 เวลาการเล่นจะเริ่มขึ้นเมื่อผู้ตัดสินในสนาม ( Court Referee ) ให้สัญญาณนกหวีดเพื่อส่งเริ่มเล่น และสิ้นสุดเวลาเมื่อผู้จับเวลาให้สัญญาณครั้งสุดท้าย
การละเมิดและการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬา ก่อนที่ผู้จับเวลาจะให้สัญญาณหมดเวลา จะต้องทำโทษการทำผิดนั้นก่อนหลังจากนั้นจึงค่อยให้สัญญาณหมดเวลา ผู้ตัดสินในสนามสามารถหยุดการเล่นเท่าที่จำเป็นภายหลังจากมีการส่งลูกกินเปล่าหรือยิงโทษการละเมิดกติการะหว่างการส่งลูกกินเปล่าจะมีผลให้การส่งลูกกินเปล่านั้นต้องยกเลิก และเปลี่ยนให้ฝ่ายตรงข้ามได้สิทธิ์ทำการส่ง
ข้อสังเกต ถ้านาฬิกาอัตโนมัติที่แจ้งสัญญาณการหมดเวลาเกิดขัดข้อง ผู้จับเวลาจะต้องใช้นาฬิกาตั้งโต๊ะหรือนาฬิกาจับเวลาแทนและให้สัญญาณหมดเวลาการแข่งขัน ถ้าใช้นาฬิกาอัตโนมัติ ควรตั้งเวลาตั้งแต่ 0 ถึง 30 นาที
2.3 ทั้งสองทีมจะต้องเปลี่ยนแดนกันในครึ่งเวลาหลัง
2.4 ผู้ตัดสินทั้งสองจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่า จะให้มีการหยุดการเล่นชั่วขณะหนึ่งและจะให้เริ่มเล่นต่อเมื่อใด โดยจะต้องให้สัญญาณกับผู้จับเวลาว่าเมื่อไรจะให้หยุดนาฬิกา ( ขอเวลานอก ) และจะเริ่มเมื่อไร
การหยุดเวลาการเล่น การขอเวลานอกจะต้องแสดงให้ผู้จับเวลาทราบโดยการเป่านกหวีด สั้น ๆ 3 ครั้ง และให้สัญญาณมือรูปตัว T สัญญาณนกหวีดจะต้องเป่าเพื่อแสดงสัญญาณให้เริ่มการเล่นภายหลังจากการขอเวลานอก
2.5 ถ้าสัญญาณหมดเวลาดังขึ้นขณะส่งลูกกินเปล่า หรือยิงลูกโทษที่ 7 เมตร หรือในขณะที่ลูกบอลกำลังอยู่ในอากาศ ให้ทำการส่งใหม่ก่อนที่ผู้ตัดสินจะยุติการแข่งขัน
การละเมิดกติกาหรือการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาระหว่างการส่งลูกกินหรือเปล่า หรือการยิงลูกโทษ จะต้องถูกลงโทษ
2.6 ถ้าผู้ตัดสินพิจารณาเห็นว่า ผู้จับเวลาได้ให้สัญญาณหมดเวลาการแข่งขันก่อนกำหนด จะต้องให้นักกีฬาอยู่ในสนามและเล่นต่อไป ทีมที่ได้ครอบครองลูกบอลขณะที่สัญญาณหมดเวลาก่อนกำหนดดังขึ้น จะเป็นทีมที่ได้ครอบครองลูกบอลต่อ
ถ้าเวลาในครึ่งแรกจบช้าเกินกว่าเวลาที่กำหนด เวลาในครึ่งหลังจะต้องตัดลงให้น้อยกว่ากำหนดตามเวลาที่เกินไปนั้น
2.7 เมื่อหมดเวลาในช่วงปกติแล้ว ผลเสมอกัน ให้เพิ่มเวลาเพิ่มพิเศษหลังจากพัก 5 นาที โดยให้ทำการเสี่ยงเพื่อเลือกส่งหรือเลือกแดน
เวลาเพิ่มพิเศษแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 5 นาที และให้เปลี่ยนแดน เมื่อหมดเวลาช่วงแรก โดยไม่ต้องพัก
ถ้าผลการแข่งขันยังคงเสมอกันอีกหลังจากต่อเวลาเพิ่มพิเศษครั้งแรกแล้ว ให้ต่อเวลาเพิ่มพิเศษครั้ง 2 อีกโดยให้พัก 5 นาทีและทำการเสี่ยงเพื่อเลือกส่งหรือเลือกแดน
ถ้าผลการแข่งขันยังคงเสมอกันอีก การหาผู้ชนะจะต้องเป็นไปตามระเบียบการแข่งขันเฉพาะครั้งนั้น ๆ
ลูกบอล (The Ball)
3.1 ลูกบอลจะต้องทำด้วยหนังหรือวัสดุสังเคราะห์ และเป็นรูปทรงกลม ผิวของลูกบอลต้องไม่สะท้อนแสงหรือลื่น
3.2 ลูกบอลเมื่อวัดโดยรอบก่อนการแข่งขัน สำหรับผู้ชายมีเส้นรอบวงระหว่าง 58-60 เซนติเมตร หนัก 425-475 กรัม สำหรับผู้หญิง มีเส้นรอบวงระหว่าง 54-56 เซนติเมตร หนัก 325-400 กรัม
3.3 การแข่งขันทุกครั้งจะต้องมีลูกบอลที่ถูกต้องตามกติกาจำนวน 2 ลูก
3.4 เมื่อการแข่งขันได้เริ่มขึ้น จะเปลี่ยนลูกบอลไม่ได้ นอกจากจะมีเหตุผลอันสมควรเท่านั้น
3.5 ลูกบอลที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์แฮนด์บอลนานาชาติต้องมีเครื่องหมายของสหพันธ์เท่านั้นจึงจะสามารถใช้แข่งขันในระดับนานาชาติได้
ทีม (The Team)
4.1 ทีมหนึ่งประกอบด้วนผู้เล่น 12 คน ผู้เล่นทุกคนจะต้องมีชื่ออยู่ในใบบันทึกและมีผู้รักษาประตู 1 คน ตลอดเวลาการแข่งขันต้องมีผู้เล่นไม่เกิน 7 คน ( ผู้เล่นในสนาม 6 คน และ ผู้รักษาประตู 1 คน ) อยู่ในสนามแข่งขัน ส่วนผู้เล่นที่เหลือ คือ ผู้เล่นสำรอง
เฉพาะผู้เล่นสำรอง ผู้เล่นที่ถูกสั่งพักและเจ้าหน้าที่ประจำทีม 4 คนเท่านั้นที่อนุญาตให้อยู่ในบริเวณผู้เล่นสำรองได้ เจ้าหน้าที่ประจำทีมทุกคนต้องมีชื่ออยู่ในใบบันทึกและจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ตลอดเวลาการแข่งขัน โดยมีหนึ่งคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รับผิดชอบต่อทีมและเฉพาะเจ้าหน้าที่คนนี้เท่านั้นที่สามารถติดต่อกับผู้จับเวลา ผู้บันทึก และผู้ตัดสินได้
4.2 ขณะเริ่มต้นการแข่งขันทีมหนึ่งจะต้องมีผู้เล่นไม่น้อยกว่า 5 คน ที่พร้อมอยู่ในสนามขณะนั้น
จำนวนผู้เล่นของทีมสามารถเพิ่มได้จนถึง 12 คน ตลอดเวลาการแข่งขัน รวมทั้งเวลาเพิ่มพิเศษด้วย
การแข่งขันจะดำเนินต่อไปถึงแม้ว่าจะมีผู้เล่นในสนามเหลือน้อยกว่า 5 คน
4.3 ผู้เล่นมีสิทธิ์เข้าเล่นได้ ถ้าเขามาปรากฏตัวในขณะเริ่มการแข่งขันและมีชื่อในใบบันทึก
ผู้เล่นที่มีสิทธิ์สามารถเข้าเล่นในสนามได้ทุกเวลาในบริเวณเขตเปลี่ยนเขตเปลี่ยนตัวของทีมตัวเอง
ผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ของทีมซึ่งมาหลังจากการแข่งขันได้เริ่มไปแล้ว จะต้องได้รับอนุญาตให้เข้ามาร่วมการแข่งขันจากผู้จับเวลาหรือผู้บันทึก
ผู้เล่นที่ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันเข้าไปในสนาม จะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน และฝ่ายตรงกันข้ามจะได้ส่งลูกกินเปล่า
4.4 ผู้เล่นสำรองสามารถเข้าเล่นได้ทุกเวลา และสามารถเปลี่ยนตัวเข้าซ้ำได้อีกโดยไม่ต้องแจ้งต่อผู้บันทึก/ผู้จับเวลา ผู้เล่นในสนามต้องออกจากสนามให้เรียบร้อยก่อน ในกรณีนี้จะใช้รวมถึงการเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตูด้วย ผู้เล่นทุกคนจะสามารถเข้าหรือออกจากสนามเฉพาะในส่วนบริเวณเขตเปลี่ยนตัวของฝ่ายตนเองเท่านั้น
ในระหว่างการขอเวลานอก อนุญาตให้ผู้เล่นเข้าสนามที่บริเวณเขตเปลี่ยนตัว ( ซึ่งจะใช้เมื่อ )
– การเปลี่ยนตัวตามปกติ
– เมื่อได้รับการเรียกให้เข้าสนามจากผู้ตัดสิน ( สัญญาณมือที่ 18 )
ข้อสังเกต ผู้เล่นคนใดที่ออกหรือเข้าสนามโดยไม่ถูกต้อง จะถูกทำโทษในการเปลี่ยนตัวที่ผิดระเบียบ ยกเว้น ในกรณีที่บางคนออกจากสนามโดยไม่ตั้งใจ
4.5 การเปลี่ยนตัวที่ผิดกติกาจะถูกทำโทษโดยให้ฝ่ายตรงกันข้ามได้ส่งลูกกินหรือเปล่า ณ จุดที่ผู้เล่นได้ผ่านเส้นข้าง และถ้าเป็นการเปลี่ยนตัวไม่ถูกต้องขณะหยุดการแข่งขันผู้เล่นนั้นจะถูกสั่งพัก 2 นาที และจะเริ่มเล่นใหม่ ณ จุดที่การเล่นได้หยุดลงตามความเหมาะสม
4.6 ถ้ามีผู้เล่นเข้าไปในสนามเกินจำนวน โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนตัวหรือเปลี่ยนตัวผิดระเบียบผู้เล่นนั้นจะต้องสั่งพัก 2 นาที และผู้เล่นคนอื่น 1 คน จะต้องออกจากสนามเพื่อให้ทีมนั้นเล่น โดยมีผู้เล่นน้อยลงอีก 2 คน
ถ้าผู้เล่นที่ถูกสั่งพักเข้าไปในสนามในขณะช่วงเวลาสั่งพักเขาจะต้องออกจากสนามและถูกสั่งพักในระหว่างช่วงเวลาการสั่งพักช่วงที่ 1 และ 2 ด้วย
เจ้าหน้าที่รับผิดชอบของทีมจะต้องเป็นผู้กำหนดว่าผู้เล่นคนใดที่จะออกจากสนาม มิฉะนั้น ผู้ตัดสินจะเป็นผู้กำหนดว่าใครจะต้องออกจากสนาม
ข้อสังเกต ผู้เล่นที่ถูกออกจากสนามจากการสั่งพัก หรือยังคงถูกสั่งพักต่อนั้น จะเข้าเล่นในสนามอีกให้ปฏิบัติเหมือนการเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรอง
เฉพาะผู้เล่นที่ทำความผิดจะถูกสั่งพักเท่านั้นที่จะถูกบันทึกลงในใบบันทึก
4.7 ผู้เล่นแต่ละทีมอยู่ในสนามทุกคนจะต้องสวมเสื้อเป็นสีเดียวกันและทั้งสองทีมต้องสวมเสื้อที่มีแตกต่างจากกันอย่างชัดเจนผู้เล่นที่เป็นผู้รักษาประตูจะต้องสวมเสื้อที่มีสีต่างจากสีเสื้อของ ผู้เล่นในสนามทั้งสองทีม รวมทั้งสีเสื้อของผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้ามด้วย
ผู้เล่นจะต้องสวมเสื้อที่มีหมายเลขด้านหลังระหว่าง 1 -20 หมายเลข มีขนาดความสูงอย่างน้อย 20 เซนติเมตร และที่ด้านหน้ามีขนาดความสูงอย่างน้อย 10 เซนติเมตร
สีของหมายเลขจะต้องมีสีที่ตัดกับเสื้ออย่างชัดเจน
ผู้เล่นทุกคนจะต้องสวมรองเท้ากีฬา
ไม่อนุญาตให้สวมใส่สิ่งใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้เล่นอื่น ๆ เช่น เครื่องป้องกันศีรษะหรือหน้า กำไล นาฬิกา แหวน สร้อยคอ สายสร้อย ต่างหู แว่นตาที่ไม่มีกรอบนอก หรือสิ่งอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้เล่น
ผู้เล่นที่ไม่สามารถถอดสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าว จะไม่อนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขัน จนกว่าจะได้ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน
หัวหน้าทีมของแต่ละทีม จะต้องสวมปลอกแขนที่มีขนาดกว้าง 4 เซนติเมตรที่แขนท่อนบน และสีของปลอกแขนจะต้องแตกต่างจากสีเสื้อด้วย
ผู้รักษาประตู (The Goalkeeper)
5.1 ผู้เล่นที่เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู สามารถเข้าเล่นเป็นผู้เล่นในสนามได้ทุกเวลา ผู้เล่นในสนามสามารถเปลี่ยนเป็นผู้รักษาประตูได้ทุกเวลา แต่ต้องเปลี่ยนเสื้อก่อน
ผู้รักษาประตูสำรองจะต้องอยู่ในบริเวณเขตกาเปลี่ยนตัวตลอดเวลา
อนุญาตให้ผู้รักษาประตูกระทำดังนี้
5.2 ถูกลูกบอลด้วยส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทุกส่วนในขณะที่อยู่ในลักษณะการป้องกันภายในเขตประตู
5.3 เคลื่อนที่ไปพร้อมกับลูกบอลภายในเขตประตูโดยปราศจากข้อจำกัด
5.4 ออกจากเขตประตู โดยมิได้นำเอาลูกบอลออกมา และสามารถเข้าร่วมเล่นในสนามบริเวณเขตสนามเล่นได้ โดยต้องปฏิบัติตามกติกาเช่นเดียวกับผู้เล่นในสนามคนอื่น ๆ
การจะพิจารณาว่าผู้รักษาประตูได้ออกจากเขตประตูเมื่อทันทีที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ถูกพื้นสนามนอกเส้นเขตประตู
5.5 ออกจากเขตประตูและเล่นลูกบอลอีกภายในเขตสนามเล่นโดยมิได้ออกมาโดยการครอบครองลูก ( เป็นการป้องกันลูกและไม่สามารถครอบครองลูกได้ )
ห้ามผู้รักษาประตูกระทำดังต่อไปนี้
5.6 ทำการป้องกันในลักษณะที่เป็นอันตรายกับคู่ต่อสู้
5.7 เจตนาทำให้ลูกบอลข้ามออกนอกเส้นประตูลักษณะที่ไม่สามารถครอบครองลูกบอลนั้นได้
5.8 ออกจากเขตประตูพร้อมกับลูกบอล
5.9 ถูกลูกบอลนอกเขตประตู ภายหลังจากได้ส่งลูกบอลจากประตูไปแล้ว นอกจากลูกบอลจะได้ถูกผู้เล่นอื่น ๆ ก่อน ( กติกาข้อ 13.1 ข )
5.10 นำลูกบอลที่วางหรือกลิ้งอยู่นอกเส้นเขตประตูเข้าไปในขณะที่ตัวอยู่ในเขตประตู
( กติกาข้อ 13.1 ข )
5.11 นำลูกบอลที่วางหรือกลิ้งอยู่นอกเส้นเขตประตูเข้าไปในเขตประตู ( กติกาข้อ 13.1 ข )
5.12 กลับเข้าไปในเขตประตูพร้อมกับลูกบอล ( กติกาข้อ 13.1 ข )
5.13 ถูกลูกบอลด้วยเท้าหรือขาในขณะที่ลูกบอลกำลังเคลื่อนที่ไปในสนาม หรือในขณะที่ลูกบอลวางอยู่ในเขตประตู ( กติกาข้อ 13.1 )
5.14 ข้ามเส้นเขตผู้รักษาประตู ( เส้น 4 เมตร ) ก่อนที่ลูกบอลจะออกจากมือผู้ยิงโทษ ในขณะที่มีการยิงโทษ ( กติกาข้อ 14.1 )
ข้อสังเกต ในขณะที่ผู้รักษาประตูยืนที่พื้นด้วยเท้าหนึ่งหลังเส้นเขตประตู ( เส้น 4 เมตร ) เขาสามารถที่จะเคลื่อนเท้าอื่น ๆ หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกายล้ำเหนือเส้นได้
เขตประตู (The Goal Area)
6.1 ผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอนุญาตได้ ( กติกาข้อ 6.3 )
6.2 ผู้เล่นในสนามเข้าไปในเขตประตู จะถูกพิจารณาตัดสินดังนี้
ก. ส่งลูกกินเปล่า ถ้าผู้เล่นในสนามเข้าไปในเขตประตูขณะที่กำลังครอบครอง ลูกบอลอยู่ ( กติกาข้อ 13.1ค )
ข. ส่งลูกกินเปล่า ถ้าผู้เล่นในสนามที่ไม่ได้ครอบครองลูกบอลเข้าไปในเขตประตูและทำให้เกิดการได้เปรียบ ( กติกาข้อ 6.1ค และ 13.1ค )
ค. ยิงลูกโทษ ถ้าผู้เล่นในสนามของฝ่ายป้องกันเข้าไปในเขตประตูและได้เปรียบฝ่ายรุก ทำให้ได้ครอบครองลูกบอล ( กติกาข้อที่เข้าไปในเขตประตูจะยังไม่ถูกทำโทษ
ก. ถ้าเข้าไปในเขตประตูภายหลังจากการเล่นลูกบอลและไม่ทำให้คู่ต่อสู้เกิดการเสียเปรียบ
ข. ถ้าเข้าไปในเขตประตูโดยไม่มีลูกบอล และไม่ทำให้เกิดการได้เปรียบ
ค. ผู้เล่นฝ่ายรับเข้าไปในประตูโดยไม่มีลูกบอล ในระหว่าง หรือภายหลังจากการพยายามป้องกันโดยไม่เกิดการได้เปรียบกับคู่ต่อสู้
6.4 ลูกบอลที่อยู่ในเขตประตูเป็นของผู้รักษาประตู ห้ามผู้เล่นในสนามคนอื่นๆ ถูกลูกบอลในขณะที่ลูกบอลวางหรือกลิ้งอยู่บนพื้นสนามในเขตประตู หรือในขณะที่ผู้รักษาครอบครองลูกบอลอยู่ ( กติกาข้อ 13.1 ค. ) แต่จะอนุญาตให้เล่นลูกบอลในขณะที่ลูกบอลอยู่ในอากาศเหนือเขตประตูได้
6.5 ลูกบอลที่อยู่ในเขตประตู ผู้รักษาประตูจะต้องส่งกลับออกมาเข้าสู่การเล่น
6.6 การเล่นจะคงดำเนินต่อไป ถ้าเป็นลักษณะการป้องกันของฝ่ายรับ โดยลูกบอลได้ถูกผู้เล่นฝ่ายป้องกันและหลังจากนั้นผู้รักษาประตูได้รับลูกนั้นหรือลูกหยุดในเขตประตู
6.7 ถ้าผู้เล่นเจตนาส่งลูกกลับเข้าไปในเขตประตูของตนเอง ผู้ตัดสินจะพิจารณาตัดสินดังนี้
ก. ได้ประตู ถ้าลูกบอลเข้าประตู
ข. ส่งลูกกินเปล่า ถ้าลูกบอลหยุดนิ่งอยู่ในเขตผู้รักษาประตู หรือถูกผู้รักษาประตู และลูกบอลไม่เข้าประตู
ค. ส่งลูกเข้าเล่น ถ้าลูกบอลออกนอกเส้นประตู
ง. การเล่นจะดำเนินต่อไป ถ้าลูกบอลได้กระดอนกลับออกมาในสนามอีกโดยไม่ได้ถูกผู้รักษาประตู
6.8 ลูกบอลที่กลับออกมาจากเขตประตูเข้าสู่เขตการเล่นจะถือว่าอยู่ในการเล่นต่อไป
การเล่นลูกบอล (Playing The Ball)
อนุญาตให้ผู้เล่นกระทำดังนี้
7.1 ขว้าง จับ หยุด ผลัก หรือตีลูกบอลด้วยมือทั้งสอง ( แบมือหรือกำมือ ) แขนศีรษะ ลำตัว ต้นขา และเข่า
7.2 จับลูกบอลไว้ได้ไม่เกิน 3 วินาที ในขณะที่ลูกบอลวางอยู่บนพื้น
7.3 ถือลูกบอลและก้าวได้ไม่เกิน 3 ก้าว หนึ่งก้าวให้พิจารณาการกระทำดังนี้
ก. ยกเท้าหนึ่งและวางลง หรือเคลื่อนเท้าหนึ่งจากที่หนึ่งไปยังที่อื่น ๆ
ข. ถ้าผู้เล่นสัมผัสพื้นด้วยเท้าเพียงเท้าเดียวจับลูกบอล และใช้เท้าอีกเท้าหนึ่งสัมผัสพื้น
ค. ถ้าผู้เล่น หลังจากกระโดดและสัมผัสพื้นด้วยเท้าเพียงเท้าเดียว และกระโจนด้วยเท้าเดิมหรือสัมผัสพื้นด้วยเท้าอื่น
ง. ถ้าผู้เล่น หลังจากกระโดดและสัมผัสพื้นด้วยเท้าทั้งสองพร้อมกันและยกเท้าหนึ่งและวางเท้านั้นลง หรือเคลื่อนเท้าหนึ่งจากที่หนึ่งไปยังที่อื่น ๆ
ข้อสังเกต
ถ้าเท้าหนึ่งเคลื่อนที่จากหนึ่งไปยังที่อื่น อนุญาตให้ลากเท้าอีกเท้าหนึ่งได้
7.4 ในขณะยืนหรือวิ่ง
ก. กระดอนลูกบอลครั้งหนึ่งและจับมือด้วยมือเดียวหรือสองมือ
ข. กระดอนลูกบอลซ้ำด้วยมือเดียว ( การเลี้ยงลูกบอล ) หรือกลิ้งลูกบอลไปบนพื้นสนามด้วยมือเดียว แล้วจับหรือเก็บลูกบอลขึ้นมาอีกด้วยมือเดียวหรือสองมือ
ในขณะที่จับลูกบอลด้วยมือเดียวหรือสองมือนั้นจะทำได้ไม่เกิน 3 วินาที หรือก้าวได้ไม่เกิน 3 ก้าว
การเลี้ยงหรือกระดอนนั้น ผู้เล่นสามารถใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายถูกลูกบอลและเลี้ยงลูกไปบนพื้น
เมื่อลูกบอลถูกผู้เล่นอื่นหรือประตู ผู้เล่นมีสิทธิ์ที่จะแตะหรือกระแทกลูกบอลและจับได้อีกครั้ง
7.5 เคลื่อนย้ายลูกบอลจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่ง
7.6 เล่นลูกบอลในขณะที่กำลังคุกเข่า นั่ง หรือนอนอยู่บนพื้น
ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นกระทำดังนี้
7.7 ถูกลูกบอลมากกว่า 1 ครั้ง นอกจากจะได้ถูกพื้น ผู้เล่นอื่น ๆ หรือประตู ( กติกาข้อ 13.1 ง. )
การจับลูกบอลพลาด ( Fumbling ) จะไม่ถูกทำโทษ
ข้อสังเกต Fumbling หมายถึง ผู้เล่นพลาดจากการครอบครองลูกบอลในขณะที่พยายามจะจับหรือหยุดลูก
7.8 ถูกลูกบอลด้วยเท้าหรือขาซึ่งอยู่ต่ำกว่าเข่าลงไป ยกเว้นในกรณีที่คู่ต่อสู้ได้ขว้างลูกบอลมาถูกผู้ล่น ( กติกาข้อ 13.1 ง. ) แต่อย่างไรก็ตาม การทำผิดอย่างนี้ไม่ถูกลงโทษถ้าไม่เป็นการทำให้เกิดการได้เปรียบกับผู้เล่นหรือเพื่อนร่วมทีม
7.9 ทิ้งตัวลงเล่นลูกบอล ในขณะที่ลูกบอลวางอยู่บนพื้นหรือกำลังกลิ้งอยู่ ( กติกาข้อ 13.1 ง. )
กติกาข้อนี้จะต้องไม่นำมาใช้กับผู้รักษาประตูในขณะที่อยู่ในเขตประตู
7.10 เจตนาทำให้ลูกบอลออกนอกเส้นข้างหรือเส้นประตู ( กติกาข้อ 13.1 ง. )
กติกาข้อนี้จะต้องไม่นำมาใช้กับผู้รักษาประตูในขณะที่อยู่ในเขตประตูและเสียการครอบครองลูกบอลและลูกบอลได้ออกไปนอกเส้นประตู ( ผู้รักษาประตูส่ง )
7.11 พยายามครอบครองลูกบอลไว้ในทีมของตน โดยไม่พยายามที่จะรุก หรือทำประตู การเล่นในลักษณะนี้จะถูกลงโทษด้วยการส่งลูกกินเปล่า ณ จุดที่การเล่นได้หยุดลง ( กติกาข้อ 13.1 ฉ. )
7.12 การเล่นจะดำเนินต่อไป ถ้าลูกบอลถูกผู้ตัดสินในสนาม
การเข้าเล่นกับฝ่ายตรงกันข้าม (The Approach To The Opponent)
อนุญาตให้ผู้เล่นกระทำดังนี้
8.1 ใช้มือและแขนเพื่อประโยชน์ในการครอบครองลูกบอล
8.2 แบมือเล่นลูกบอลได้ทุกทิศทาง
8.3 ใช้ลำตัวบังคู่ต่อสู้ในขณะที่คู่ต่อสู้ไม่ได้เป็นฝ่ายครอบครองลูกบอล
ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นกระทำดังนี้
8.4 กีดกันหรือดึงคู่ต่อสู้ด้วยมือ แขนหรือขา
8.5 ผลักคู่ต่อสู้ให้เข้าไปในเขตประตู
8.6 ดึงหรือตีลูกบอลด้วยมือเดียวหรือสองมือให้ออกจากมือคู่ต่อสู้
8.7 ใช้กำปั้นทุกบลูกบอลให้ออกจากคู่ต่อสู้
8.8 ใช้ลูกบอลทำให้คู่ต่อสู้เกิดอันตราย หรือแกล้งใช้ลูกบอลทำให้คู่ต่อสู้เกิดอันตราย
8.9 ทำให้ผู้รักษาประตูเกิดอันตราย
8.10 ดึงคู่ต่อสู้ด้วยมือเดียวหรือสองมือ หรือผลักคู่ต่อสู้
8.11 วิ่งเข้าหา กระโดดเข้าหา ทำให้ล้ม ตีหรือขู่คู่ต่อสู้ในทุก ๆ ทาง
8.12 ทำผิดกติกาเกี่ยวกับการเข้าเล่นกับฝ่ายตรงกันข้าม จะถูกทำโทษโดยส่งลูกกินเปล่าหรือให้ยิงโทษ
8.13 ทำผิดกติกาเกี่ยวกับการเข้าเล่นกับฝ่ายตรงกันข้าม โดยที่การกระทำนั้นมุ่งที่ตัวบุคคลมากกว่าลูกบอล การกระทำดังกล่าวนี้จะถูกลงโทษที่รุนแรง การลงโทษที่รุนแรงจะนำมาใช้ในกรณีการกระทำที่ไม่น้ำใจนักกีฬา
8.14 การทำผิดอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับการเข้าเล่นกับฝ่ายตรงกันข้ามหรือการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาอย่างรุนแรง จะต้องถูกลงโทษโดยการตัดสิทธิ์ผู้เล่นที่ผิดนั้น
8.15 ผู้เล่นที่ทำผิดการทำร้ายร่างกายจะถูกไล่ออกจากการแข่งขัน
การได้ประตู (Scoring)
9.1 จะนับว่าได้ประตูเมื่อลูกบอลทั้งลูก ได้ผ่านเข้าไปในเส้นประตู ( รูปที่ 4 ) โดยผู้ทำประตู หรือเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ทำผิดกติกาก่อนหรือขณะทำการยิงประตู
ถ้าผู้เล่นฝ่ายรับพยายามป้องกันอย่างผิดกติกาหรือและลูกบอลได้ผ่านเข้าประตู ให้ถือว่าได้ประตู
ถ้าผู้ตัดสินหรือผู้จับเวลาให้สัญญาณหยุดเวลาก่อนที่ลูกบอลจะผ่านเข้าไปในประตู ถือว่าไม่ได้ประตู
ถ้าผู้รักษาประตูเล่นบอลในเขตประตูและลูกบอลได้หลุดเข้าประตูตนเองให้ถือว่าเป็นประตูของฝ่ายตรงกันข้าม นอกจากลูกบอลจะได้ออกนอกเส้นเขตประตูก่อนแล้ว
หมายเหตุ ถ้าลูกบอลถูกป้องกันไม่ให้เข้าประตูโดยบุคคลอื่นหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในสนาม ( เช่นผู้ชม ) และผู้ตัดสินได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้าไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นลูกบอลจะต้องเข้าประตูอย่างแน่นอน ให้ถือว่าได้ประตู
9.2 ถ้าผู้ตัดสินได้เป่านกหวีดเพื่อให้ส่งเริ่มเล่นต่อไปแล้วประตูทีได้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ผู้ตัดสินจะต้องแสดงการได้ประตูอย่างชัดเจน ถ้าสัญญาณการหมดเวลาแต่ละครึ่งดังขึ้นทันทีหลังจากได้ประตูจะต้องนับเป็นประตู
ข้อสังเกต จะต้องแจ้งการได้ประตูบนป้ายคะแนนทันทีที่ผู้ตัดสินได้ให้สัญญาณการได้ประตู
9.3 ทีมที่ทำประตูได้มากกว่าอีกทีมหนึ่งคือผู้ชนะการแข่งขัน
9.4 ถ้าทั้งสองทีมทำประตูได้เท่ากันหรือไม่ได้ประตูเหมือนกันให้ถือว่าเสมอกัน
การส่งเริ่มเล่น (The Throw-Off)
10.1 การส่งเริ่มเล่น จะเริ่มโดยที่ชนะการเสี่ยงและเลือกเล่นโดยเป็นฝ่ายครอบครองลูกบอล ฝ่ายตรงกันข้ามจะเลือกแดนถ้าฝ่ายที่ชนะการเสี่ยงเลือกแดน ฝ่ายตรงกันข้ามได้เป็นผู้ส่งเริ่มเล่น
การส่งเริ่มในครึ่งเวลาหลังจะส่งโดยทีมที่มิได้เป็นฝ่ายส่งในการเริ่มครึ่งเวลาแรก เมื่อมีเวลาเพิ่มพิเศษให้ทำการเสี่ยงใหม่
10.2 หลังจากมีการได้ประตู ทีมที่เสียประตูจะต้องเป็นผู้ส่งเริ่มเล่นใหม่ ( กติกาข้อ 9.2 )
10.3 การส่งเริ่มเล่น จะทำที่จุดกึ่งกลางสนามทิศทางใด ๆ ก็ได้หลังจากที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีด การส่งเริ่มจะต้องทำภายในเวลา 3 วินาที ( กติกาข้อ 13.1 ซ. )
10.4 ผู้เล่นทุกคนต้องอยู่ในแดนครึ่งสนามของตนเองในขณะที่มีการส่งเริ่มและผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้ามจะต้องอยู่ห่างจากผู้ส่งลูกเริ่มเล่นอย่างน้อย 3 เมตร
การส่งลูกเข้าเล่น (The Throw-In)
11.1 จะตัดสินใจส่งลูกเข้าเล่น ถ้าลูกบอลทั้งลูกได้ผ่านความกว้างของเส้นข้าง หรือลูกบอลได้ถูกผู้เล่นในสนามของฝ่ายรับเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ลูกนั้นจะออกข้ามเส้นประตูไป
11.2 การส่งลูกเข้าเล่นจะส่งโดยผู้เล่นฝ่ายที่มิได้ถูกลูกบอลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ลูกบอลจะข้ามเส้นข้างหรือเส้นประตู โดยผู้ตัดสินไม่ต้องใช้สัญญาณนกหวีด
11.3 การส่งลูกเข้าเล่น ให้ส่ง ณ บริเวณที่ลูกบอลได้ข้ามเส้นข้างหรือที่บริเวณปลายเส้นข้างด้านที่ลูกบอลได้ออกนอกเส้นประตู
11.4 ผู้เล่นที่ส่งลูกเข้าเล่น ให้ส่ง ณ บริเวณที่ลูกบอลได้ข้ามเส้นหรือที่บริเวณปลายเส้นข้างด้านที่ลูกบอลได้ออกนอกเส้นประตู
ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นวางลูกบอลลงบนพื้นและเก็บขึ้นมาอีกด้วยตนเอง หรือกระดอนแล้วจับลูกบอลอีก
11.5 ขณะที่มีการส่งลูกเข้าเล่น ผู้เล่นฝ่ายตรงกันจะต้องยืนอยู่ห่างจากผู้ส่งลูกเข้าเล่นอย่างน้อย 3 เมตร แต่ผู้เล่นสามารถยืนใกล้เส้นประตูด้านนอกได้ ถึงแม้ว่าระยะทางระหว่างผู้ส่งลูกเข้าเล่นกับผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้ามน้อยกว่า 3 เมตรก็ตาม
ผู้รักษาประตูส่ง (The Goalkeeper Throw)
12.1 ผู้รักษาประตูจะส่งเมื่อลูกบอลได้ข้ามออกนอกเส้นประตู ( กติกาข้อ 5,7 7.12 )
12.2 ผู้รักษาประตูจะส่งโดยไม่ต้องมีสัญญาณนกหวีดจากผู้ตัดสิน จากภายในเขตประตูให้ออกจากเส้นเขตประตู
จะพิจารณาว่าเป็นการส่งโดยสมบูรณ์เมื่อ ลูกบอลได้ส่งโดยผู้รักษาประตูและข้ามเส้นเขตประตู
12.3 ถ้าลูกบอลอยู่ในประตู ผู้รักษาประตูจะต้องนำมาลูกนั้นกลับเข้าสู่การเล่น ( กติกาข้อ 6.7 ค. )
12.4 ผู้รักษาประตูจะต้องไม่ถูกลูกบอลนั้นอีก หลังจากได้ส่งลูกบอลเข้าไปแล่นจนกว่าลูกนั้นจะได้สัมผัสผู้เล่นคนอื่น ๆ ก่อน ( กติกาข้อ 5.9, 13.1 ญ )
Read more: France national football team
การส่งลูกกินเปล่า (The Free-Throw)
13.1 การส่งลูกกินเปล่าจะกระทำดังนี้
ก. การเปลี่ยนตัวไม่ถูกต้อง หรือเข้าสู่สนามผิดกติกา ( กติกาข้อ 4.4 -6 )
ข. ผู้รักษาประตูทำผิดกติกา ( กติกาข้อ 5.7- 10, 5.13 )
ค. ผู้เล่นในสนามทำผิดกติกาในเขตประตู ( กติกาข้อ 6.2 ก ข., 6.4 )
ง. เล่นลูกบอลโดยไม่ถูกต้อง ( กติกาข้อ 7.2 -4,7 -9 )
จ. เจตนาทำให้ลูกบอลออกเส้นประตูหรือเส้นข้าง ( กติกาข้อ 7.10 )
ฉ. ถ่วงเวลาการเล่น ( กติกาข้อ 7.11 )
ช. การฟาล์วเนื่องจากการเข้าเล่นกับคู่ต่อสู้ ( กติกาข้อ 8.12 )
ซ. การทำผิดกติกาเกี่ยวกับการส่งเริ่มเล่น ( กติกาข้อ 10.3 )
ฌ. การทำผิดกติกาเกี่ยวกับการส่งเข้าเล่น ( กติกาข้อ 11.4 )
ญ. การทำผิดกติกาเกี่ยวกับการส่งจากเขตประตู ( กติกาข้อ 12.4 )
ฎ. การทำผิดกติกาเกี่ยวกับการส่งลูกกินเปล่า ( กติกาข้อ 13.3 )
ฏ. การทำผิดกติกาเกี่ยวกับการยิงลูกโทษ ( กติกาข้อ 14.2-4 )
ฐ. การทำผิดกติกาเกี่ยวกับการโยนลูกโดยผู้ตัดสิน ( กติกาข้อ 15.4. )
ฑ. การทำผิดระเบียบเกี่ยวกับการส่งตามปกติ
ฒ. การกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬา ( กติกาข้อ 16.12. )
ณ. การรุกราน ( กติกาข้อ 8.5 )
13.2 การส่งลูกกินเปล่า จะส่ง ณ จุดที่มีการทำผิดกติกา โดยไม่ต้องมีสัญญาณนกหวีดจากผู้ตัดสิน
ถ้าจุดส่งกินเปล่าอยู่ระหว่างเส้นเขตประตูกับเส้นส่งลูกกินเปล่า ( เส้น 9 เมตร ) ของฝ่ายที่ทำผิด การส่งลูกกินเปล่าจะต้องกระทำ ณ บริเวณที่ใกล้ที่สุดอยู่นอกเส้น 9 เมตร
13.3 ในขณะที่ฝ่ายรุกอยู่ในตำแหน่งที่จะส่ง ต้องมีลูกบอลอยู่ในมือ เขาจะวางลูกลงบอลบนพื้นและเก็บขึ้นมาอีกหรือกระดอนลูกและจับอีกไม่ได้ ( กติกาข้อ 13.1 ฎ. )
13.4 ผู้เล่นฝ่ายรุกจะต้องไม่สัมผัสหรือข้ามเส้น 9 เมตรของฝ่ายตรงกันข้ามก่อนที่การส่งลูกบอลกินเปล่าจะเริ่มขึ้น
ผู้ตัดสินจะต้องดูตำแหน่งของผู้เล่นในขณะที่มีการส่งลูกกินเปล่า ถ้าผู้เล่นอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องจะมีผลกระทบต่อการเล่น
การส่งลูกกินเปล่าในกรณีนี้จะต้องส่งหลังสัญญาณนกหวีด
13.5 ในขณะที่มีการส่งลูกกินเปล่า ผู้ฝ่ายตรงข้ามจะต้องอยู่ห่างจากผู้ส่งอย่างน้อย 3 เมตร แต่อย่างไรก็ตาม จะอนุญาตให้ผู้เล่นอื่นยืนใกล้เส้นเขตประตูด้านนอกสนามได้ ถ้าการส่งลูกกินเปล่าลูกนั้นส่ง ณ บริเวณเส้น 9 เมตร
13.6 ผู้ตัดสินจะต้องไม่ให้มีการส่งลูกกินเปล่าในการทำผิดของฝ่ายรับ ถ้าการทำผิดนั้นจะมีผลทำให้ฝ่ายรุกเกิดการเสียเปรียบ
จะต้องให้การส่งลูกกินเปล่าเป็นอย่างน้อย ถ้าการทำผิดกติกานั้นทำให้ฝ่ายรุกเสียการครอบครองลูกบอล
จะต้องไม่ให้ส่งลูกกินเปล่า ถ้าผู้เล่นยังครอบครองลูกและทรงตัวได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะมีการทำผิดกติกาของฝ่ายรับ
13.7 ถ้าการแข่งขันต้องหยุดลง โดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดกติกา ทีมที่ได้ครอบครองลูกบอลอยู่ยังคงได้ครอบครองลูกบอลต่อโดยการได้ส่งลูกกินเปล่า ณ บริเวณที่ลูกบอลอยู่ในขณะที่เวลาได้หยุดลง การส่งจะต้องได้รับสัญญาณนกหวีดก่อน
13.8 ถ้ามีการตัดสินที่เป็นความผิดของฝ่ายรุก ผู้เล่นที่กำลังครอบครองลูกบอลอยู่จะต้องวางลูกนั้นลงบนพื้นทันที
การยิงลูกโทษ (The 7-Meter Throw)
14.1 การยิงลูกโทษ จะกระทำเมื่อ
ก. มีการทำให้เสียโอกาสอย่างชัดแจ้งในการได้ประตูในทุก ๆ ส่วนของสนามโดยผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ประจำทีมของฝ่ายตรงข้าม
ข. มีสัญญาณนกหวีดที่ไม่ได้รับอนุญาตในขณะที่มีโอกาสได้ประตูอย่างชัดเจน
ค. มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมเข้าไปในสนามทำให้เสียโอกาสในการได้ประตูอย่างชัดเจน
14.2 ถ้าผู้เล่นฝ่ายรุกสนามควบคุมบอลและร่างกายได้อย่างสมบูรณ์หลังจากถูกกระทำผิด โดยผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้าม ( ในขณะที่มีโอกาสจะได้ประตู ) จะต้องไม่ให้เป็นลูกโทษ ยกเว้นผู้เล่นฝ่ายรุกส้มหรือเสียโอกาสที่จะได้ประตู จะต้องตัดสินให้เป็นลูกโทษ
14.3 หลังจากผู้ตัดสินเป่าสัญญาณให้เป็นลูกโทษแล้ว ผู้ตัดสินต้องให้สัญญาณหยุดเวลาทุกครั้ง
14.4 ในขณะที่ทำการยิงลูกโทษ และผู้เล่นคนอื่นของฝ่ายผู้ยิงลูกโทษ ไม่สามารถเล่นบอลได้ จนกว่าลูกบอลจะสัมผัสฝ่ายตรงกันข้ามหรือประตู
14.5 ผู้ยิงลูกโทษ ไม่สามารถสัมผัสหรือข้ามเส้น 7 เมตร ก่อนที่ลูกบอลจะหลุดจากมือ
14.6 ผู้ที่ยิงลูกโทษ และผู้เล่นคนอื่นของฝ่ายผู้ยิงลูกโทษ ไม่สามารถเล่นบอลได้ จนกว่า ลูกบอลสัมผัสกับฝ่ายตรงข้ามหรือประตู
14.7 ในขณะที่ทำการยิงลูกโทษ ผู้เล่นคนอื่นของฝ่ายผู้ยิงลูกโทษ ต้องอยู่นอกเขตส่งลูกกินเปล่า ( เส้น 9 เมตร ) จนกว่าลูกบอลจะหลุดจากมือของผู้ยิงประตูไปแล้ว ถ้ามีการทำผิดกติกาให้เปลี่ยนเป็นลูกส่งกินเปล่าแก่ฝ่ายตรงข้าม
14.8 ในขณะที่ทำการยิงลูกโทษ ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต้องอยู่นอกเขตส่งลูกกินเปล่า ( เส้น 9 เมตร ) และห่างจากผู้ยิงลูกโทษออกไป 3 เมตร ถ้ามีการทำผิดกติกาให้ยิงลูกโทษอีกครั้ง ถ้าลูกนั้นไม่เข้าประตู
14.9 ให้มีการยิงลูกโทษใหม่อีกครั้งถ้าลูกไม่เข้าประตู เนื่องจากผู้รักษาประตูข้ามเส้น 4 เมตร ก่อนที่ลูกบอลจะหลุดจากมือของผู้ยิงลูกโทษ
14.10 ไม่อนุญาตให้มีการถ่วงเวลาในการเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตู ในขณะที่ทำการยิงลูกโทษ พร้อมที่จะทำการยิง ถ้าเกิดการทำผิดในกรณีให้ลงโทษโดยใช้ข้อไม่มีน้ำใจนักกีฬา
การปฏิบัติในการส่ง ( ส่งลูกริเริ่มเล่นส่งลูกเข้าเล่น การส่งจากผู้รักษาประตูส่งกินเปล่า ลูก 7 เมตร )
15.1 ลูกบอลจะต้องอยู่ในมือผู้ส่งก่อนที่ทำการส่ง ผู้เล่นทุกคนต้องอยู่ในตำแหน่งตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการส่ง และผู้เล่นต้องอยู่ในตำแหน่งนั้นจนกว่าบอลจะหลุดออกจากมือของผู้ส่ง
15.2 ยกเว้นการส่งจากผู้รักษาประตู ให้สามารถใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าสัมผัสกับพื้น และเมื่อส่งลูกให้ยกเท้าอื่น และวางลงได้อีกครั้ง
15.3 ผู้ตัดสินจะต้องเป่านกหวีดเมื่อเริ่ม
ก. ทุกกรณีของการส่งลูก ( กติกาข้อ 10.3 ) และยิงลูกโทษ
ข. ในกรณีของการส่งลูกเข้าเล่น การส่งลูกของผู้รักษาประตูหรือส่งลูกกินเปล่า
: เมื่อเริ่มเล่นหลังจากขอเวลานอก
: เมื่อเริ่มส่งลูกกินเปล่า กรณีที่เกิดการเปลี่ยนตัวผิดกติกา
: เมื่อเริ่มเล่นหลังจากลงโทษผู้เล่นโดยการให้บัตรเหลือง สั่งพัก 2 นาที ตัดสิทธิ์
: เมื่อหลังจากการแก้ไขตำแหน่งของผู้เล่นให้ถูกต้อง
: หลังจากมีการเตือนหรือลงโทษ
หลังจากสัญญาณของผู้ตัดสิน ผู้เล่นจะต้องส่งลูกบอลภายใน 3 วินาที
15.4 การส่งจะถือว่าสมบูรณ์เมื่อลูกบอลได้หลุดออกจากมือจะต้องไม่ใช้วิธีการยื่นลูกบอลหรือแตะโดยเพื่อนร่วมทีม
15.5 ผู้ส่งลูกจะต้องไม่ถูกบอลอีกจนกว่าลูกบอลจะได้ถูกผู้เล่นคนอื่นหรือถูกประตูก่อน
15.6 การส่งลูกทุกชนิด ถ้าลูกเข้าประตูโดยตรงถือว่าเข้าประตู
15.7 ในขณะที่มีการส่งลูกเข้าเล่นหรือส่งลูกกินเปล่า ผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้ามยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง และฝ่ายส่งบอลได้ทำการส่งบอลเพื่อเล่นเร็วและกำลังได้เปรียบ ผู้ตัดสินอาจไม่เข้าใจตำแหน่ง แต่ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าฝ่ายรุกไม่ได้เปรียบจึงให้แก้ไขตำแหน่งของฝ่ายรับให้ถูกต้อง
ถ้าผู้ตัดสินให้สัญญาณนกหวีดเพื่อให้เริ่มส่ง แม้ว่าผู้เล่นฝ่ายรับจะมีตำแหน่งไม่ถูกต้องก็ตาม กรณีเช่นนี้ฝ่ายรับมีสิทธิ์เข้าเล่นได้
ผู้เล่นจะถูกเตือนถ้าทำการถ่วงเวลาหรือกีดขวางการส่งของคู่ต่อสู้โดยการยืนชิดหรือทำผิดอย่างอื่น จะต้องถูกสั่งพัก 2 นาที ถ้าทำซ้ำอีกหลังจากได้ทำการเตือนแล้ว
การลงโทษ (The Punishments)
16.1 การเตือนจะทำเมื่อ
ก. การทำผิดเกี่ยวกับการเข้าเล่นกับฝ่ายตรงกันข้าม ( กติกาข้อ 5.6, 8.4-11 )
ข. การทำผิดเกี่ยวกับการเข้าเล่นฝ่ายตรงข้ามจะต้องถูกลงโทษ ( กติกาข้อ 8.13 )
ค. การทำผิดในขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามกำลังทำการส่ง ( กติกาข้อ 16.7 )
ง. การกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาโดยผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ประจำทีม
16.2 ในขณะที่มีการเตือน ผู้ตัดสินจะต้องแสดงการทำผิดนั้น ๆ ของผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ และแสดงให้ผู้จับเวลาและผู้บันทึกทราบโดยการใช้บัตรสีเหลือง
ข้อสังเกต บัตรสีเหลืองควรมีขนาด 9 ? 12 เซนติเมตร นักกีฬาแต่ละคนไม่ควรได้รับการเตือนเกินกว่า 1 ครั้ง และทีมหนึ่งไม่ควรเกิน 3 ครั้ง ผู้เล่นที่ถูกสั่งพัก 2 นาที ไม่ควรมีการเตือนอีก และทีมเจ้าหน้าที่ไม่ควรถูกเตือนเกินกว่า 1 ครั้ง
16.3 การสั่งพัก 2 นาที จะทำเมื่อ
ก. มีการเปลี่ยนตัวไม่ถูกต้อง หรือการเข้าสู่สนามทผิดกติกาซ้ำเนื่องจากการเข้าเล่นกับฝ่ายตรงกันข้าม จะถูกลงโทษ ลักษณะการเล่นที่รุนแรง ( กติกาข้อ 8.13 )
ค. การทำผิดซ้ำเกี่ยวกับการไม่มีน้ำใจนักกีฬาของผู้เล่นในสนาม
ง. ไม่วางลูกบอลลงอย่างทันทีในขณะที่มีการตัดสินให้ฝ่ายตรงกันข้ามได้เล่น ( กติกาข้อ 13.8 )
จ. ทำผิดกติกาซ้ำ ๆ ในขณะที่คู่ต่อสู้กำลังส่งลูก
ฉ. ผลที่เกิดจากการตัดสิทธิ์ผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ประจำทีม
ข้อยกเว้น การสั่งพักสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีการเตือนมาก่อน
16.4 ผู้ตัดสินจะต้องแสดงการสั่งพักผู้เล่นที่ทำผิดให้ชัดเจนและแจ้งให้ผู้จับเวลา ผู้บันทึกด้วยการใช้สัญญาณมือ ในลักษณะยกมือเหยียดแขนขึ้นข้างเดียวและชูนิ้วสองนิ้ว
การสั่งพักโดยปกติจะให้หยุดพัก 2 นาที แต่ถ้าเป็นผู้เล่นคนถูกสั่งพักครั้งที่ 3 ผู้เล่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน
ผู้เล่นที่ถูกสั่งพักจะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันในขณะที่ถูกสั่งพัก และจะไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นอื่นเข้าแทนได้
ช่วงเวลาการสั่งพักจะเริ่มเมื่อการเล่นได้เริ่มขึ้นใหม่ด้วยสัญญาณนกหวีด การสั่งพัก 2 นาทีจะมีต่อไปจนถึงครึ่งเวลาหลังถ้าเลาสั่งพักนั้นยังไม่หมด และได้หมดเวลาของครึ่งแรกก่อน และให้รวมถึงเวลาเพิ่มเติมพิเศษด้วย
16.5 การตัดสิทธิ์จะทำเมื่อ
ก. ถ้าผู้เล่นที่ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันเข้าไปในสนามกติกาข้อ 4.3 )
ข. ทำผิดอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการเข้าเล่นกับฝ่ายตรงกัน ( กติกาข้อ 8.14 )
ค. การกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬา โดยนักกีฬาหรือเจ้าหน้าที่ประจำทีมที่อยู่นอกสนาม
ง. การกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาอย่างรุนแรง โดยผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ประจำทีม
จ. ผู้เล่นคนเดิมถูกสั่งพักครั้งที่ 3
ฉ. การรุกรานโดยเจ้าหน้าที่ประจำทีม
การตัดสิทธิ์ผู้เล่นหรือเจ้าหน้าประทีมในขณะเวลาแข่งขัน จะต้องทำคู่ไปกับการสั่งพัก 2 นาทีด้วย โดยผู้เล่นในสนามจะต้องลดลง 1 คน
16.6 ผู้ตัดสินจะต้องแสดงการตัดสิทธิ์ผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดต่อผู้จับเวลา ผู้บันทึกโดยการชูบัตรสีแดง
การตัดสินผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ประจำทีมจะทำในเวลาการเล่นผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่จะต้องออกจากสนามและบริเวณเขตการเปลี่ยนตัวทันที
การตัดสินสิทธิ์จะต้องลดจำนวนผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่จากที่มีอยู่ ( ยกเว้นกติกาข้อ 16.12 ข. ) แต่อย่างไรก็ตาม จะอนุญาตให้เพิ่มจำนวนผู้เล่นในสนามได้เมื่อหมดเวลาสั่งพัก 2 นาที ( ข้อสังเกตกติกา ข้อ 4.6 )
ข้อสังเกต บัตรสีแดงมีขนาด 9 ? 12 เซนติเมตร
การบังคับให้ออกจากบริเวณเขตเปลี่ยนตัว หมายถึง ผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ต้องออกจากตำแหน่งที่เขาจะสวมมีผลต่อทีมได้
16.7 การให้ออกจะทำเมื่อ
ในกรณีที่มีการทำร้ายในขณะแข่งขัน รวมถึงนอกสนามแข่งขันด้วย ( กติกาข้อ 8.15, 17.8-9 )
ข้อสังเกต การทำร้าย หมายถึง การกระทำโดยเจตนา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการทำร้ายต่อผู้อื่น ( กติกาข้อ 8.15 ) เช่น ผู้เล่น ผู้ตัดสิน ผู้จับเวลา ผู้บันทึก เจ้าหน้าที่ หรือผู้ชม
16.8 ผู้ตัดสินควรจะขอเวลานอกและแจ้งให้ผู้เล่นที่ทำผิดทราบและแจ้งต่อผู้จับเวลาและผู้บันทึกโดยตรง โดยการแสดงสัญญาณมือต่อหน้าผู้เล่น ด้วยการยกมือทั้งสองไขว้ที่ระดับใบหน้า
การให้ออกจะทำในเวลาเล่นและทีมนั้นจะเล่นต่อโดยมีผู้เล่นในสนามน้อยลงไป 1 คน ผู้เล่นที่ถูกให้ออกจากสนามทันที ( รวมทั้งบริเวณเขตเปลี่ยนตัว )
16.9 ถ้าผู้เล่นที่ถูกสั่งพัก 2 นาทีทำการละเมิดกติกาก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันใหม่ ให้พิจารณาแยกการลงโทษแต่ละอย่างไป
16.10 ถ้าผู้รักษาประตูถูกสั่งพัก ตัดสิทธิ์ หรือให้ออก ผู้เล่นคนอื่น ๆ 1 คนจะต้องเข้าแทนตำแหน่งผู้รักษาประตู ( กติกาข้อ 4.1 )
16.11 ผู้ตัดสินจะทำการเตือนผู้เล่นที่ทำผิดเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬา โดยไม่คำนึงถึงว่าเป็นการกระทำในหรือนอกสนาม ( กติกาข้อ 16.1 ง. )
ถ้าเป็นการทำซ้ำโดยผู้เล่นคนนั้นและอยู่ในสนามเขาจะถูกสั่งพัก ( กติกาข้อ 16.3 ค. ) ถ้าผู้เล่นคนนั้นอยู่นอกสนาม ( ผู้เล่นสำรองหรือผู้เล่นที่ถูกสั่งพัก ) จะถูกตัดสิทธิ์ ( กติกาข้อ 16.5 ค., 16.6 )
เจ้าหน้าที่ประจำทีมที่ทำการไม่มีน้ำใจนักกีฬาจะต้องถูกเตือน ( กติกาข้อ 16.1 ง. ) และถ้ายังทำซ้ำอีกจะถูกตัดสิทธิ์ ( กติกาข้อ 16.5 ค., 16.6 )
ถ้าการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬา หรือการทำร้ายเกิดขึ้นในขณะที่การแข่งขันหยุดลง เมื่อเริ่มการแข่งขันใหม่จะต้องเริ่มโดยให้การกระทำนั้นตรงกับเหตุที่หยุดการแข่งขันลง
ข้อสังเกต การแสดงออกด้วยวาจาหรือท่าทางซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นนักกีฬาที่ดี ให้ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬา
ให้พิจารณาลงโทษการไม่มีน้ำใจนักกีฬาหรือการกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาอย่างร้ายแรง ถ้าเจ้าหน้าที่ประจำทีมเข้าสู่สนามโดยไม่ได้รับอนุญาต ( กติกา ข้อ 4.4 )
ถ้าผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ประจำทีมทำผิดหลาย ๆ ครั้ง ( การละเมิดกติกาการกระทำที่ไม่มีน้ำใจกีฬา การรุกราน ) ในเวลาเดียวกันหรือคนละช่วงเวลา ซึ่งแต่ละอย่างเป็นโทษที่รุนแรงให้พิจารณาลงโทษที่หนักเพียงอันเดียว
16.12 การกระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาหรือการก้าวร้าว จะพิจารณาลงโทษดังนี้
ก่อนการแข่งขัน
ก. เตือน ในกรณีที่กระทำไม่มีน้ำใจนักกีฬา ( กติกาข้อ 16.1 ง. )
ข. ตัดสิทธิ์ ในกรณีที่กระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาอย่างรุนแรง ( กติกาข้อ 16.5 ง. และ ฉ. ) แต่อนุญาตให้ทีมนั้นเริ่มเล่นด้วยผู้เล่นใน 12 คน
ระหว่างเวลาพัก
ค. เตือน ในกรณีที่กระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬา ( กติกาข้อ 16.1 ง. )
ง. ตัดสิทธิในกรณีที่กระทำที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาซ้ำหรือรุนแรง หรือในกรณีที่เกิดการรุกราน ( กติกาข้อ 16.5 ค., ง. และ ฉ. )
ภายหลังการแข่งขัน
จ. เขียนรายงาน
ผู้ตัดสิน (The Referees)
17.1 ผู้ตัดสินทั้งสองคนมีอำนาจในการปฏิบัติหน้าที่เท่ากัน โดยมีผู้ช่วย คือผู้บันทึกและผู้จับเวลา
17.2 ผู้ตัดสินมีอำนาจกว่ากล่าวการกระทำของผู้เล่นตั้งแต่เริ่มเข้าสนาม จนถึงออกจากสนามแข่งขัน
17.3 ผู้ตัดสินมีหน้าที่รับผิดชอบในการสำรวจสนามแข่งขันประตู และลูกบอลก่อนเริ่มการแข่งขัน ( กติกาข้อ 3.1 ) และจะเป็นผู้พิจารณาว่าลูกบอลลูกใดที่จะใช้ในการแข่งขันได้ ในกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันได้ จะพิจารณาใช้ข้อเสนอของผู้ตัดสินที่มีชื่อแรก
ผู้ตัดสินจะต้องตรวจสอบเครื่องแต่งกายของทั้งสองทีมให้ถูกต้อง ตรวจสอบใบบันทึกและอุปกรณ์ของผู้เล่น และต้องแน่ใจว่าจำนวนผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเขตเปลี่ยนตัวนั้นเป็นไปตามกำหนดและจะต้องทราบเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบของทีมที่แน่นอนของแต่ละทีมหากมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้แก้ไข ( กติกาข้อ 10.1 )
17.4 ผู้ตัดสินที่มีชื่อแรกจะเป็นผู้เสี่ยงต่อหน้าผู้ตัดสินอีกคนหนึ่งและหัวหน้าทีมทั้งสองทีม ( กติกาข้อ 10.1 )
17.5 การเริ่มการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่มีชื่อเสียงเป็นลำดับที่สองจะทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในสนามต่ออยู่ด้านหลังของทีมที่จะส่งลูกเริ่มเล่น ( Court Referee )
ผู้ตัดสินในสนามจะเป็นผู้ให้สัญญาณนกหวีดให้ส่งลูกเริ่มเล่น ( กติกาข้อ 10.3 ) ต่อมา ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งได้ครอบครองลูกบอลผู้ตัดสินที่มีชื่อเป็นลำดับที่ 2 จะไปทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินที่เส้นประตูด้านที่เป็นฝ่ายรับ ผู้ตัดสินที่เริ่มอยู่ที่เส้นประตูอีกด้านหนึ่ง จะกลับมาเป็นผู้ตัดสินในสนามแทน เมื่อทีมนั้นสูญเสียการครอบครองลูกบอลผู้ตัดสินจะต้องเปลี่ยนแดนกันตลอดเวลาการแข่งขัน
17.6 โดยหลักการ ตลอดการแข่งขันควรจะควบคุมโดยผู้ตัดสินชุดเดิม มีหน้าที่รับผิดชอบให้การแข่งขันเป็นไปตามกติกาและจะต้องทำโทษกระทำผิดทุกชนิด ( กติกาข้อ 13.6, 14.9 )
ถ้าผู้ตัดสินคนใดไม่สามารถทำหน้าที่ที่ได้จนจบการแข่งขัน ผู้ตัดสินอีกคนหนึ่งจะต้องทำหน้าที่ต่อโดยลำพัง
17.7 ในหลักการ ผู้ตัดสินในสนามจะเป่านกหวีดเมื่อ
ก. การส่งทุกชนิดที่เป็นไปตามกติกาข้อ 16.3 ก. ฉ. และภายหลังการขอเวลานอก ( กติกาข้อ 2.4 )
ข. เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน ถ้าสัญญาณอัตโนมัติไม่ทำงาน หรือผู้จับเวลาไม่ให้สัญญาณหมดเวลา
ค. เมื่อมีการได้ประตู
17.8 ถ้าผู้ตัดสินทั้งสองคนให้สัญญาณนกหวีดเกี่ยวกับการละเมิดกติกา และได้พิจารณาลงโทษ แต่ความคิดเห็นเกี่ยวกับความรุนแรงของการลงโทษต่างกัน ให้พิจารณาลงโทษที่รุนแรงกว่าเป็นหลัก
17.9 ถ้าผู้ตัดสินทั้งสองคนให้สัญญาณนกหวีดเกี่ยวกับการละเมิดกติกา แต่มีความคิดเห็นทีแตกต่างกันว่าทีมใดควรจะได้รับการลงโทษ ให้ยึดผู้ตัดสินในสนามเป็นหลัก
การแข่งขันจะเริ่มต่อไปเมื่อผู้ตัดสินในสนามได้ให้สัญญาณมืออย่างชัดเจนพร้อมสัญญาณนกหวีด
17.10 ผู้ตัดสินทั้งสองคนมีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมคะแนน และจะต้องควบคุมการบันทึกเกี่ยวกับการเตือน การสั่งพัก การตัดสิทธิ์ และการให้ออก
17.11 ผู้ตัดสินทั้งสองมีหน้าที่ในการควบคุมเวลาการแข่งขันหากเกิดการสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของการควบคุมเวลา ผู้ตัดสินที่มีชื่อเป็นชื่อแรกจะเป็นผู้พิจารณาตัดสิน
17.12 ผู้ตัดสินทั้งสองคนมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับใบบันทึก โดยไม่ต้องแน่ใจว่ามีความถูกต้องสมบูรณ์
17.13 การตัดสินของผู้ตัดสินให้พิจารณาจากพื้นฐานของความจริงและถือเป็นสิ้นสุด การอุทธรณ์ คำตัดสินที่ไม่เป็นไปตามกติกา หัวหน้าทีมมีสิทธิ์ที่แจ้งต่อผู้ตัดสินได้
17.14 ผู้ตัดสินทั้งสองคนมีอำนาจที่จะหยุดการแข่งขันชั่วขณะหนึ่ง หรือยุติการแข่งขันได้ต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะให้การแข่งขันดำเนินต่อไปก่อนที่จะมีการตัดสินให้ยุติการแข่งขัน
17.15 ผู้ตัดสินจะต้องใส่ชุดสีดำเป็นหลักหรือสีอื่นที่แตกต่างจากผู้เล่นทั้งสองทีมอย่างชัดเจน
ผู้บันทึกและผู้จับเวลา (The Scorekeeper and The Timekeeper)
18.1 ผู้บันทึกต้องตรวจสอบรายชื่อของทีม เฉพาะผู้เล่นที่มีชื่อเท่านั้นมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันได้ ผู้บันทึกกับผู้จับเวลาจะต้องช่วยกันตรวจสอบการลงสนามของผู้เล่นที่มาถึงสนาม หลังจากการแข่งขันได้เริ่มไปแล้ว หรือเข้าสู่สนามอีกภายหลังจากถูกสั่งพัก
ผู้บันทึกมีหน้าที่ควบคุมและทำเครื่องหมายต่าง ๆ ที่จำเป็นลงในใบบันทึก ( การได้ประตู การเตือน การสั่งพัก การตัดสิทธิ์ และการให้ออก )
18.2 ผู้จับเวลามีหน้าที่ควบคุม
ก. เวลาการแข่งขัน ( กติกาข้อ 2.1, 2.4, 2.7 ) การหยุดและเริ่มเวลาเมื่อผู้ตัดสินสั่ง
ข. จำนวนผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ในเขตเปลี่ยนตัว ( กติกาข้อ 4.1 )
ค. ร่วมกับผู้บันทึก เกี่ยวกับผู้เล่นที่มาถึงภายหลังจากที่การแข่งขันได้เริ่มไปแล้ว ( กติกาข้อ 4.3 )
ง. การออกและเข้าสนามของการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ( กติกาข้อ 4.4, 4.5 )
จ. ผู้เล่นที่เข้าสนามโดยไม่สิทธิ์ ( กติกาข้อ 4.6 )
ฉ. เวลาสั่งพักสำหรับผู้เล่นที่ถูกสั่งพัก
ถ้าไม่มีนาฬิกาที่สามารถแจ้งเวลาสิ้นสุดการแข่งขันแบบอัตโนมัติ ผู้จับเวลาจะต้องให้สัญญาณหยุดการแข่งขันในแต่ละครึ่งอย่างชัดเจน
18.3 เมื่อมีการหยุดเวลาการแข่งขัน ( ขอเวลานอก ) ผู้จับเวลาจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ประจำทีมของแต่ละทีมได้ทราบว่า เวลาแข่งขันหมดไปเท่าไร ( ยกเว้นในกรณีที่มีนาฬิกาที่สามารถแจ้งเวลาให้สาธารณชนทราบ )
18.4 ผู้จับเวลาจะต้องแจ้งให้ผู้เล่นที่ถูกสั่งพัก หรือเจ้าหน้าที่ประจำทีมที่รับผิดชอบได้ทราบว่าเมื่อไรจะหมดเวลาสั่งพัก
hypertext transfer protocol : //www.youtube.com/watch ? v=3pNopMtwtHo กติกาการแข่งขัน กีฬาแฮนด์บอล
Share this:
Like this:
Like
Read more: The MMS Institute Thailand
Loading…