เซเลอ ( เยอรมัน : SEELE ) เป็นองค์กรลับที่จัดตั้งขึ้นในเยอรมนีเมื่อ สงครามโลกครั้งที่สอง จบลง นำโดยคีล ลอเรนซ์ ( Keel Lorenz ) มีเป้าหมายเพื่อพัฒนามนุษย์ชาติไปสู่ความเป็นหนึ่งนิรันด์ เซเลอได้คอยอำนวยการให้เหตุการณ์ต่างๆเป็นไปตามคัมภีร์เดดซีที่ค้นพบก่อนหน้านี้ในบริเวณ ทะเลเดดซี ของ ประเทศจอร์แดน เซเลอเป็นนายทุนคอยสนับสนุนโครงการต่างๆของประเทศอภิมหาอำนาจตลอดจนสหประชาชาติ และในที่สุดก็มีอำนาจและอิทธิพลเหนือสหประชาชาติและประเทศอื่นๆเซเลอมองว่า การที่ลิลิธได้หยั่งรากอารยธรรมบนดาวโลกนั้นเป็นสิ่งที่ผิด และเผ่าพันธุ์เทวทูตซึ่งเป็นบุตรแห่งพระเจ้าคือผู้มีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการหยั่งราก เพื่อหลีกหนีความตาย สมาชิกเซไล่ได้ละทิ้งกายเนื้อไปคงเหลือแต่ระบบที่จำลองมาจากสติและจิตวิญญาณของแต่สมาชิกละคน ซึ่งทำให้สามารถมีชีวิตได้ตลอดกาล
สถาบันมาร์ดุค ( อังกฤษ : Marduk Institute ) ถูกอ้างว่าเป็นสถาบันที่ทำหน้าที่เสาะหาเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีแก่เนิร์ฟเพื่อเป็นนักบินของอีวา อย่างไรก็ตามสถาบันนี้ไม่มีอยู่จริง การสรรหานักบินทั้งหมดเสาะหาโดย ดร.อาคางิ รึสึโกะ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของเนิร์ฟสาขาญี่ปุ่น ในเนิร์ฟมีเพียง ผบ.อิคาริ และรองผบ.ฟุยุสึกิเท่านั้นที่รู้ความจริงข้อนี้
เดิมเป็นองค์กรที่ชื่อว่า เกเฮียร์น ( เยอรมัน : Gehirn ) ที่มีหน้าที่พัฒนาชีวจักรกล อีวาซีรีส์ และซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เมไจ ตลอดจนพัฒนาเมืองนีโอโตเกียว-3 และจีโอฟรอนท์ ขึ้นตรงต่อ สหประชาชาติ มีอิคาริ เก็นโด เป็นผู้บัญชาการ และ ดร. อาคางิ ริสึโกะ เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค ต่อมาในปี 2002 ศาสตราจารย์ โคโซ ฟุยูสึกิ เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการ ภายหลังการก่อสร้างในจีโอฟรอนซ์ทั้งหมดสิ้นสุดลง เกเฮียร์นก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เนิร์ฟ ( NERV ) ในปี 2010 และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเริ่มเข้าไปทำงานในจีโอฟรอนซ์อันเป็นสำนักงานใหญ่ของเนิร์ฟ นอกจากเนิร์ฟสำนักงานใหญ่แล้ว เนิร์ฟมีสาขาอีก 3 แห่งด้วยกันคือ :
- NERV-01 ตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ที่อีวา-03 ถูกสร้างขึ้นมา
- NERV-02 ตั้งอยู่ในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เนิร์ฟสาขานี้ได้อันตรธานหายไปเมื่อมีการทดสอบการจ่ายพลังงานจาก S² Engine ให้แก่ อีวา-04
- NERV-03 ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี เป็นสถานที่ที่อีวา-02 ถูกสร้างขึ้นมา และเป็นสถานที่ที่ใช้วิจัย S² Engine จากคอร์ของเทวทูตตนที่สี่ แชมเชล
ทบวงข่าวกรองความมั่นคงเนิร์ฟ ( Nerv Department of Security Intelligence ) เป็นหน่วยงานของเนิร์ฟที่ปรากฏในภาคโทรทัศน์ รับผิดชอบการรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง สืบสวนด้านความมั่นคง รวมไปถึงการส่งสายลับคอยติดตามไพล็อตของอีวานเกเลียน แม้จะเป็นหน่วยงานของเนิร์ฟแต่ก็ไม่ได้ภักดีกับเนิร์ฟเสมอไป ดูเหมือนองค์กรนี้ทำงานอย่างมีแรงจูงใจเป็นของตนเอง เนื่องจากบางครั้ง องค์กรนี้ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหรือปล่อยให้เกิดเหตุการณ์สุ่มเสี่ยงต่อเนิร์ฟขึ้น อาทิ การปล่อยให้คาจิลักพาตัวศาสตราจารย์ฟุยูสึกิ, การละสายตาจากอาสึกะเป็นเวลากว่าหนึ่งสับดาห์จนเธอเกือบจะฆ่าตัวตาย
ภายหลังเซคัลด์อิมแพกในปี 2000 ภัยธรรมชาติและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นข้ออ้างให้สหประชาชาติที่มีเซเลออยู่เบื้องหลัง อ้างถึงความจำเป็นที่สหประชาชาติต้องมีกองกำลังทหารเป็นของตัวเอง และในที่สุดกองทัพสหประชาชาติก็เกิดขึ้น
ทบวงโครงการอีวานเกเลียนระหว่างประเทศ ( International Project Evangelion Agency ) หรือเรียกอย่างย่อว่า IPEA ปรากฏในภาครีบิวด์ เป็นองค์กรปริศนาที่อยู่ในเขตอำนาจของสหประชาชาติ มีการดำเนินงานที่เป็นอิสระจากเนิร์ฟ หน่วยงานนี้รับผิดชอบการนำอีวา-02 ไปเก็บรักษาไว้ภายใต้ข้อตกลงตามสนธิสัญญาวาติกัน หน้าจอตอนเดินเครื่อง อีวา-05 ปรากฏข้อมูลว่าระบบส่วนย่อยถูกผลิตขึ้นโดย IPEA
รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นองค์กรที่ไม่ได้ถูกเซเลอครอบงำโดยตรง แต่ปฏิบัติตามคำขอของสหประชาชาติในการร่วมมือกับเนิร์ฟในการกำจัดเทวทูต กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่สนับสนุนในด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการกำจัดเทวทูต ปืนไรเฟิลอานุภาพสูงที่ใช้ในการกำจัดเทวทูตตนที่ 5 รามิเอล ก็เป็นอาวุธที่พัฒนาโดยฝ่ายวิจัยของกองกำลังป้องกันตนเอง
อิมแพก หมายถึง เหตุการณ์ที่รุนแรงพอที่จะก่อให้เกิดการล้างสรรพชีวิตบนโลก
เป็นหุ่นรบที่องค์การเนิร์ฟสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการต่อสู้กับเทวทูติที่คาด ว่าจะมาโจมตีมนุษย์ ถึงภายนอกจะดูเป็นหุ่นยนต์แต่ความจริงภายในมีลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่คล้าย มนุษย์มากกว่า มีเลือด ลำไส้ กล้ามเนื้อต่างๆโดยถูก “ เกราะ “ ปกปิดไว้เพื่อควบคุม หุ่นรบนี้จะใช้พลังขับเคลื่อนจากไฟฟ้าโดยเชื่อมต่อจากสายเคเบิลเข้าสู่ตัว หุ่น หากสายไฟขาด หุ่นจะเปลี่ยนเป็นใช้พลังงานของแบทเตอร์รี่ในตัวแทน โดยแบทเตอร์รี่นี้จะมีไฟฟ้าเพียงพอให้ระบบต่างๆทำงานได้ 16 ชั่วโมง แต่จะใช้ในกรณีรบได้เพียงไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น
หมายเลข 00 [แก้ ]
อีวา-00 เป็นหุ่นตัวแรกที่เนิร์ฟผลิตขึ้นโดยโคลนนิ่งจาก “ อาดัม “ ที่เก็บได้จากขั้วโลกใต้ นักบินที่บังคับอีวา 00 คือ “ อายานามิ เรย์ “ โดยไม่สามารถควบคุมได้มีอาการอาละวาดระหว่างการทดสอบบ่อยครั้ง
หมายเลข 01 [แก้ ]
อีวา-01 เป็นหุ่นตัวแรกที่ใช้ในการทดสอบเชื่อมต่อกับมนุษย์โดยทดสอบกับมนุษย์คนแรกยูอิ แม่ของชินจิและเกิดอุบัติเหตุกลายเป็นจิตวิญญาณของหุ่นไป โดยต้นแบบใช้ลิลิธ จึงทำให้อีวา-01 ต่างจากหุ่นตัวอื่นๆ เพราะเป็นตัวเดียวที่สร้างมาจากลิลิทโดยตรงโดยใช้ท่อนร่างของลิลิทเองและเป็นอีวาที่ถูกสร้างโดย อิคาริ ยูอิคุณแม่ของชินจิ
นักบินประจำของอีวา-01 คือ อิคาริ ชินจิ
หมายเลข 02 [แก้ ]
อีวา-02 เป็นหุ่นตัวแรกที่ใช้สร้างขึ้นเพื่อการออกรบแบบเต็มกำลัง จึงมีอุปกรณ์การรบมากกว่าโดยมีต้นแบบมาจากอาดัมโดย อีวา-02สร้างขึ้นที่เยอรมัน โดยผู้รับผิดชอบก็คือ “ โซริว เคียวโกะ แรงเล่ย์ “ แม่ของอาสึกะนั่นเอง แต่เพราะการหมกมุ่นในการทดลองอย่างมาก จนเป็นโรคประสาท และฆ่าตัวตายไป ด้วยความหมกมุ่นในตัวอีวา-02 และอาจจะคิดว่าหุ่นตัวนี้สร้างมาเพื่อให้ลูกตัวเองซึ่งก็คืออาสึกะขับเท่า นั้น วิญญาณของเคียวโกะจึงได้ไปสิงสถิตย์อยู่ในอีวา-02 อาสึกะจึงสามารถขับหุ่นตัวนี้ได้ โดย อีวา-02 ออกรบครั้งแรกในการสู้กับเทวทูตตัวที่ 6 โดยสร้างปาฏิหาริย์ในการต่อสู้ เพราะปกติและจะไม่สามารถต่อสู้ในน้ำได้ แต่เพราะความร่วมมือของอาสึกะและชินจิทำให้อีวา-02 สามารถขยับได้ทำให้แผนการครั้งนั้นสำเร็จ
หมายเลข 03 [แก้ ]
อีวา-03 สร้างขึ้นต่อจากอีวา-02 ผลิตขึ้นในอเมริกาแต่ถูกส่งมาประจำที่เนิร์ฟสาขาญี่ป่นเนื่องจากทางอเมริกา ผู้ผลิตนั้นเริ่มหวาดกลัวอันตรายของการผลิต เนื่องจากหุ่นอีกตัวคือ อีวา-04 ได้เกิดอุบัติเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงสามหมื่นคน จึงได้ส่งมาให้ศูนย์ใหญ่คือที่ญี่ปุ่นรับผิดชอบไป โดยได้กำหนดตัวนักบินไว้คือ ซูซูฮาร่า โทจิ แต่ขณะที่ขนส่ง หุ่นตัวนี้ได้สัมผัสกับเทวทูติที่แฝงตัวอยู่ในก้อนเมฆระหว่างทางจึงทำให้ถูก เทวทูติเข้าครอบงำไป ทำให้ระหว่างการทดลองได้อาละวาดจนศูนย์ทดลองพังพินาศ อีวา-03 ออกรบครั้งแรกและเป็นการออกรบเพียงครั้งเดียว โดยถูกอีวา-01 จัดการทำลายเป็นชิ้นๆ ส่วนในภาค 2.22 อาสึกะจะเป็นนักบินแทน ซึ่งก็ถูกอีวา-01 จัดการเช่นกัน จนทำให้อาสึกะบาดเจ็บและเสียดวงตาข้างซ้ายไป
หมายเลข 04 [แก้ ]
อีวา-04 ผลิตขึ้นในสหรัฐอเมริกา แต่ระหว่างการติดตั้งเครื่อง S2 ได้เกิดอุบัติเหตุทั้งจุดที่ทดสอบเครื่อง S2 และในรัศมี 89 กิโลเมตรถูกดูดกลืนหายไปใน Dirac ‘s Sea ซึ่งมีข้อสันนิษฐานหลายข้อถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้แต่ยังไม่สามารถ สรุปได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่คาดว่าอีวา-04 ไม่ได้ใช้ระบบนักบินบังคับ โดยจะใช้ระบบอัตโนมัติในการควบคุมแทน
อีวา-05 ถึง 13 หรือว่าอีวาซีรีส์ ผลิตขึ้นตามสาขาของเนิร์ฟทั่วโลกอย่างเร่งด่วน เนื่องจากทางเซเลอเริ่มไม่ไว้วางใจในตัวของเก็นโดแล้ว จึงได้สั่งให้เร่งการผลิตขึ้น โดยใช้ข้ออ้างที่ว่าเสียหุ่นอีวา 00 ไป และกลัวว่าเทวทูตจะมาโจมตีหลายๆตัวพร้อมกัน อีวาซีรีส์ใช้ระบบดัมมี่พลั๊กที่มา จากบุคลิกของคาโอรุบรรจุอยู่ และใช้ระบบพลังงาน S2 โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของแบตเตอร์รี่ในตัวว่าจะหมดลง และยังมีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้อีกด้วย การออกรบครั้งแรกอยู่ในภาค The end Of Evangelion โดยต่อสู้กับ อีวา-02 และเป็นฝ่ายชนะอีวา-02 ไป ( โดยจริงแล้ว หากอีวาซีรีส์ไม่มีอุปกรณ์ S2 ถือว่า อีวา-02 ชนะขาดไปแล้วเช่นกัน ) อีวาซีรีส์มีส่วนสำคัญในพิธีกรรมของ การ Impact ด้วย โดยปลดเครื่อง S2 ในตัวออกจนเกิดสนามพลังปฏิภาคเอที คืนรูปร่างเดิมของจีโอฟร้อนท์ให้กลับสู่สภาพของไข่ของลิลิธ และยังปรับตัวเองให้เข้ากับเรย์ในการ Impact ด้วย เมื่อชินจิล้มเลิกพิธีกรรม อีวาซีรีส์ก็กลายสภาพกลายเป็นหินและตกกลับสู่พื้นผิวโลก
Umbiliclal Cable [แก้ ]
เป็นสายไฟที่เชื่อมพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ตัวของอีวาเวลาออกรบจะสามารถทำให้รบ ได้อย่างไม่จำกัดเวลา แต่หากสายไฟขาดอีวาจะใช้พลังงานในแบทเตอร์รี่ของตัวเองแทนโดยอัตโนมัติ สายไฟนี้มีอยู่ตามอาคารป้อมปราการทั่วไปเพื่อให้อีวามีความสะดวกในการใช้ สำหรับคำว่า Umbiliclal นั้นมาจาก “ Umbiliclal Cord “ ซึ่งก็คือสายรกที่เชื่อมระหว่างแม่กับลูกระหว่างอยู่ในครรภ์
“ Link Connection Liquid “ เป็นของเหลวสีส้มที่อยู่ในเอนทรี่ พลั๊ก คุณสมบัติของ L.C.L นี้ก็คือสามารถให้ออกซิเจนแก่นักบินในเอนทรี่ พลั๊กได้ คิดแล้วก็เหมือนกับเป็นน้ำคร่ำในครรภ์นั่นเอง ถ้าพูดถึง L.C.L ในภาค The end Of Evangelion ของเหลว L.C.L ก็คือแหล่งกำเนิดชีวิตนั่นเอง
601 code [แก้ ]
รหัสตัวเลขที่แสดงความหมายว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ ปรากฏใน Episode ที่ 5 ริตสึโกะใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์ซากเทวทูตตนที่ 4 ที่ชินจิจัดการ
666 defender [แก้ ]
ระบบป้องกัน บีดานันแบบ B เป็นระบบป้องกันการ Hacking เมไจที่ริตสึโกะเขียนโปรแกรมขึ้นมา หลังจากที่เมไจของเนิร์ฟในญี่ปุ่นถูกเมไจจากเนิร์ฟสาขาอื่นๆจู่โจมในภาค The end Of Evangelion โดยสร้างกำแพงป้องกันไว้ 666 ชั้น
A – 17 [แก้ ]
ประกาศคำสั่งที่ออกโดยรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่ออนุญาตให้เนิร์ฟทำการเก็บเทวทูติตัวที่ 8 ( ใต้ลาวา ) เพราะเนื่องจากอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ 3rd Impact ได้ ประกาศนี้ยังได้ให้อำนาจแก่องค์การสหประชาชาติในการใช้ระเบิดไนโตรเจน ( N2 ) ทำลายพื้นที่ที่ทำการเก้บเทวทูติด้วย หากเกิดการผิดพลาดระหว่างการจัดเก็บ
เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกเผ่าพันธุ์ทรงปัญญาเผ่าแรกในกาแล็กซี เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีวิวิฒนาการและอารยธรรมก้าวหน้าถึงขีดสุด พวกเขาส่งเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตไปทั่วกาแล็กซีเพื่อให้กำเนิดชีวิตใหม่ ได้แก่เผ่าพันธุ์เทวทูตที่มีพละกำลังแต่ด้อยสติปัญญา กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีสติปัญญาแต่ด้อยพละกำลัง
เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพละกำลังเทียมพระเจ้าแต่ด้อยสติปัญญา ที่มาของเทวทูตนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด สมมติฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดคืออาดัมได้ออกไข่เทวทูตเอาไว้ตั้งแต่หลายพันล้านปีที่แล้วแต่ยังไม่ได้มอบวิญญาณให้ เมื่อเกิดเซคัลด์อิมแพกไข่เหล่านี้จึงได้รับวิญญาณ บ้างก็เชื่อว่าเทวทูตเกิดจากชิ้นส่วนของร่างกายอาดัมที่ระเบิดออกในช่วงเซคัลด์อิมแพก
Read more: Swansea City A.F.C.
พฤติกรรมและจุดมุ่งหมายของเทวทูตก็ไม่เป็นที่แน่ชัด บางตนแค่พยายามกลับคืนสู่อาดัมเหมือนเป็นสัณชาติญาณ, บางตนพยายามเข้าหาลิลิธเพื่อรีเซตสรรพชีวิต, บางตนเหมือนไม่ได้คิดอะไรเลย, บางตนต้องการฟื้นคืนชีพอาดัมผู้ให้กำเนิด
Absolute Terror Field บ้างเรียกกำแพงแห่งจิตใจ เป็นสนามพลังที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในจักรวาล เพียงแต่อีวานเกเลียนและเทวทูตมีสนามพลังเอทีที่แข็งแกร่งมากจนสามารถป้อนกันการโจมตีทางกายภาพได้ อาวุธธรรมดาไม่สามารถทะลวงฝ่าสนามพลังของเทวทูตได้ สิ่งที่จะผ่าสนามพลังนี้ได้ก็คือสนามพลังเอทีที่แข็งแกร่งกว่าซึ่งสร้างโดยอีวานเกเลียน หอกลองกินุสที่สร้างโดยพระเจ้าเป็นอาวุธที่สามารถทะลวงสนามพลังเอทีทั้งหมดได้ สิ่งมีชีวิตไม่สามารถดำรงรูปกายได้หากไม่มีสนามพลังเอที และจะกลายสภาพไปเป็นกายระดับโมเลกุลที่เรียกว่า LCL
ตึกสรรพาวุธ ( Armament Building ) เป็นกลุ่มตึกสูงของเมืองนีโอโตเกียว 3 ในตึกเหล่านี้จะเก็บอาวุธที่ใช้ทำการรบไว้ เช่น ปืนไรเฟิล รวมถึงสาย Umbilical Cable ที่ใช้ส่งไฟฟ้าไปสู่ตัวอีวาด้วย อาคารเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเตรียมรับการโจมตีจากพวกเทวทูตโดยเฉพาะ
ดวงจันทร์สีดำ ปรากฏอยู่ในภาค The end Of Evangelion เมื่ออีวาซีรีส์เริ่มปล่อย S2 เกิดพลังมหาศาล ผืนดินถูกทำลายกลายเป็นพื้นที่กว้างคล้ายหลุมดำ ( ซึ่งก็คือพื้นที่ที่สร้างจีโอฟร้อนท์นั่นเอง ที่เก็นโดบอกกับฟุยุสึกิตอนพาฟุยุสึกิลงไปครั้งแรก ว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนสร้างขึ้น ) ซึ่งพวกเซเลอเรียกว่าดวงจันทร์สีดำ เป็นไข่ของลิลิธ เป็นจุดกำเนิดของชีวิต ซึ่งเมื่อเริ่มพิธีกรรมเราก็จะเห็นเรย์กำลังปั้นก้อนกลมๆอยู่ซึ่งนั่นก็คือ Black Moon นั่นเอง
central Dogma แบ่งออกเป็นหลายชั้นหลายส่วน มีห้องทดลองอยู่มากมาย ศูนย์กลางของ Central Dogma คือที่เก็บระบบดัมมี่ ซึ่งอยู่ลึกจาก Geo presence 2008 เมตร ศูนย์กลางที่ว่านี้ก็คือแกนรูปสมองขนาดใหญ่ที่ใช้ผลิตระบบดัมมี่นั่นเอง
ก้อนกลมๆที่อยู่บนตัวของเทวทูต เปรียบเสมือนแกนกลางหรือหัวใจของเทวทูต การจะกำจัดเทวทูตให้ตายจะต้องทำลายแกนกลางนี้ ซึ่ง อีวาทุกรุ่นก็มีแกนกลางสีแดงนี้เหมือนกัน
ม้วนหนังสือเดดซี ถูกค้นพบเมื่อปีค.ศ. 1946 หนึ่งปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นคัมภีร์ที่เซเลอใช้พยากรณ์อนาคตของมนุษยชาติ
มีลักษณะเหมือนกับเอนทรี่ พลั๊ก แต่ต่างกันที่ไม่มีนักบินอยู่ในนั้น ภายในจะบรรจุข้อมูลของนักบินหลอกๆไว้แล้วส่งสัญญาณไปให้อีวา โดยอีวาจะรู้สึกเหมือนว่ามีนักบินบังคับอยู่
ระบบดัมมี่ เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาขาดแคลนนักบินบังคับอีวา ทำให้ทางเนิร์ฟต้องเร่งหาทางแก้ปัญหา หากเกิดเหตุเทวทูตมาโจมตีหลายๆแห่งในเวลาเดียวกัน ระบบนี้ใช้บุคลิกของเรย์และคาโอรุเป็นต้นแบบของข้อมูลที่ใส่ลงไป โดยข้อมูลนี้ไม่อาจจะแสดงผลเป็นตัวเลขได้เนื่องจากเป็นข้อมูลด้านอารมณ์ แต่จะส่งข้อมูลและสัญญาณดัมมี่ไปที่ตัวหุ่นว่า “ ใน Entry plug มีนักบินอยู่จริงๆ ”
มีลักษณะคล้ายแคปซูล สีขาว นักบินอีวาจะเข้าไปนั่งข้างในพลั๊ก หลังจากนั้นเอนทรี่ พลั๊กก็จะถูกส่งเข้าไปในตัวของหุ่นอีวา ภายในเอนทรี่ พลั๊กนั้นจะบรรจุของเหลวที่เรียกว่า L.C.L. ซึ่งจะช่วยนำออกซิเจนไปให้แก่นักบิน ภายในเอ็นทรี่ พลั๊ก นักบินยังคงสามารถเห็นโลกภายนอกได้หลังจากเชื่อมต่อระบบประสาทแล้ว
ใน ภาษาฮีบรู กุฟ ( גוף Guf ) มีความหมายว่ากาย ( body ) โถงแห่งกุฟในเนื้อเรื่องหมายถึงโถงแห่งกายทิพย์ ( Etheric body ) เป็นที่อยู่ของจิตที่ยังไม่ได้ไปเกิด ศาสตราจารย์ฟูยูสึกิเรียกโถงนี้ว่า “โถงแห่งกุฟถูกปลดผนึกแล้ว ในที่สุดประตูแห่งจุดเริ่มต้นและจุดจบของโลกก็เปิดขึ้นแล้วเหรอ” ลักษณะที่แท้จริงของโถงแห่งกุฟเป็นเรื่องยากจะเข้าใจได้ หลักฐานที่ปรากฏในเนื้อเรื่องชี้ว่ามันมิติซับซ้อนเกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์ อาจคล้ายกับทะเลดีแรค ( Dirac Sea ) เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตทั้งสอง ( อาดัมและลิลิธ ) มีโถงแห่งกุฟเป็นของตนเอง อาดัมได้เปิดโถงแห่งกุฟของตนในช่วงเซคันด์อิมแพก ซึ่งสามารถอนุมานว่าเป็นการปลดปล่อยจิตของเทวทูตบางส่วนลงมาจุติบนโลก และจากคำพูดของดร.ริตสึโกะเคยที่ว่า “อีวาไม่มีวิญญาณอยู่แต่แรก จึงต้องใส่วิญญาณคนลงไป ดังนั้นทุกตัวก็คือภาชนะ ภาชนะที่มีวิญญาณมีแค่เรย์คนเดียว วิญญาณนอกจากเด็กคนนั้นไม่เคยได้เกิดขึ้นมาหรอก โถงแห่งกุฟมันว่างมาตลอดนี่นา” [ 4 ] อาจอนุมานได้ว่า ลิลิธเคยเปิดโถงแห่งกุฟของตน ปลดปล่อยดวงจิตทั้งหมดมาจุติบนโลกจนโถงนั้นว่างเปล่า
แผนพัฒนามนุษยชาติ ( human Complement Program ) เป็นการร่วมมือกันระหว่างเก็นโดกับกลุ่มเซเลอ โดยเป้าหมายของแผนการนี้คือทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่อย่างนิรันดร์ รวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเก็นโดนั้นมีแนวคิดเรื่องแผนการนี้ต่างกับพวกเซเลอ เก็นโดต้องการใช้แผนการนี้เพื่อไปพบกับยูอิอีกครั้ง
หอกลองกินุส ( Spear of Longinus ) เป็นหอกขนาดใหญ่สองง่าม มีพลังเสมือนของพระเจ้า มีฤทธิ์เป็นปฏิภาคเอ.ที ( Anti A.T. ) ทำให้สามารถทะลุทะลวงสนามพลังเอที ( A.T. Field ) ได้ทุกชนิด แต่มิได้ไปเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบภายในของร่างกาย หอกลองกินุสที่ปรากฏในเนื้อเรื่องเป็นหอกลองกินุสของอาดัม ซึ่งได้หยุดยั้งอาดัมไม่ให้หยั่งรากเผ่าพันธุ์เทวทูตบนดาวโลกเมื่อ 4,000 ล้านปีก่อน อาดัมได้อยู่ในภาวะสลบมานับตั้งแต่นั้น ในภาคโทรทัศน์ เมื่อมนุษย์ค้นพบร่างอาดัมที่หลับไหลอยู่ที่ขั้วโลกใต้โดยมีหอกลองกินุสปักอยู่กลางหลัง จึงได้ถอดหอกเล่มนี้ออกจากร่างอาดัมและนำไปศึกษาที่ประเทศจอร์แดน แม้จะถอดหอกออกไปแต่อาดัมก็ยังไม่ตื่นขึ้น ในเหตุการณ์ 2nd impact นักวิจัยได้ยิงหอกลองกินุสสู่ร่างอาดัมเพื่อหวังจะหยุดยั้งอาดัมแต่ไม่เป็นผล ร่างอาดัมขยายใหญ่จนระเบิดขึ้น หลังจากนั้น หอกเล่มนี้ถูกนำไปรักษาไว้ที่ศูนย์บัญชาการของเนิร์ฟที่ญี่ปุ่น ในตอนที่ 12 เรย์ได้รับคำสั่งจากเก็นโดให้นำหอกเล่มนี้ไปปักร่างลิลิธไว้ในเซ็นทรัลด็อกม่า ก่อนที่ต่อมาจะถูกถอดไปเพื่อใช้กำจัดเทวทูตตนที่ 15 อราเอล และสุดท้ายหอกเล่มนี้ก็โคจรไปปักอยู่บนดวงจันทร์ สำหรับหอกลองกินุสในภาครีบิวด์พบว่ามีอยู่หลายเล่มด้วยกัน ในฉากรำลึกความหลังเหตุการณ์เซคัลด์อิมแพกของภาคนี้ได้ปรากฏหอกที่มีลักษณะคล้ายกันอยู่ 4 เล่ม แต่ปัจจุบันปรากฏออกมาในเนื้อเรื่องแล้วเพียง 2-3 เล่ม คือสองเล่มที่ปักอยู่บนศพลิลิธ ( ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นเล่มเดียวกับที่ใช้ตรึงลิลิธบนกางเขนหรือไม่ ? ) กับเล่มที่ปักอยู่บนร่างของอีวา-มาร์ก.6
หอกแคซิอุส ( Spear of Cassius ) เป็นหอกที่มีลักษณะคล้ายกับหอกลองกินุส ปรากฏครั้งแรกในภาครีบิวด์ 2.0 ที่ฐานปฏิบัติการแทบกาบนดวงจันทร์ หอกเล่มนี้ถูกใช้โดยอีวา-มาร์ก.6 เพื่อหยุดยั้งการวิวัฒนาการของอีวา 01 ซึ่งเรียกเหตุการณ์นี้ว่า Near 3rd impingement ยังไม่ปรากฏว่าหอกเล่มนี้มาฤทธิ์เช่นใด
ห้องแผ่นศิลา ( Monoliths Room ) เป็นห้องลับขององค์การเนิร์ฟ ห้องนี้สามารถเข้าได้เพียงเก็นโดและฟุยุสึกิเท่านั้นโดยเป็นห้องที่ใช้ ติดต่อกับเซเลอ ( ในสภาพที่เป็นแท่นศิลาไปแล้ว ) โดยพวกเซเลอจะไม่ปรากฏหน้าตาที่แท้จริงออกมาเลย ส่วนคนอื่นๆจะเข้ามาที่ห้องนี้ได้ก็ต่อเมื่อทางเซเลอเรียกพบเท่านั้น เช่นมิซาโตะหรือริทสึโกะที่เก็นโดส่งตัวมาให้เซเลอสอบสวนนั่นเอง ห้องนี้มีกฎที่ว่าผู้ใดที่พูดเท็จจะต้องได้รับโทษถึงตาย
ชุดยูนิฟอร์มของนักบินอีวา เป็นชุดพอดีตัว ( เมื่อกดปุ่มทางข้อมือด้านซ้าย ชุดก็จะหดตัวลง ) มีคุณสมบัติในการซิงโครว์ระหว่างนักบินกับหุ่นอีวา ชุดนี้ยังมีระบบช่วยชีวิตนักบินด้วยเช่นสามารถปั๊มหัวใจนักบินได้ยามนักบิน เกิดภาวะ “ ช็อค “ รวมทั้งมีเครื่องช่วยหายใจด้วย
ทฤษฏีซุปเปอร์โซเลนอยด์ ( Super Solenoid Theory ) คือทฤษฎีเกี่ยวกับแหล่งพลังงานอนันต์ของดร.คาซึรางิ มิตาโตะ ทฤษฎีนี้ถูกเสนอขึ้นในปี 1999 แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากแวดวงนักวิทยาศาสตร์ ดร.คาซึรางิ หวังว่าจะมีการนำทฤษฎีของเขาไปต่อยอดสร้างอุปกรณ์ที่สามารถผลิตพลังงานที่ไม่มีวันหมด และสามารถผลิตได้ตลอดกาล ท้ายที่สุดก็นำไปสู่การค้นพบ S² Engine
S² Engine [แก้ ]
ซุปเปอร์โซเลนอยด์เอนจิน ( Super Solenoid Engine ) หรืออย่างย่อว่า เอสทูเอนจิน ( S² Engine ) บ้างก็เรียกว่า ผลไม้แห่งชีวิต ( Fruit of Life ) เป็นองค์ประกอบชีวภาพซึ่งอยู่ภายในคอร์ของเทวทูต ( คล้ายกับ ATP ในร่างกายมนุษย์ ) ถือเป็นแหล่งพลังงานอนันต์ของเทวทูต แต่เนื่องจากคอร์ของชีวจักรกลอีวาไม่ได้มีองค์ประกอบนี้ ทำให้อีวาจำเป็นต้องพึ่งการจ่ายพลังงานไฟฟ้าโดยสายเคเบิลหรือไม่ก็แบตเตอรี่เท่านั้น เมื่อเนิร์ฟสามารถจัดการเทวทูตตนที่สี่ แชมเชล ลงได้ เนิร์ฟได้เก็บกู้ S² Engine ซึ่งค่อนข้างมีสภาพสมบูรณ์จากศพของแชมเชลและส่งไปศึกษาที่ NERV-03 ณ ประเทศเยอรมนี เมื่อทำการฟื้นฟู S² Engine สำเร็จ ก็ถูกส่งต่อไปยัง NERV-02 ในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เพื่อทดสอบการจ่ายพลังงานให้แก่ อีวา-04 การทดสอบครั้งนั้นทำให้ อีวา-04 ตลอดจนอาคารสถานที่ทั้งหมดภายในรัศมี 89 กิโลเมตรอันตรธานหายไปในทะเลเงาขนาดมหึมา ซึ่งเรียกที่แห่งนั้นว่า ทะเลดีแรค ( Dirac Sea ) แม้ว่าจะสูญเสีย S² Engine แต่เนื่องจากข้อมูลการศึกษาวิจัยยังคงมีอยู่ ทำให้โครงการยังคงเดินหน้าต่อไปได้ อีวานเกเลียนสายการผลิตแมสโปรดักส์ ( Mass Production Evangelions ) หมายเลข 05 ถึง 13 ของเซเลอ ซึ่งควบคุมด้วยระบบดัมมี่ ต่างถูกติดตั้ง S² Engine ไว้ และในภาครีบิวด์เมื่ออีวา-01 ที่กำลังคุ้มคลั่งสามารถเข้าถึงคอร์ของเทวทูตตนที่สิบ เซรูเอล และได้ซึมซาบ S² Engine มาเป็นพลังงานของตัวเอง ทำให้อีวา-01 ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ไปสู่ตัวตนที่เทียบเคียงพระเจ้า แต่ในขณะที่อีวา-01 กำลังวิวัฒนาการนั้นเอง กระบวนการทุกอย่างถูกหยุดยั้งโดยหอกแคซิอุสที่ถูกคาโอรุเขวี้ยงมา
ทะเลดีแรค ( Dirac Sea ) หรือทะเลแห่งมโนภาพ เป็นอาวุธของเทวทูติที่ดูดกลืนอีวา 01 ลงไปใน มีลักษณะเป็นเงา มีความกว้าง 680 เมตร หนา 3 จุลเมตร ภายในมีสนามพลัง A.T. ที่เป็นตัวพยุงมิติที่บางมากอยู่ ซึ่งเรียกว่าทะเลแห่งมโนภาพ โดยวงกลมที่ลอยอยู่ข้างบนนั้นเป็นแค่เงาเท่านั้น และวงกลมนี้ก็จะหายไปเมื่อวงจรสัญญาณถูกปิดลงและเมื่อสัญญาณเปิดขึ้นอีกครั้ง เงานั้นก็จะดูดกลืนทุกอย่างลงไป เชื่อว่ามิติภายในเงานั้นเชื่อมต่ออยู่กับจักรวาลอื่นอยู่
Super Computer Magi เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ได้รับการถ่ายโอนบุคลิคของมนุษย์ลงไปในโปรแกรม ผลิตและพัฒนาโดย “ ดร.อาคากิ นาโอโกะ “ แม่ของริตสึโกะ เมไจนี้ถือได้รับความสำคัญให้เป็นเหมือนเป็นศูนย์บัญชาการเลยทีเดียว หากยึดเมไจได้ก็เท่ากับยึดศูนย์บัญชาการไปเลย ดังนั้นพวกเซเลอจึงต้องการบุกยึดเมไจในภาค The end Of Evangelion เมไจแบ่งออกเป็น 3 บุคลิกเพื่อใช้ในการตัดสินใจ โดยประกอบด้วย Melchior ซึ่งเป็นตัวแทนของนักวิทยาศาสตร์, Balthasar เป็นตัวแทนของความเป็นแม่, และ Casper เป็นตัวแทนของบุคลิคที่เป็นผู้หญิง ทั้ง 3 บุคลิกนี้จะทำงานร่วมกันโดยลงคะแนนแบบระบบประชาธิปไตย เมไจเคยถูกจู่โจม 2 ครั้งโดยเทวทูติตัวที่ 11 และโดยเมไจของเนิร์ฟสาขาอื่น แต่ริตสึโกะสามารถป้องกันไว้ได้ทั้ง 2 ครั้ง อนึ่ง เมไจที่เนิร์ฟเป็นต้นแบบให้กับเมไจของเนิร์ฟสาขาอื่นๆ
สนธิสัญญาวาติกัน ( Vatican Treaty ) เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศซึ่งถูกกล่าวถึงในภาครีบิวด์ บัญญัติไว้ว่าแต่ละประเทศจะมีอีวานเกเลียนที่พร้อมใช้งานได้ไม่เกิน 3 ยูนิตเท่านั้น ด้วยผลของสนธิสัญญานี้ เมื่อเนิร์ฟสำนักงานใหญ่รับเอา อีวา-03 มาจากอเมริกาเพื่อทำการทดสอบ จึงต้องนำอีวา-02 ไปเก็บไว้ในคลังเก็บอันเป็น เขตอำนาจ ของ IPEA
- ↑“สำเนาที่เก็บถาวร”. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2015-09-18 .
- ↑ ใน อีวานเกเลียน 1.0 ฉากในห้องเรียนปรากฏบนกระดานดำว่า เป็นวันจันทร์ที่ 13 พศจิกายน ซึ่งจะเป็นวันที่ปรากฏในปฏิทินปี 2017 และฉากที่อาสึกะย้ายเข้ามายังอพาร์ตเมนต์ ปรากฏปฏิทินที่มี 28 วันในเดือนกุมภาพันธ์ที่มีวันที่ 1 เป็นวันจันทร์ ซึ่งจะตรงตามปฏิทินปี 2018
Read more: Sevilla FC
- ↑ ใน อีวานเกเลียน 3.0 คาโอรุกล่าวว่า “ 3rd impact เมื่อ 14 ปีก่อน ” และกล่าวในเซ็นทรัลด็อกมาว่า เป็นจุดศูนย์กลางของการเกิด 3rd impingement
- ↑ ตอนที่ 23