/ But don ’ thyroxine look back in anger, I heard you say / วันหนึ่งของเดือนพฤษภาคม ปี 2017 โดยไร้ซึ่งเสียงเปียโนและดนตรีใด ๆ ฝูงชนในแมนเชสเตอร์พี่เพิ่งผ่านพ้นความสูญเสียเนื่องจากการก่อการร้ายใกล้คอนเสิร์ตของ อาเรียนา แกรนเด ( Ariana Grande ) ที่คร่าชีวิตคนไปร่วมยี่สิบชีวิต หลังเหตุการณ์นั้นชาวเมืองมารวมตัวกันเพื่อไว้อาลัยแด่ผู้จากไป ใครสักคนเริ่มร้องเพลง ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ และสุดท้าย ท่ามกลางเสียงร้องไห้ หลายคนปิดใบหน้าเพื่อซ่อนรอยน้ำตา เพลงของ ‘ Oasis ’ วงดนตรีจากแมนเชสเตอร์ ก็ถูกขับกล่อมโดยชาวเมืองผู้สูญเสียด้วยใจความว่า ‘ อย่ามองกลับไปในความโกรธแค้นชิงชังอีกเลย ’ เดือนถัดมา คริส มาร์ติน นักร้องนำ Coldplay นำเพลงนี้มาแสดงในคอนเสิร์ต One Love Manchester ทำให้ ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ กลายเป็นเพลงสำหรับปลอบประโลมใจผู้คนในเมืองนั้นไปโดยสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่แมนเชสเตอร์ ตลอด 2 ทศวรรษกว่าของ ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ บทเพลงนี้เป็นที่รักของผู้คนมากมาย และเมื่อมองย้อนกลับไป ต้นทางของความลึกซึ้งและอบอุ่นในเพลงนั้นมีที่มาจากการ ‘ หยิบยืม ’ จากวงระดับตำนานวงอื่น และเบื้องหลังการทำเพลงนี้ก็ยัง ‘ วายป่วง ’ มากกว่า ‘ ลึกซึ้ง ’ เสียด้วยซ้ำ

ขอจิ๊กเนื้อเพลงหน่อยพี่ “ Don ’ t Look Back In Anger เป็นส่วนผสมระหว่างเพลง All the Young Dudes กับบางอย่างที่ The Beatles น่าจะทำ ” นี่คือคำตอบของโนลเมื่อถามว่าเขาในการแต่งเพลงนี้เขาได้รับแรงบันดาลใจจากอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่ชื่อเพลง ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ ที่โนลตั้งตามเพลง ‘ Look Back In Anger ’ ของเดวิด โบวี ตามด้วยบางส่วนของท่วงทำนองและเนื้อเพลงจากจอห์น เลนนอน เป็นที่รู้กันว่าสองพี่น้องจาก Oasis นั้นชอบ The Beatles แบบคลั่งไคล้และถวายหัว ซึ่งโนลคิดว่า จะแต่งเพลงทั้งที จะขาดท่อนที่ยืมมาจาก ‘ Imagine ’ ของ จอห์น เลนนอน ได้อย่างไร เขาก็เลย ‘ จิ๊ก ’ เมโลดีของ ‘ Imagine ’ มาใส่ใน ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ ด้วยเสียเลย โดยโนลบอกอย่างภูมิอกภูมิใจว่า “ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเสียงเมโลดี้ต้นเพลงคือการยั่วเย้าแฟน ๆ ของจอห์น เลนนอน ส่วนอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือเพื่อจะบอกว่าดูสิ ! ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ กลายเป็นเพลงได้เพราะ ‘ Imagine ’ ล่ะ ใครจะรู้ว่าอาจจะมีเด็กอายุสิบสามสักคนที่ไม่เคยฟัง ‘ Imagine ’ มาก่อน แต่ไปซื้อแผ่นของจอห์น เลนนอน มาฟังเพราะได้ยินเพลงพวกผมก็ได้ คุณนึกออกใช่ปะ ” ความเกี่ยวพันของจอห์น เลนนอน กับเพลงนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะแม้แต่ท่อนที่น่าจดจำอย่างมากในเพลงที่ร้องว่า ‘ So I ’ ll start a rotation from my bed ’ ก็ยังหยิบยืมมาจากจอห์น เลนนอนอีกเช่นกัน คราวนี้แทบจะยกมาทั้งดุ้น เพราะโนลบอกว่าเขามีโอกาสได้ฟังเทปที่สูญหายม้วนหนึ่ง ในนั้นเป็นสารคดีที่จอห์นพูดถึงตัวเองโดยมีถ้อยคำว่า ‘ So I ’ ll start a revolution from my bed. Cause you said the brains I had went to my lead ’ อยู่ด้วย “ ผมก็แบบว่า ขอบคุณมากจอห์น ผมจะใช้อันนี้แหละในเพลง ” ส่วน ‘ แซลลี ’ ชื่อผู้หญิงที่ปรากฎในเพลงนั้น กลับไม่ได้มีที่มาอะไรมากมายไปกว่าอาการหูเพี้ยนของเลียม เมื่อโนลฮึมฮัมเนื้อเพลงไปตามเรื่องตามราว แล้วเลียมที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็ถามขึ้นมาว่า “ เมื่อกี้มึงร้องว่า So Sally can wait ใช่มะ ” แม้โนลจะไม่ได้ร้องถึงใครที่ชื่อว่า ‘ แซลลี ’ เลย แต่คำพูดของเลียมก็เข้าท่า โนลเริ่มจดเนื้อลงสมุด และ ‘ แซลลี ’ ก็ถูกอันเชิญมาเป็นนางเอกของเพลง ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ เพราะเหตุการณ์นี้เอง เรื่องวุ่นวายในห้องอัดเพลง พฤษภาคม 1995 เพลง ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ และอัลบั้ม ‘ ( What ’ s The Story ) Morning Glory ? ’ ถูกทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นภายใน ‘ Rockfield Studios ’ แห่งเมือง Monmouthshire และเรื่องราววุ่นวายที่เกือบทำให้ Oasis ถึงจุดจบเร็วกว่ากำหนดก็เกิดขึ้นที่นี่ เพลง ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ ถือเป็นเพลงแรกในเพลงโปรโมตที่โนลได้ร้อง ซึ่งอัดเสียงในเวลาไล่เลี่ยกับเพลง ‘ Wonderwall ’ ที่เลียมร้อง ในวันนั้นเลียมเป็นฝ่ายเข้าไปอัดเสียงก่อน เพื่อที่ตกเย็นเมื่อไหร่ นักร้องหนุ่มเจ้าสำราญจะได้ออกไปเที่ยวผับในย่านนั้นอย่างสบายใจ ทิ้งให้พี่ชายนั่งทำงานต่อในสตูดิโอโดยไม่ดูดำดูดี ทิ้งงานไปผับไม่พอ เรื่องวุ่น ๆ ของสองศรีพี่น้องคงจะไม่เกิดขึ้นถ้าเลียมไม่อุตริกินเหล้าจนเมาแอ๋ แล้วชวนชายฉกรรจ์ในผับที่เขาไปดื่ม 30 กว่าชีวิต ยกโขยงกันมาสตูดิโอที่โนลกำลังปั่นงานอยู่ “ มันเล่นขนคนทั้งหมู่บ้านมาเลย ” อลัน แม็กกี ( Alan McGee ) บอสใหญ่ของค่ายเพลง Creation Records ที่ดูแล Oasis อยู่ เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้น “ คนหนึ่งไปวุ่นวายกับกีตาร์ราคาหลายหมื่นปอนด์ อีกคนก็ขอเบอร์แท็กซีจากโนล ทำเอาเขาปรี๊ดแตก ตะเพิดทุกคนออกไปจนหมด แล้วเอาไม้คริกเก็ตไล่ฟาดเลียมซะยกใหญ่ ” ความวุ่นวายจึงสงบลงได้พร้อมกับเลือดที่หยดลงจากหัวของเลียม “ เช้าวันรุ่งขึ้นโนลจากไป วงนี้ฉิบหายแล้ว อัลบั้มนี้ตายแน่ถ้าเขาไม่กลับมา ” คือคำที่โอเวน มอร์ริส โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มดังกล่าวได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่สืบเนื่องจากวันนั้น แต่โนลก็กลับมา สองสัปดาห์ให้หลังโนลเดินเข้าห้องอัดและเริ่มอัดเพลง ‘ Don ’ t Look Back In Anger ‘ เสมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีกรณีบาดหมางจนต้องไล่ตีหัวน้องชายด้วยไม้คริกเก็ตมาก่อน อัลบั้มนี้ยังไม่ตาย และ ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ ก็ทะยานขึ้นชาร์ตเพลงในเกาะอังกฤษและไอร์แลนด์ทันทีที่เพลงนี้ถูกปล่อยให้ฟังอย่างเป็นทางการ แซลลีรอได้แต่โนลไม่รอ แม้วันนั้นเมื่อปี 1995 โนลจะกลับมาเพื่ออัดเพลง ‘ Don ’ t Look Back In Anger ’ ให้เสร็จ แต่หลังเวลาผ่าน โนลในปี 2009 ไม่ได้คิดที่จะกลับมาหาวง Oasis เพื่ออัดเพลงเพลงไหนอีกแล้ว บรรยากาศวายป่วงที่เกิดจากความห่ามไม่ยั้งคิดของเลียมในวันนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นในวง หากย้อนไทม์ไลน์ดูความสัมพันธ์ในวงดนตรีวงนี้ โนล – เลียม เหมือนคู่กัดหรือศัตรูคู่แค้นมากกว่าจะเป็นพี่น้องกันเสียด้วยซ้ำ โนลและเลียมทะเลาะกันทุกวัน ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนเรื่องใหญ่ ความเสียหายตั้งแต่น้อยไปถึงบรรลัยไปทั้งหมด

Read more: Wikipedia

และความบรรลัยจนทำให้ ‘ โนลจะไม่ทน ’ ก็มาถึง ปี 2009 โนลตัดสินใจออกจากวงทันทีหลังจบเทศกาล Rock en Seine โนลกล่าวว่าชนวนที่ทำให้เขาทนต่อไปไม่ไหว คือความรุนแรงเกินเหตุที่เลียมใช้จัดการกับคนรอบ ๆ ตัว “ หมอนั่นเหวี่ยงกีตาร์ของผมไปรอบ ๆ มันเกือบจะฟาดโดนหน้าผมแล้ว และสุดท้ายกีตาร์ตัวนั้นก็กลายเป็นซากพัง ๆ กองอยู่ที่พื้น ตอนนั้นแหละที่ผมคิดว่ากูไม่เอาด้วยแล้ว ” โนลก่อตั้งวงนกบินสูง ( Noel Gallagher ’ second High Flying Birds ) ส่วนเลียมกับ Oasis ที่เหลือก็เดินหน้าต่อในฐานะ Beady Eye และภายหลังเลียมก็กลายเป็นศิลปินเดี่ยว Oasis จบเห่ ปิดฉากตำนานวงร็อคแห่งยุค 1990 – 2000s ไปด้วยความเสียดายของแฟน ๆ ทั่วโลก So เลียมลี can wait “ ผมไม่เคยคิดว่ามันจะออกจากวง ไม่เคยคิดว่ามันจะจบ ” คือคำที่เลียมเคยพูดเอาไว้ถึงการจากไปของพี่ชายที่นำมาซึ่งการล่มสลายของวง haven ในสารคดี Supersonic เลียมบอกว่าเขาและโนลทะเลาะกันอยู่เสมอ และก็กลับมาคืนดีกันได้ทุกครั้ง เขาจึงนึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งพี่ชายของตนจะใจเด็ดจนแยกตัวออกไป แม้โนลจะยืนยัน นั่งยัน และนอนยันว่าไม่เคยคิดจะกลับไปรวมทีมกับน้องชายในฐานะ Oasis และไม่คิดจะญาติดีกับเลียมในฐานะพี่น้อง แต่ว่า ‘ น้องเลียม ’ ก็ยังคอยกลั่นแกล้ง กวนบาทา และท้าปนตื๊อพี่ชายให้กลับมารวมวงกันเสมอ ตั้งแต่ปี 2011 ที่เลียมเอาจริงเอาจังกับการด่าและแซะโนลในทวิตเตอร์ จนร่ำ ๆ จะถูกพี่ชายของตัวเองฟ้องอยู่หลายครั้ง ( อาจจะเป็นการเอาคืนที่เลียมฟ้องร้องกรณีที่โนลพาดพิงถึงเลียมว่าเป็นสาเหตุให้โนลออกจากวง ) เลียมเรียกพี่ชายว่า ‘ Potato ’ พร้อมทวีตภาพพี่ชายเพื่อยั่วโมโห ขณะที่โนลมักจะนิ่งกว่า แต่มาทีไรก็ดับฝัน ‘ reunion ’ ของแฟน ๆ และน้องเลียมได้ทุกครั้ง ปี 2017 เลียมเริ่มด่าโนลผ่านสื่อน้อยลง และ ‘ ตื๊อ ’ พี่ชายบ่อยขึ้น ครั้งหนึ่งเลียมเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ ที่ผมคอยตามด่าไอ้โนลอยู่เสมอ ก็เพราะว่าลึก ๆ ข้างใน ผมคิดถึงมันยิ่งกว่าใคร ” แต่ด่าก็แล้ว ตื๊อก็แล้ว ทำเพลง ‘ One of Us ’ ง้อก็แล้ว พี่ชายจอมเย็นชาก็ยังคงไม่ส่งสัญญาณดี ๆ คืนมาสักเท่าไหร่ แม้จะใช้สถานการณ์โควิด-19 มาเป็นเหตุ ชวนให้โนลร่วมจัดคอนเสิร์ตการกุศล แต่ก็โดนพี่ชายบอกปัดอย่างไม่ใยดี พร้อมกับบอกว่าเลียมนั้น ‘ เพ้อเจ้อ ’ จนกู่ไม่กลับ ร้อนถึงอดีตฟรอนต์แมนคนช่างตื๊อที่ต้องหาลูกตื๊อใหม่ ๆ มาพิชิตใจพี่ชายต่อไป เรียกได้ว่าไม่ว่าโนลจะตอบกลับมาไม้ไหน ‘ เลียมลี ’ ก็ ‘ wait ’ ได้ ส่วนโนลก็ ‘ Never Look Back ( In Anger ) ’ อย่างแท้จริง เรื่อง : จิรภิญญา สมเทพ ที่มา : hypertext transfer protocol : //www.nme.com/blogs/nme-blogs/the-full-story-behind-oasis-dont-look-back-in-anger-760072 hypertext transfer protocol : //pop-culture.fandom.com/wiki/Don % 27t_Look_Back_in_Anger hypertext transfer protocol : //www.thesun.co.uk/tvandshowbiz/6348734/noel-gallagher-dont-look-back-in-anger-lyrics-manchester-terrorist-attack-vigil-anniversary/ hypertext transfer protocol : //www.youtube.com/watch ? v=t9Zp5GdxV4U hypertext transfer protocol : //www.youtube.com/watch ? v=y_KCK-pHzqk

Read more: David Prowse