ในประเทศไทย กินทามะ ได้รับลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนโดยสำนักพิมพ์ สยามอินเตอร์คอมิกส์ ตีพิมพ์รายสัปดาห์ใน นิตยสาร การ์ตูน ซีคิดส์ เอ๊กซ์เพรส และตีพิมพ์เป็นหนังสือการ์ตูนรวมเล่มมาแล้ว 70 เล่ม ส่วนภาพยนตร์การ์ตูน ได้รับลิขสิทธิ์โดยบริษัท ทีไอจีเอ ( ปี 1 ), บริษัท ไรท์บียอนด์ ( ปี 2, 3, 4 ), และบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ( ปี 5, 6 ) ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะออกอากาศทางโทรทัศน์ครั้งแรกในประเทศไทยทางช่องช่อง ทรู สปาร์ก และยังเคยมีการออกอากาศทาง การ์ตูนคลับแชนแนล ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553, ช่อง 6, ช่อง จีเอ็มเอ็มวัน, ช่อง จีเอ็มเอ็มแชนเนล และช่อง แก๊งการ์ตูนแชนแนล สำหรับภาพยนตร์ กินทามะ เดอะมูฟวี่ กำเนิดใหม่ดาบเบนิซากุระ และภาพยนตร์ กินทามะ เดอะมูฟวี่ บทสุดท้าย : กู้กาลเวลาฝ่าวิกฤตพิชิตอนาคต ได้มีการซื้อลิขสิทธิ์เพื่อการวางจำหน่ายประเทศไทยโดยบริษัท โรสมีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์
เนื้อเรื่องมีฉากในช่วงปลาย ยุคเอโดะ ยุคที่ มนุษย์ต่างดาว ที่เรียกกันว่า ชาวสวรรค์ ( ญี่ปุ่น : 天人 ; โรมาจิ : Amanto ) ได้มาตั้งรกรากบนโลกมนุษย์ ชาวสวรรค์ได้ออกคำสั่งริบยศถาบรรดาศักดิ์และยึด ดาบ ของ ซามูไร ไป ทำให้ยุครุ่งเรืองของซามูไรได้จบสิ้นลง ชาวสวรรค์ได้มีอำนาจเหนือเอโดะมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีคนหนึ่งที่ยังยึดมั่นในจิตวิญญาณของซามูไร เขาชื่อ ซากาตะ กินโทกิ เคยเป็นนักรบซามูไรต่อต้านชาวสวรรค์ ปัจจุบันเปิด ร้านรับจ้างสารพัด ( ญี่ปุ่น : 万事屋 ; โรมาจิ : Yorozuya ) มีผู้ช่วยคือ ชิมูระ ชินปาจิ หนุ่มแว่นที่ทำงานเพื่อเรียนรู้จิตวิญญาณของซามูไร และ คางุระ เด็กหญิงชาวสวรรค์เผ่ายาโตะ ทั้งสามทำงานรับจ้างเพื่อหา เงิน มาจ่ายค่าเช่าบ้านและเลี้ยงชีวิตในยุคมืดของซามูไร นอกจากเรื่องราวการทำงานรับจ้างต่าง ๆ กินโทกิและลูกน้องยังได้รู้จักกับกลุ่ม ตำรวจ พิเศษติดอาวุธชินเซ็นงุมิ บางครั้งทั้งสองฝ่ายจะทะเลาะกัน บางครั้งจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรื่องราวของพวกเขายังมีผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน เช่น คาซึระ โคทาโร่ นักรบขับไล่ต่างแดนซึ่งเป็นเพื่อนของกินโทกิและเป็นอาชญากรมีประกาศจับ ซารุโทบิ อายาเมะ นินจา สาวสายตาสั้นที่หลงรักกินโทกิ เป็นต้น ส่วนตัวละครตัวร้ายของเรื่องคือ ทากาสุงิ ชินสุเกะ หัวหน้ากลุ่มนักรบขับไล่ต่างแดนที่มีชื่อกลุ่มว่า กองทหารอสุรา เขาเป็นนักรบขับไล่ต่างแดนที่มีหัวรุนแรงกว่าคาซึระ และต้องการจะทำลายเอโดะให้ราบคาบ
ดูตัวละครทั้งหมดได้ที่ รายชื่อตัวละครในกินทามะ ตัวละครส่วนใหญ่ในการ์ตูนกินทามะได้ต้นแบบจากบุคคลในประวัติศาสตร์จริง โดยเฉพาะตัวละครในกลุ่มชินเซ็นงุมิที่ได้ต้นแบบจากกองกำลัง ชินเซ็นงุมิ ในประวัติศาสตร์จริง
ตัวละครหลักในการ์ตูนเรื่องกินทามะ เป็นนักรับจ้างสารพัดที่รับจ้างทำทุกอย่าง เพื่อนำเงินค่าจ้างจากการทำงานมาจ่ายค่าเช่าร้าน ประกอบด้วยสมาชิก 3 คน ( และ 1 ตัว ) ได้แก่
ตัวละครเอกของเรื่อง เป็นเจ้าของร้านรับจ้างสารพัด และในอดีตเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มนักรบขับไล่ต่างแดน ซึ่งเป็นซามูไรที่ต่อสู้เพื่อขับไล่ชาวสวรรค์ออกจากเอโดะ แต่เมื่อเพื่อนเกือบทุกคนตายลง ก็ได้รู้ว่าไม่สามารถปกป้องทุกสิ่งได้ มีผมสีเงิน เป็นคนหน้าเหมือนปลาตาย ( หน้านิ่งและดูไร้อารมณ์ ) เป็นคนกวน ๆ และถ้าไม่กินของหวานจะไม่มีเรี่ยวแรง ( ของโปรดคือพาเฟ่ต์ ) เป็นคู่กัดกับ ฮิจิคาตะ โทชิโร่ และชินเซ็นงุมิโดยเฉพาะ โอคิตะ โซโกะ มักจะเรียกเขาว่า “ ลูกพี่ ”
ลูกชายของเจ้าของโรงฝึกดาบที่ปิดตัวลงเพราะบัญญัติการห้ามใช้ดาบ แล้วต่อมาได้เห็นจิตวิญญาณในตัวกินโทกิ จึงได้มาทำงานเป็นลูกจ้างของกินโทกิ ใส่แว่นจนเป็นจุดเด่น แต่ก็บทไม่เด่นนัก มักจะเป็นคนตบมุข
เด็กหญิงชาวสวรรค์ผมสีส้ม ชนเผ่ายาโตะที่เดินทางมาที่โลกเพื่อหางานทำ แล้วจึงมาเป็นลูกจ้างอีกคนของกินโทกิ ชอบแต่งกายคล้ายคน จีน และมีกำลังมหาศาล ชอบพูดลงท้ายว่า “ น่อ ” โดนเรียกว่า “ ยัยเด็กสาหร่ายดอง ” อยู่เรื่อย ๆ
เป็นสุนัขตัวใหญ่สีขาว ความจริงเป็นอินุงามิ ( สุนัขเทพ ) เป็นผู้เฝ้าทวารมังกรในเอโดะ แต่เมื่อชาวสวรรค์รุกราน จึงได้นำทวารมังกรมาเป็นพลังงานให้ท่าเรือ ทำให้อินุงามิไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เลยโดนมิโกะผู้เลี้ยงดู ( อาเนะ และ โมเนะ ) มาทิ้งให้ร้านรับจ้างสารพัดเลี้ยงดู จะคืนร่างจริงก็ต่อเมื่อกินเลือดของแพะ ( นมสด ) และผลไม้สีแดง ( สตรอว์เบอร์รี )
นักรับจ้างสารพัดทั้งสาม บางครั้งต้องมาเกี่ยวข้องกับกลุ่ม ชินเซ็นงุมิ ซึ่งเป็นกองกำลังตำรวจพิเศษติดอาวุธ มีสมาชิกหลัก ๆ ได้แก่
หัวหน้ากลุ่มชินเซ็นงุมิ มีหน้าตาไม่ค่อยดีและมักถูกล้อว่าเป็น กอริลลา เป็นคนที่เห็นแต่ข้อดีของผู้อื่น ชอบโอทาเอะและทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์ ( โรคจิตชอบติดตาม ) เคยเป็นหัวหน้าโรงฝึก
รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นงุมิ เป็นคนที่ชอบรับประทานมายองเนส ( มายองเลอร์ ) ฉะนั้นถึงหน้าตาดีแต่เมื่อสาว ๆ เห็นกินมายองเนสเข้าก็คายของเก่าทุกราย ( ยกเว้น คุริโกะ ลูกสาวของป๋ามัตสึไดระ, มิตสึบะ พื่สาวของโซโกะ )
หัวหน้าหน่วยที่ 1 แห่งกลุ่มและนักดาบอันดับหนึ่งแห่งชินเซ็นงุมิ ภายนอกมีนิสัยคล้ายเด็ก ๆ แต่แท้จริงแล้วชอบความรุนแรง ( ประเภท S ) หมายตาตำแหน่งรองหัวหน้า พยายามแกล้งฮิจิคาตะอยู่บ่อย ๆ
หน่วยสอดแนมของทางชินเซ็นงุมิ เวลาไปสอดแนมมักจะกินอันปังอยู่เสมอชอบเล่นแบดมินตัน เป็นพวกบทจืดคล้าย ๆ ชินปาจิ ใช้ไม้แบดมินตันเป็นอาวุธแทนดาบ
เจ้ากรมตำรวจ เป็นคนเก็บคอนโด้มาเลี้ยง ห่วงลูกสาวมาก ใส่แว่นกันแดดตลอดเวลา แต่ก็เป็นคนที่โหดมาก ๆ
ลักษณะการดำเนินเรื่องหลักคือการใช้มุกตลกในการดำเนินเรื่อง ต่อมาเมื่อฮิเดอากิเขียนการ์ตูนกินทามะเป็นปีที่สอง เขาเริ่มใส่ความเป็น ดรามา ลงในการ์ตูนกินทามะ โดยคงความเป็นการ์ตูนตลกไว้ มุกตลกส่วนมากในเรื่องมีลักษณะล้อเลียนวัฒนธรรม ตัวละคร วิดีโอเกม หรือการ์ตูนเรื่องอื่น เนื้อเรื่องของกินทามะส่วนใหญ่จะจบในตอน แต่ก็มีเนื้อเรื่องบางช่วงจะมีเรื่องราวต่อเนื่องไปหลายตอน ซึ่งมักจะเน้นความเป็นดราม่าและแอ็กชัน เช่น ภาคการกำเนิดดาบเบนิซากุระ ซึ่งมีความยาวตั้งแต่เล่มที่ 11 ไปจนถึงเกือบครึ่งเล่ม 12 เลยทีเดียว ซึ่งภาคนี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์กินทามะเรื่องแรกในชื่อ กินทามะ เดอะมูฟวี่ กำเนิดใหม่ดาบเบนิซากุระ ( ญี่ปุ่น : 劇場版 銀魂 新訳紅桜篇 ; โรมาจิ : เงะคิโจบัง งิงทะมะ ชิงยะคุเบะนิซะคุระเฮ็ง ) โดยมีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมา และยังได้สอดแทรกอดีตของพวกกินโทกิในสมัยเด็กไว้เล็กน้อยด้วย
ฮิเดอากิ โซราจิ นักเขียนการ์ตูน ผู้เขียนเรื่องกินทามะ ได้ความคิดเรื่องกินทามะ จากคำแนะนำของบรรณาธิการให้เขียนการ์ตูนเกี่ยวกับชินเซ็นงุมิ เขาจึงมีความคิดที่จะเขียนการ์ตูนแนวผสมผสานระหว่างแนวญี่ปุ่นย้อนยุคกับแนว นิยายวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็คือเรื่องกินทามะในเวลาต่อมา
ดูบทความหลักที่ รายชื่อตอนในกินทามะ (มังงะ) และ รายชื่อตอนในกินทามะ (อนิเมะ) ชื่อตอนของกินทามะจะมีลักษณะพิเศษคือ มีชื่อตอนทีมีความยาวมาก มีลักษณะคล้าย ๆ สุภาษิต และดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องในบางตอน แต่จริง ๆ แล้ว ชื่อตอนมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บางส่วนในตอนนั้น ๆ แต่อาจจะเป็นส่วนที่สั้น ๆ หรือไม่ค่อยมีความสำคัญ
- 1. “Pray” ร้องโดย “Tommy Heavenly6” (ตอนที่ 1-24)
- 2. “Tooi Nioi (遠い匂い)” ร้องโดย “YO-KING” (ตอนที่ 25-49)
- 3. “Giniro no Sora (銀色の空)” ร้องโดย “redballoon” (ตอนที่ 50-75)
- 4. “Kasanaru Kage (かさなる影)” ร้องโดย “Hearts Grow” (ตอนที่ 76-99)
- 5. “Donten (曇天)” ร้องโดย “DOES” (ตอนที่ 100-125)
- 6. “Anata magic (アナタ Magic)” ร้องโดย “Monobright” (ตอนที่ 126-150)
- 7. “Stairway Generation” ร้องโดย “Base Ball Bear” (ตอนที่ 151-176)
- 8. “Light Infection” ร้องโดย “Prague” (ตอนที่ 177-201)
- 9. “Tougenkyou Alien” ร้องโดย “Serial TV Drama” (ตอนที่ 202-227)
- 10. “Dilemma” ร้องโดย “ecosystem'” (ตอนที่ 228-240)
- 11. “Wonderland” ร้องโดย “FLiP” (ตอนที่ 241-252)
- 12. “LET’S GO OUT” ร้องโดย “AMOYAMO” (ตอนที่ 253-256)
- 13. “Sakura Mitsu Tsuki” ร้องโดย “SPYAIR” (ตอนที่ 257-265)
- 14. “DAYxDAY” ร้องโดย “BLUE ENCOUNT” (ตอนที่ 266-277)
- 15. “『プライド革命』“PURAIDO kakumei” ร้องโดย “CHiCO with HoneyWorks” (ตอนที่ 278-291)
- 16. “Beautiful Days” ร้องโดย “OKAMOTO’S” (ตอนที่ 292-303)
- 17. “KNOW KNOW KNOW” ร้องโดย “DOES” (ตอนที่ 304-316)
- 18. “Kagerou” ร้องโดย “ЯeaL” (ตอนที่ 317-328)
- 19. “VS” ร้องโดย “BLUE ENCOUNT” (ตอนที่ 329-341)
- 20. “勝手にMY SOUL” ร้องโดย “DISH” (ตอนที่
342-353 )
- 1. “Fuusen Gamu (風船ガム)” ร้องโดย “Captain Straydum” (ตอนที่ 1-13)
- 2. “Mr. Raindrop” ร้องโดย “amplified” (ตอนที่ 14-24)
- 3. “Yuki no Tsubasa (雪のツバサ)” ร้องโดย “redballoon” (ตอนที่ 25-37)
- 4. “Candy Line (キャンディ・ライン)” ร้องโดย “Takahashi Hitomi” (ตอนที่ 38-49)
- 5. “Shura (修羅)” ร้องโดย “DOES” (ตอนที่ 50-62)
- 6. “Kiseki (奇跡)” ร้องโดย “Snowkel” (ตอนที่ 63-75)
- 7. “SIGNAL” ร้องโดย “KELUN” (ตอนที่ 76-87)
- 8. “Speed of flow” ร้องโดย “The Rodeo Carburetto” (ตอนที่ 88-99)
- 9. “Sanagi” ร้องโดย “POSSIBILITY” (ตอนที่ 100-112)
- 10. “This world is Yours” ร้องโดย “Plingmin” (ตอนที่ 113-125)
- 11. “I, ai, ai (I 、愛、会い)” ร้องโดย “ghostnote” (ตอนที่ 126-138)
- 12. “kagayaita (輝いた)” ร้องโดย “Shigi” (ตอนที่ 139-150)
- 13. “Asa answer (朝ANSWER)” ร้องโดย “PENGIN” (ตอนที่ 151-163)
- 14. “Wo Ai Ni (ウォーアイニー)” ร้องโดย “Takahashi Hitomi & BEATCRUSADERS” (ตอนที่ 164-176)
- 15. “Wonderful Days (ワンダフルデイズ)” ร้องโดย “ONE☆DRAFT” (ตอนที่ 177-189)
- 16. “Sayonara no Sora (サヨナラの空)” ร้องโดย “Qwai” (ตอนที่ 190-201)
- 17. “Samurai Heart (Some Like It Hot!!)” ร้องโดย “SPYAIR” (ตอนที่ 202-214)
- 18. “Balance Doll” ร้องโดย “Prague” (ตอนที่ 215-227)
- 19. “Anagura” ร้องโดย “Kuroneko Chelsea” (ตอนที่ 228-240)
- 20. “Nakama” ร้องโดย “Good Coming” (ตอนที่ 241-252)
- 21. “Moonwalk” ร้องโดย “Monobright” (ตอนที่ 253-256)
- 22. “Expect” ร้องโดย “PAGE” (ตอนที่ 257-265)
- 23. “DESTINY” ร้องโดย “Negoto” (ตอนที่ 266-277)
- 24. “『最後までⅡ』“Saigomade Ⅱ” ร้องโดย “Aqua Timez” (ตอนที่ 278-291)
- 25. “Glorious Days (グロリアスデイズ)” ร้องโดย “THREE LIGHTS DOWN KINGS” (ตอนที่ 292-303)
- 26. “Acchi Muite (あっちむいて)” ร้องโดย “Swimy” (ตอนที่ 304-316)
- 27 “silver” ร้องโดย “rize” (ตอนที่ 317-328)
- 28 “Hankou Seimei” ร้องโดย “Ayumikurikamaki” (ตอนที่ 329-341)
- 29 “hana ichi monme” ร้องโดย “burnout syndromes” (ตอนที่ 342-353)
การ์ตูนเรื่องกินทามะเริ่มลงตีพิมพ์ใน นิตยสาร โชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ ชูเอฉะ ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2546 [ 3 ] จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนตอนมากกว่า 200 ตอน และตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2547 [ 4 ] จนถึงปัจจุบัน ออกมาถึงเล่มที่ 41 [ 5 ] นอกจากนี้ สำนักพิมพ์ชูเอฉะยังลงกินทามะลงตอนแรกในหน้าเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ [ 6 ] ในอเมริกาเหนือ กินทามะได้รับลิขสิทธิ์โดย สำนักพิมพ์วิซมีเดีย ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ระหว่าง เดือน มกราคม ถึง พฤษภาคม พ.ศ. 2550 และเริ่มตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 [ 7 ] โดยได้ตีพิมพ์ถึงเล่มที่ 23 แล้วหยุดการตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มต่อ [ 8 ] ใน ประเทศไทย กินทามะได้ลิขสิทธิ์โดย สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูน ซีคิดส์ เอ๊กซ์เพรส รายสัปดาห์ และตีพิมพ์ฉบับรวมเล่มตั้งแต่ พ.ศ. 2548 [ 9 ] จนถึงปัจจุบัน ออกมาถึงเล่มที่ 70 [ 10 ] หนังสือการ์ตูนกินทามะที่ตีพิมพ์แล้วในประเทศไทย 50 เล่ม มีชื่อปกบนแต่ละเล่มดังนี้
- คนดีมักเป็นคนผมหยักศกตามธรรมชาติ
- ความมานะบากบั่นและความดื้อด้านต่างกันเพียงกระดาษกั้น
- มาลองคิดดูแล้ว ชีวิตคนเราหลังจากกลายเป็นคุณลุงเนี่ยมันนานกว่าตอนหนุ่มไม่ใช่เรอะ !! น่ากลั๊ว น่ากลัว
- คนเป็นพ่อลูกมักเกลียดอะไรเหมือน ๆ กัน
- ระวังสายพานให้ดี
- มีสิ่งที่ดาบฟาดฟันไม่ได้อยู่
- เรื่องไร้สาระเนี่ยจำกันแม่นซะจริง
- แฟนของลูกสาวต้องเขกซักโป๊ก
- ถ้าริจะเที่ยวคาบาเร่ต์อายุจะต้องถึง 20 ขวบก่อนนะ
- แมลงตัวเล็ก ๆ ก็มีจิตวิญญาณเหมือนกัน
- อาทิตย์ยังทอแสง
- ถ้าเร่งนักก็วิ่งเข้า
- ศัตรูเมื่อวาน วันนี้ก็ยังเป็นศัตรูเหมือนเดิม
- เมื่อสี่คนเรียงหน้า จะเกิดเชาว์ปัญญามากมาย
- รอยยิ้มคือการตกแต่งใบหน้าที่ดีที่สุดของผู้หญิง
- ผู้หญิงที่พูดว่าระหว่างฉันกับงานอันไหนสำคัญกว่ากัน ต้องโดนท่าเยอรมันซูเพล็กซ์
- ควรเล่นเกมส์แค่วันละหนึ่งชั่วโมง
- เหล่าบุรุษทั้งหลายจงเป็นลูกผู้ชายที่ไม่ยอมแพ้
- นักวางแผนมักตกหลุมพราง
- ก่อนหน้าจะเข้าสู่ช่วงหยุด ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด
- แม้สะโพกจะบิดเบี้ยว แต่ก็จะเดินเป็นเส้นตรง
- คนเรามักมีแรงผลักดันอยู่ที่หัวใจเสมอ…
- เมื่อถึงที่หมายในการไปเที่ยว มักมีเรื่องให้ทะเลาะกัน
- มีบางเรื่องที่แม้นพบกันแล้วก็ไม่อาจจะเข้าใจ…
- หนังสือที่ใช้หน้าคู่เยอะ ๆ เนี่ยเหมือนหนังสือการ์ตูนเลยเนอะ
- การดื่มเหล้าตอนกลางวันจะได้รสชาติที่แตกต่างไป
- สวรรค์ไม่ได้สร้างสรรค์ยอดคน แต่เป็นผู้ประดิษฐ์ทรงผม
- ยามเข้าไปในร้านแผงลอยจะพบความกล้าที่แสนบอบบาง
- แมงมุมยามราตรีมักไม่น่าอภิรมย์
- ความยิ่งใหญ่ของวงหัวนมกับความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ผกผันของซึ่งกันและกัน
- การลงคะแนนวัดความนิยมน่ะเรอะ ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
- แมวเถื่อนแห่งคาบุกิโจคือเพลงช้าแต่ก็มีจังหวะหนักแน่น…
- ไม่ว่าใครก็อยากแข็งแกร่งและงดงามในหนึ่งเดียว
- ในเมืองที่ไร้ขื่อแป มักมีแต่พวกเฮฮาไปวัน ๆ มารวมตัวกัน
- เป็นเกียรติที่ได้พบและรู้จัก
- อายุขัยไร้กำหนด
- เมื่อหมดช่วงหยุดพักฤดูร้อน เราจะมองเห็นทุกคนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่ง
- เรื่องราวในครอบครัวของคุณลุง มักเป็นเรื่องที่ชวนให้เพลียหัวใจ
- ถึงจะเป็นงานเฮฮาส่งท้ายปี แต่ก็ไม่ควรเฮมากเดี๋ยวจะฮาไม่ออก
- โลกนี้มีแต่รัก
- อย่าพูดคำว่าลาก่อน
- จดหมายจากเด็กกวนเมือง
- คนดีมักเป็นคนผมเรียบเนียนตามธรรมชาติ
- ความงามที่ผกผัน
- เปล่งความในใจ
- หัวใจของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนเปล่งประกายแสงออกมาได้
- คนดูแลต้นฉบับน่ะมีแค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว
- หัวใจที่ติดไฟ
- ราเม็งพูนชาม
- 9+1=ยางิว จูเบ
การ์ตูนชุด กินทามะ ได้มีการตีพิมพ์ตอนพิเศษซึ่งมีเนื้อหาข้ามเรื่อง ( Crossover ) กับการ์ตูนชุด “ สเก็ต ดานซ์ “ ใน โชเน็นจัมป์ ฉบับที่ 18/2011 ประจำวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554 เพื่อการประชาสัมพันธ์แอนิเมชั่นชุดใหม่ของกินทามะ และแอนิเมชั่นชุดแรกของเรื่องสเก็ต ดานซ์ ซึ่งเริ่มฉายเมื่อต้นเดือนเมษายนปีเดียวกัน โดยการ์ตูนข้ามเรื่องของกินทามะและสเก็ต ดานซ์ แบ่งออกเป็นสองตอน คือ สเก็ต ดานซ์ ตอนที่ 180 “ กินทามะ x สเก็ต ดานซ์ ” ( นับลำดับตอนต่อเนื่องกับการ์ตูนในชุดของตัวเอง ) และกินทามะตอนพิเศษ “ สเก็ต ดานซ์ x กินทามะ ” โดยมีผู้เขียนเรื่องต้นฉบับของแต่ละเรื่อง ( เคนตะ ชิโนฮาระ จากเรื่องสเก็ต ดานซ์ และ ฮิเดอากิ โซราจิ จากเรื่องกินทามะ ) รับผิดชอบในเนื้อหาการ์ตูนชุดของตนเอง [ 11 ] เนื้อหาของการ์ตูนข้ามเรื่องชุดนี้เริ่มขึ้นในการ์ตูนชุดสเก็ต ดานซ์ ตอนที่ 180 “ กินทามะ ten สเก็ต ดานซ์ ” โดยที่ตัวละครหลักของเรื่องกินทามะ ( กินโทกิ, คางุระ, ชินปาจิ ) ได้ข้ามมิติด้วยเครื่องย้ายมวลสารมายังห้องของชมรมสเก็ตดานซ์และได้พบกับสามตัวละครเอกของเรื่องดังกล่าว ( บอสเซน, ฮิเมโกะ, สวิชต์ ) และจบลงด้วยเหล่าตัวละครเอกของทั้งสองเรื่องถูกเครื่องย้ายมวลสารดึงมาสู่มิติของเรื่องกินทามะ และต่อด้วยเรื่องกินทามะตอนพิเศษ “ สเก็ต ดานซ์ x กินทามะ ” ซึ่งกล่าวถึงการแข่งขันชิงความเป็นสุดยอดร้านรับจ้างสารพัดระหว่างทีมกินทามะกับทีมสเก็ต ดานซ์ โดยใช้ฉากที่คล้ายกับโลกในเรื่อง “ วันพีซ x โทริโกะ “ ซึ่งเป็นการ์ตูนข้ามเรื่องอีกชุดหนึ่งของโชเน็นจัมป์ ที่ตีพิมพ์ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน อนึ่ง หลังจากได้มีการออกอากาศแอนิเมชั่นของการ์ตูนชุดกินทามะและสเก็ต ดานซ์ได้ 6 เดือน ได้มีการประกาศทำแอนิเมชั่นเนื้อหาข้ามเรื่องของทั้งสองเรื่องเป็นการเฉพาะ โดยมีกำหนดการออกอากาศในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ทั้งนี้จะเริ่มออกอากาศในตอน “ สเก็ต ดานซ์ ten กินทามะ ” ในวันจันทร์ที่ 26 กันยายน และออกอากาศตอน “ กินทามะ x สเก็ต ดานซ์ ” ในวันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน สตูดิโอที่รับผิดชอบการผลิดแอนิเมชั่นชุดนี้คือ ซันไรส์ ( “ สเก็ต ดานซ์ x กินทามะ ” ) และทัตซึโนะโกะ โปรดัคชั่น ( “ กินทามะ x สเก็ต ดานซ์ ” ) ซึ่งเป็นสตูดิโอที่รับผิดชอบแอนิเมชั่นชุดกินทามะและสเก็ต ดานซ์ ตามลำดับ [ 12 ]
ออริจินอลวิดีโอแอนิเมชัน ( โอวีเอ ) ของการ์ตูนกินทามะ ผลิตโดยบริษัทซันไรส์ โอวีเอตอนแรก ใช้ชื่อตอนเดียวกับชื่อเรื่อง ได้รับการฉายในงานจัมป์เฟสต้า 2005 โอวีเอตอนที่สองใช้ชื่อว่า “ ชิโระยะฉะ โคทัน ” ( ญี่ปุ่น : 白夜叉降誕 ; โรมาจิ : Shiroyasha Kotan ; ” กำเนิดปีศาจขาว ” ) ได้รับการฉายในงานจัมป์เฟสต้า 2008 ดีวีดีของโอวีเอทั้งสองตอน ใช้ชื่อว่า Gintama Jump Anime Tour 2008 & 2005 ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทอะนิเพล๊กซ์ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552 [ 13 ]
ภาพยนตร์การ์ตูนโทรทัศน์เรื่อง กินทามะ ผลิตโดย บริษัทซันไรส์ 99 ตอนแรกกำกับโดย ชินจิ ทากามาสึ ตอนที่ 100 ถึง 105 กำกับร่วมกันโดยชินจิ ทากามาสึและ โยอิจิ ฟูจิตะ ตั้งแต่ตอนที่ 106 เป็นต้นไปกำกับโดยโยอิจิ ฟูจิตะ [ 14 ] ออกอากาศทาง ทีวีโตเกียว ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2549 ถึง วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553 ในประเทศญี่ปุ่น บริษัทอะนิเพล๊กซ์ได้จำหน่ายดีวีดีภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะตามลำดับเวลาดังนี้
ส่วนในประเทศไทย มีบริษัทผู้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ได้แก่ บริษัททีไอทีเอ และบริษัทไรท์บิยอนด์
- บริษัททีไอทีเอ ได้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะปี 1 [20] และวางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดี 25 แผ่น[21]และ ดีวีดี 12 แผ่น[22]
- บริษัทไรท์บิยอนด์ ได้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะปี 2, ปี 3 และ ปี 4
- วางจำหน่ายภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะปี 2 ในรูปแบบวีซีดี 23 แผ่น ดีวีดี 12 แผ่น
- วางจำหน่ายภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะปี 3 ในรูปแบบวีซีดี 25 แผ่น ดีวีดี 13 แผ่น
- วางจำหน่ายภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะปี 4 ในรูปแบบวีซีดี 25 แผ่น ดีวีดี 13 แผ่น
ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะออกอากาศทางโทรทัศน์ครั้งแรกในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553 ในประเทศไทยทางช่อง การ์ตูนคลับแชนแนล เมื่อในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบัน โดยออกอากาศตอนที่ 1 ถึง ตอนที่ 52 และเคยมีการออกอากาศภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะครบทุกตอนทางช่อง ทรู สปาร์ค ในปัจจุบันมีการออกอากาศภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะทาง ช่อง 6 ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556 จนถึงปัจจุบัน
หลังจบแอนิเมชั่นชุดกินทามะ ภาค 4 สถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวได้ออกอากาศภาพยนตร์แอนิเมชั่นทางโทรทัศน์ชุด “ โยรินุกิ กินทามะ-ซัง ” ( ญี่ปุ่น : よりぬき銀魂さん ; ทับศัพท์ : Yorinuki Gintama-san ; ” รวมตอนที่ดีที่สุดของกินทามะ ” ) ซึ่งเป็นการคัดเลือกตอนเก่า ๆ ของแอนิเมชั่นชุดกินทามะจากทั้งสี่ภาคมาออกอากาศซ้ำในระบบโทรทัศน์รายละเอียดสูง ( HDTV ) โดยชื่อของรายการนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อล้อเลียนการออกอากาศซ้ำของแอนิเมชั่นชุด “ ซาซาเอะซัง “ [ 23 ] แอนิเมชั่นชุดนี้มีจำนวน 51 ตอน ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553 จนถึงวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554 ทั้งนี้ นอกจากการปรับปรุงระบบการออกอากาศจาก 4:3 มาเป็น 16:9 แล้ว ได้มีการเพิ่มเพลงเปิดและเพลงปิดรายการขึ้นใหม่อย่างละ 4 เพลง ดังรายชื่อต่อไปนี้
- เพลงเปิดรายการ
- “บะคุจิ แดนเซอร์” (ญี่ปุ่น: バクチ・ダンサー; โรมาจิ: Bakuchi Dansā; “Bakuchi Dancer”) โดย Does (ตอนที่ 1-9)
- “คะเซะ โน โงะโทะคุ” (ญี่ปุ่น: 風のごとく; “Kaze no Gotoku”) โดย โจ อิโนะอุเอะ (ตอนที่ 10-26) [24]
- “คะโนเซ เกิร์ล” (ญี่ปุ่น: 可能性ガール; ทับศัพท์: Kanōsei Gāru; “Kanōsei Girl”) โดย คุริยะมะ จิอะกิ (ตอนที่ 27-39)
- “คาโทะเนียโงะ” (ญี่ปุ่น: カートニアゴ) โดย FILP (ตอนที่ 40-51)
- เพลงปิดรายการ
- “โบะคุทะจิ โนะ คิเซ็ทซึ” (ญี่ปุ่น: 僕たちの季節; “Bokutachi no Kisetsu”) โดย Does (ตอนที่ 1-9)
- “เวฟ” (อังกฤษ: “ curl ”) โดย Vijandeux (ตอนที่ 10-26)
- “อินมายไลฟ์” (อังกฤษ: “ IN MY LIFE ”) โดย Azu (ตอนที่ 27-39)
- “ซะกุระเนะ” (ญี่ปุ่น: 桜音; “Sakurane”) โดย Piko (ตอนที่ 40-51)
ในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการออกอากาศแอนิเมชั่นชุดกินทามะ ภาค 4 โยอิจิ ฟูจิตะ ผู้กำกับแอนิเมชั่นชุดนี้ได้กล่าวว่าแอนิเมชั่นชุดนี้จะออกอากาศต่อเมื่อทีมงานผลิตรายการสามารถรวมรวบวัตถุดิบสำหรับการทำแอนิเมชั่นได้เพียงพอ ส่วนชินจิ ทากามัตสึ ซึ่งเป็นผู้ดูแลรายการ ได้กล่าวย้ำว่า แอนิเมชั่นทางโทรทัศน์ชุดนี้ยังไม่จบ และจะกลับมาออกอากาศอีกครั้งอย่างแน่นอน [ 25 ] ต่อมาสำนักพิมพ์ ชูเอฉะ ได้ประกาศในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 ว่า แอนิเมชั่นชุดใหม่ของเรื่องนี้จะกลับมาแพร่ภาพในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 [ 26 ] เมื่อจบการออกอากาศแอนิเมชั่นชุด “ โยรินุกิ กินทามะ-ซัง ” ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554 แล้ว ในสัปดาห์ถัดมา ซึ่งตรงกับวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554 สถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวจึงเริ่มการแพร่ภาพแอนิเมชั่นเรื่องกินทามะชุดใหม่ ภายใต้ชื่อ กินทามะ’ ( ญี่ปุ่น : 銀魂 ’ ; โรมาจิ : Gintama’ มีการเพิ่มเครื่องหมาย อะพอสทรอฟี ไว้หลังชื่อ ) ซึ่งเป็นแอนิเมชั่นเรื่องกินทามะชุดล่าสุดที่กำลังออกอากาศในขณะนี้ [ 27 ] ทีมงานในการผลิตยังคงใช้ทีมงานชุดเดียวกันกับใน 4 ภาคก่อนหน้า โดยมีโยอิจิ ฟูจิตะ เป็นผู้กำกับรายการ สำหรับดีวีดีชุดแรกจากแอนิเมชั่นชุดนี้จะเริ่มจัดจัดจำหน่ายในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 [ 28 ] ในประเทศไทย มีบริษัทผู้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ‘ คือบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ วางจำหน่ายในรูปแบบดีวีดี 13 แผ่น
ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ซีซั่น 6 ภาคล่วงเวลาสถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็นภาคต่อเนื่องจากภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ‘ ที่จบไปเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 ทีมงานในการผลิตยังคงใช้ทีมงานชุดเดียวกันกับภาคก่อนหน้า โดยมีโยอิจิ ฟูจิตะ เป็นผู้กำกับรายการ [ 29 ] สิ้นสุดการออกอากาศเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556 มีจำนวนตอนทั้งหมด 13 ตอน รวบรวมเป็นดีวีดีได้ 4 แผ่น วางจำหน่ายระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ในประเทศไทย มีบริษัทผู้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ซีซั่น 6 ภาคล่วงเวลา คือบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ วางจำหน่ายในรูปแบบดีวีดีบ๊อกซ์เซ็ต รวมดีวีดี 4 แผ่น วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ดูบทความหลักที่ กินทามะ เดอะมูฟวี่ กำเนิดใหม่ดาบเบนิซากุระ และ กินทามะ เดอะมูฟวี่ บทส่งท้าย : กู้กาลเวลาฝ่าวิกฤตพิชิตอนาคต มีการสร้างภาพยนตร์จอเงินของเรื่องกินทามะมาแล้ว 2 ภาค ภาคแรกคือ กินทามะ เดอะมูฟวี่ กำเนิดใหม่ดาบเบนิซากุระ ( ญี่ปุ่น : 劇場版 銀魂 新訳紅桜篇 ; โรมาจิ : Gekijōban Gintama Shinyaku Benizakura-Hen ) เป็นการดัดแปลงมาจากเนื้อเรื่องภาคเบนิซากุระของเรื่องกินทามะ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อคาซึระถูกคนของกองทหารอสุราลอบทำร้าย เหล่านักรับจ้างสารพัดจึงออกสืบหาต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด [ 30 ] [ 31 ] ภาพยนตร์ออกฉายที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553 ในประเทศไทย บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้ประกาศเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ภาคนี้บน เว็บบอร์ด ของเว็บไซต์ของบริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เมื่อวันที่ วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554 [ 32 ] ได้ออกฉายในงาน Manga & Anime festa ณ เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า เมื่อวันที่ 6 และ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554 [ 33 ] ออกวางจำหน่ายทั้งในรูปแบบดีวีดีและวีซีดีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554 และเคยออกอากาศทางช่อง แก๊งการ์ตูน เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557 [ 34 ] ภาพยนตร์ภาคที่สองของเรื่องกินทามะคือ กินทามะ เดอะมูฟวี่ บทสุดท้าย : กู้กาลเวลาฝ่าวิกฤตพิชิตอนาคต ( ญี่ปุ่น : 劇場版 銀魂 完結篇 万事屋よ永遠なれ ; โรมาจิ : Gekijōban Gintama Kanketsu-hen: Yorozuya yo Eien Nare ) ออกฉายที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อในวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ในประเทศไทย บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้ประกาศเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ภาคนี้ในงานฉายภาพยนตร์ ฮันเดอร์ x ฮันเตอร์ เดอะ มูฟวี่ เนตรสีเพลิงกับกองโจรเงามายา ณ เซ็นจูรี่ เดอะมูฟวี่ พลาซ่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 [ 35 ]
ดูบทความหลักที่ กินทามะ ซามูไร เพี้ยนสารพัด เมื่อเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2559 สำนักพิมพ์ชูเอฉะได้ประกาศว่าเรื่องกินทามะจะได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอคชัน และจะออกฉายในปี พ.ศ. 2560 กำกับและเขียนบทภาพยนตร์โดย ยูอิจิ ฟุคุดะ และนำแสดงโดย ชุน โอะงุริ [ 36 ] ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชันดัดแปลงจากเรื่องกินทามะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ในประเทศไทย ภาพยนตร์เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ( มหาชน ) เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 [ 37 ] โดยมีชื่อเรื่องภาษาไทยว่า กินทามะ ซามูไร เพี้ยนสารพัด
ดนตรีประกอบภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ประพันธ์โดย เออิจิ คามางาตะ ในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้มีการจำหน่ายซีดีเซาด์แทร็กของภาพยนตร์การ์ตูนกินทามะ ประกอบด้วยเซาวน์แทร็กจำนวน 32 เพลง รวมไปถึงเพลงเปิดเพลงแรก และเพลงปิดสองเพลงแรก [ 38 ] ซีดีซาวน์แทร็กลำดับที่ 2 วางจำหน่ายในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ประกอบด้วยซาวน์แทร็กจำนวน 40 เพลง [ 39 ] ส่วนซีดีซาวน์แทร็กลำดับที่ 3 ที่เป็นลำดับล่าสุด วางจำหน่ายในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ประกอบด้วยซาวน์แทร็กจำนวน 28 เพลง [ 40 ]
ไลท์โนเวลกินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ เล่มที่ 1 นิยาย ไลท์โนเวล ที่อิงจากหนังสือการ์ตูน กินทามะ เขียนเนื้อเรื่องโดยโทโมฮิโตะ โอซากิ วาดภาพประกอบโดยฮิเดอากิ โซราจิ เจ้าของเรื่องต้นฉบับ และตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ฉากของเรื่องเป็นโรงเรียนชื่อ โรงเรียนกินทามะ โดยกินโทกิรับบทอาจารย์โดยใช้ชื่อว่า ซากาตะ กินปาจิ และตัวละครอื่น ๆ ส่วนใหญ่รับบทนักเรียนหรืออาจารย์คนอื่น ๆ ในโรงเรียน เนื้อเรื่องของไลท์โนเวลกินทามะตีพิมพ์ในนิตยสาร จัมป์สแควร์ ใช้ชื่อเรื่องว่า ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ ( ญี่ปุ่น : 3年Z組銀八先生 ; โรมาจิ : 3-Nen Z-Gumi Ginpachi-sensei ; ” ปี 3 ห้อง Z อาจารย์กินปาจิ ” ) ไลท์โนเวลเล่มแรกตีพิมพ์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 และตีพิมพ์ถึงเล่มที่ 7 [ 41 ] [ 42 ] ซึ่งมีชื่อเรื่องดังต่อไปนี้ ในประเทศไทย นิยายไลท์โนเวลกินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ เป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ไลท์ วางจำหน่ายเล่มที่ 1 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 [ 43 ] ปัจจุบันตีพิมพ์ครบ 7 เล่มแล้ว ซึ่งมีชื่อเรื่องดังนี้
- กินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ
- กินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ 2: ทัศนศึกษาล่ะ! ทุกคนมารวมตัวกัน!!
- กินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ 3: ไปห้องให้คำปรึกษาแก่นักเรียนกันเถอะ!
- กินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ 4: มีเรื่องแบบนั้นกับเรื่องแบบนี้ด้วยเร้ออออออ!!
- กลับมาแล้วจ้ะ กินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ RETURN: ไอ้หนุ่มเลือดเย็น ทากาสุงิคุง
- กลับมาแล้วจ้ะ กินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ Phoenix: Funky Monkey Teachers
- กลับมาแล้วจ้ะ กินทามะ ปี 3 ห้อง Z ครูซ่ากินปาจิ Forever: ลาก่อน ชาว 3Z อันเป็นที่รัก
นอกจากนี้ ยังมีฉบับนิยายของภาพยนตร์ กินทามะ เดอะมูฟวี่ บทสุดท้าย : กู้กาลเวลาฝ่าวิกฤตพิชิตอนาคต ที่เขียนโดยโทโมฮิโตะ โอซากิเช่นเดียวกัน วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ปีเดียวกันกับที่ภาพยนตร์เข้าฉายที่ประเทศญี่ปุ่น [ 44 ] นิยายฉบับนี้ยังไม่มีลิขสิทธิ์ในประเทศไทย
ปัจจุบันมีการตีพิมพ์ไกด์บุ๊คกินทามะแล้ว 3 เล่ม สำหรับมังงะ 2 เล่ม และอนิเมะ 1 เล่ม ไกด์บุ๊คสำหรับมังงะเล่มแรก มีชื่อว่า Gintama Official Character Book – Gin Channel ( ญี่ปุ่น : 銀魂公式キャラクターブック「銀ちゃんねる!」 ) ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชูเอฉะในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2549 ในตัวหนังสือประกอบด้วยข้อมูลตัวละคร บทสัมภาษณ์ฮิเดอากิ โซราจิ และสติกเกอร์ตัวละคร [ 50 ] ไกด์บุ๊คสำหรับมังงะเล่ม 2 มีชื่อว่า Gintama Official Character Book 2 – Fifth Grade ( ญี่ปุ่น : 銀魂公式キャラクターブック2 「銀魂五年生」 ) ตีพิมพ์ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นเล่มที่เพิ่มข้อมูลของตัวละครใหม่เพิ่มเติมจากเล่มแรก [ 51 ] ไกด์บุ๊คสำหรับอนิเมะมีชื่อว่า Gintama Official Animation Guide “Gayagaya Box” ( ญี่ปุ่น : オフィシャルアニメーションガイド 銀魂あにめガヤガヤ箱 ) ตีพิมพ์ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2551 เนื่องในโอกาสกินทามะออกอากาศถึงตอนที่ 100 มีข้อมูลเกี่ยกวับนักพาย์ผู้พากย์เป็นตัวละครในกินทามะ [ 52 ]
ในประเทศญี่ปุ่น การ์ตูนเรื่องกินทามะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ในปี พ.ศ. 2549 [ 53 ] หนังสือการ์ตูนกินทามะ 12 เล่มที่ออกวางแผงในปีนั้น ขายได้จำนวนรวมกัน 7,500,000 เล่ม ในปี พ.ศ. 2550 ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านเล่ม ติดอันดับการ์ตูนขายดีของนิตยสารโซเน็นจัมป์ในปี พ.ศ. 2550 [ 54 ] ในปี พ.ศ. 2551 ยอดจำหน่ายของการ์ตูนกินทามะเป็น 20 ล้านเล่ม [ 55 ] ส่วนในประเทศไทย ในระยะแรก กระแสตอบรับของการ์ตูนกินทามะเป็นไปในทางลบ เนื่องจากผู้อ่านบางกลุ่มอ่านกินทามะไม่เข้าใจ [ 9 ] แต่ด้วยการพัฒนาเนื้อหาของผู้แต่งในระยะต่อมา และการแปลเป็นภาษาไทยที่ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น จึงทำให้กินทามะกลับมามีความนิยมอย่างท่วมท้นในประเทศไทย โดยเฉพาะการประกาศเรื่องและตัวละครชายดีเด่นในปี2010 ผลการโหวตปรากฏว่า การ์ตูนกินทามะได้อันดับที่สองรองจากK-on ! และซากาตะ กินโทกิ ได้รับการโหวตให้เป็นตัวละครชายยอดนิยมแห่งปี
Read more: Lille OSC