รายชื่อตัวละครใน การ์ตูนญี่ปุ่น เรื่อง โค้ด กีอัส ภาคการปฏิวัติของลูลูช
ลูลูช แลมเพอรูจ ( ญี่ปุ่น : ルルーシュ・ランペルージ ; โรมาจิ : Lelouch Lamperouge ) เป็นนักเรียมมัธยมปลาย อายุ 17 ปี เรียนที่แอชฟอร์ด จริง ๆ แล้วเขาเป็นลูกของจักรพรรดิแห่งบริแทนเนีย มีชื่อจริงคือ ลูลูช วี บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : ルルーシュ・ヴィ・ブリタニア ; โรมาจิ : Lelouch Vi Britania ) รัชทายาทลำดับที่ 17 เมื่อตอนที่เขาอายุ 10 ขวบนั้น แม่ของเขาได้ถูกฆ่าตาย โดยคนในเชื้อพระวงศ์เชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกก่อการร้าย แต่พ่อของเขานิ่งเฉย เขาจึงสาบานที่จะทำลายล้างบริแทนเนีย ภายหลังลูลูชและน้องสาวได้ถูกส่งตัวไปที่ญี่ปุ่นเพื่อเป็นตัวประกัน ในขณะนั้นพวกเขาได้พักที่บ้านของรัฐมนตรี เก็มบุ คุรุรุกิ ทำให้ลูลูชได้เป็นเพื่อนกับลูกชายของรัฐมนตรีที่ชื่อ สุซากุ คุรุรุกิ การที่เขาใช้ชื่อปลอมเพราะไม่อยากถูกส่งกลับที่จักรวรรดิเพื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนตอนที่โดนส่งมาเป็นตัวประกันที่ญี่ปุ่น เจ็ดปีหลังจากนั้น เมื่อเขาได้พลัง กีอัส มาจากองค์หญิงองค์ที่ 2 ที่ ชื่อว่า “ ซีทู ” เขาก็ได้รวมตัวกับกลุ่มกบฏกลุ่มหนึ่ง ก่อตั้งภาคีอัศวินดำขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับบริแทนเนีย ล้างแค้นให้แม่ของเขา และสร้างโลกที่อ่อนโยนที่เขาและนานาลี่น้องสาวจะอยู่ได้อย่างสงบสุข โดยเขาได้เป็นหัวหน้ากลุ่มใช้แฝงนามว่า ซีโร่ ( ZERO ) และปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากาก เพื่อไม่ให้คนในกลุ่มรู้ว่าเขาเป็นใคร

คุรุรุกิ สุซาคุ ( ญี่ปุ่น : 枢木 スザク ; โรมาจิ : Kururugi Suzaku ) เป็นเพื่อนสมัยเด็กของลูลูช และหนึ่งในคนที่รู้ว่าลูลูชแท้จริงเป็นใคร หลังจากสงคราม สุซาคุได้เข้าเป็นทหารของบริแทนเนีย การที่สุซาคุเข้าเป็นทหารทำให้เขาเป็นประชากรบริแทนเนียผู้ทรงเกียรติ และได้รับสิทธิพิเศษในการขับหุ่นไนท์แมร์เฟรมที่ให้สิทธิเฉพาะชาวบริแทนเนียเท่านั้น โดยเป็นคนขับไนท์แมร์เฟรม รุ่นที่ 7 แลนสลอต ( Lancelot ) ซึ่งเป็นเบต้าที่ยังไม่สมบูรณ์ ในภายหลัง เขาได้เข้าเรียนที่แอชฟอร์ดตามคำสั่งของเจ้าหญิงยูเฟเมีย สุซาคุไม่เชื่อในการกระทำที่ผิด และไม่เห็นด้วยกับการกระทำของซีโร่ เขาต้องการจะเปลี่ยนบริแทนเนียจากภายใน
ซีทู ( ญี่ปุ่น : シー・ツー ; โรมาจิ : C.C. ) ผู้หญิงปริศนาผู้เป็นอมตะ ผู้มอบพลังกีอัสให้กับลูลูช เธอเรียกตัวเองว่า ผู้สมรู้ร่วมคิด กับลูลูช คอยช่วยเหลือลูลูชในยามคับขันเสมอ ที่หน้าผากของเธอมีโค้ดสีแดงอยู่ด้วยและดูเหมือนเธอจะรู้จักกับ มารีแอน หรือแม่ของลูลูชเป็นการส่วนตัว เธอมีดวงตาสีเหลีองอำพันและมีผมยาวสีเขียวใบไม้ผลิ ชอบกินพิซซ่าเป็นชีวิตจิตใจ เคยเกือบโดนจับเพราะพิซซ่า ( อ้างอิงจากตอนที่5ซีทูมาโรงเรียนของลูลุสเพราะอยากกินพิซซ่ายัก ) และซีทูเธอมีความปรารถนาที่แท้จริงอยู่คือทำให้ใครชักคนที่สามารถฆ่าเธอได้แต่อย่างนั้นสิ่งที่ซีทูปรารถนาจริงๆนั้นไม่ใช่ความตายแต่เป็นความรักที่แท้จริง มีแต่ลูลูชเท่านั้นที่รู้ความปรารถนานี้ ถึงซีทูจะแสดงความเย็นชาใส่ลูลูชแต่ซีทูก็ห่วงลูลูชจากใจจริง ในตอนจบของภาค R1 ซีทูได้บอกกับลูลูชว่า เอาชนะให้ได้นะลูลูช เอาชนะอดีตของตัวเอง และก็ผลของการกระทำอันนั้น จากนั้นซีทูก็จูบกับลูลูช ทำให้ลูลูชอึ้ง ลูลูชได้กล่าวกับซีทูว่า อย่าตายนะ แสดงว่าถึงลูลูชรู้อยู่แล้วว่าซีทูเป็นอมตะแต่ลูลูชก็ไม่อยากให้ซีทูตาย มันแสดงให้เห็นถึงความผูกพันทั้งสองที่เคยผ่านอะไรมาด้วยกัน
คาเรน สแทดท์เฟลด์ ( ญี่ปุ่น : カレン・シュタットフェルト ; โรมาจิ : Karen Stadtfield ) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ โคซุกิ คาเรน ( ญี่ปุ่น : 紅月カレン ; โรมาจิ : Kōzuki Karen ) เธอเป็นลูกครึ่งบริทานเนียและอีเลฟเว่น เป็นนักเรียนในโรงเรียนแอชฟอร์ด และเป็นหนึ่งในกลุ่มกบฏโดยใช้ชื่อแฝง ปัจจุบันสังกัดภาคีอัศวินดำ และอยู่ใต้การบังคับบัญชาของซีโร่ เป็นหน่วยอิสระที่ขึ้นตรงต่อซีโร่เท่านั้น เป็นนักบินประจำไนท์แมร์รุ่นพิเศษ กุเรนนิชิกิ ที่เป็นไนท์แมร์แข็งแกร่งที่สุดในภาคีอัศวินดำ หลังจากสงคราม พ่อของเธอซึ่งเป็นชาวบริแทนเนียได้แต่งงานใหม่กับคนบริแทนเนีย และปล่อยให้ผู้เป็นแม่ของคาเรน ซึ่งเป็นชาวอีเลฟเว่น ทำงานในบ้านในฐานะคนรับใช้ ภายหลัง แม่ของเธอได้เข้าไปใช้ยาเสพติดจนมีโทษจำคุก เธอสัญญาว่าจะช่วยแม่ของเธอมาให้ได้ คาเรน สแทดท์เฟลด์ ชอบ ลูลูชก่อนที่จะจากกันคาเรน สแทดท์เฟลด์ก็มาจูบกับลูลูช
นานาลี่ แลมเพอรูจ ( ญี่ปุ่น : ナナリー・ランペルージ ; โรมาจิ : Nunnally Lamperouge ) น้องสาวแท้ๆของลูลูช เดิมชื่อ นานาลี่ วี บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : ナナリー・ヴィ・ブリタニア ; โรมาจิ : Nanaly Vi Britannia ) เธอได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ที่พระนางมาเรียน์แอน แม่ของลูลูชถูกลอบสังหาร จนทำให้เธอตาบอดและขาพิการนับแต่นั้นมา ลูลูชเชื่อว่าสักวันน้องสาวของเขาจะต้องมองเห็นอีกครั้งหนึ่ง เธอเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มเพื่อนๆของลูลูช อีกทั้งยังสนิทกับสุซาคุตั้งแต่เด็กอีกด้วย นานาลี่มีจิตใจดีและเรียกชาวอีเลฟเว่นว่าชาวญี่ปุ่น เธอเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ลูลูชต้องการจะต่อสู้
โรโล่ แลมเพอลูช ( ญี่ปุ่น : ロロ・ランペルージ ; โรมาจิ : Roro Ranperūji ) ถูกแนะนำในซีซั่น 2 ในฐานะมือสังหารที่แสดงเป็นน้องชายของลูลูซเพื่อเฝ้าติดตามลูลูซที่ถูกบันทึกความทรงจำใหม่ในตอนจบซีซั่นแรก โรโล่เป็นนักบินของวินเซนต์ที่มีร่างต้นแบบจากแลนสลอตน์ของซึซาคุและมีพลังกีอัสที่ตาข้างขวาที่สามารถหยุดการรับรู้ประสาททั้ง 5 ของคนที่อยู่ทั่วทั้งอาณาเขตของเขา แต่อย่างไรก็ตามพลังของเขาก็มีข้อจำกัดคือเมื่อใช้จะทำให้หัวใจหยุดเต้นขณะใช้กีอัส เขาถูกใช้เป็นเครื่องมือของลูลูซในการทำงานสนับสนุนภาคีอัศวินดำและเชื่อใจลูลูซอย่างสนิทใจว่าเขาเป็นครอบครัวของลูลูซ สมบัติล้ำค่าที่สุดของเขาก็คือล็อกเก๊ตที่ลูลูซให้เป็นของขวัญวันเกิดในขณะลูลูซคิดว่าโรโล่เป็นน้องชายจริง ๆ
จากซ้ายไปขวา : ริวัล, อาร์เธอร์ ( แมวบนมอเตอร์ไซด์ ), คาลเลน สแทดท์เฟลด์ ( คาเรน ), ซาโยโกะ, คุรุรุกิ สุซาคุ, ลูลูช แลมเพอรูจ, C.C. ( ซีทู ), เชอร์ลี่, มิลลี่, นีน่า, และนันนาลี่ แลมเพอรูจ โรงเรียนแอชฟอร์ด ( アッシュフォード学園, Asshufōdo Gakuen ? ) โรงเรียนสำหรบชาวบริแทนเนียที่ตั้งในโตเกียวที่ก่อตั้งขึ้นมาและดำเนินงานโดยมูลนิธิแอชฟอร์ด ( アッシュフォード財団, Asshufōdo Zaidan ? ) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลเพื่อสนับสนุนการศึกษาโดยขุนนางชั้นสูงของตระกูลแอขฟอร์ด และที่นั้นก็เป็นที่อยู่อาศัยของลูลูซกับนานาลี่เพราะในอดีตแม่ของพวกเขาเคยมีความสัมพันธ์กับตระกูลแอชฟอร์ดโดยอยู่อาศัยในพื้นที่หอของสภานักเรียน
อาร์เธอร์ ( アーサー, Āsā ? ) แมวที่องค์หญิงลำดับที่ 3 ยูเฟย์เมียร์ทรงรับมาเลี้ยงหลังจากที่เธอเดินทางมายัง Area 11 วันนึงมันโดนไล่ตามในโรงเรียนเพราะเดินเข้าไปในห้องของลูลูซและได้ขโมยหน้ากากซีโร่ของลูลูซหนีไปโดยเอาใส่หัวของมันเองและไป ๆ มา ๆ สภานักเรียนก็ได้รับอุปการะดูแลและสร้างบ้านให้มันอยู่โดยให้อยู่ในห้องสภานักเรียน และมันมักเป็นตัวปล่อยมุกตลกเป็นประจำในซีรีส์เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่หรือที่ไหนมักจะกัดสุซาคุเป็นประจำแต่กับคนอื่นมันไม่เคยกัดใครเลย อาร์เธอร์ได้ช่วยชีวิตของสุซาคุจากการโดนทามากิยิงปืนใส่ โดยกระโดดเข้าไปกัดที่มือของทามากิในตอนสุดท้ายของซีซั่นแรก ในซีซั่น 2 สุซาคุได้เอาอาร์เธอร์กลับไปบริแทนเนียด้วยและมันเป็นที่ชอบใจของสมาชิกไนท์ออฟราวด์อย่างอาเนียเป็นอย่างมาก เมื่อสุซาคุได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนแอชฟอร์ดอีกครั้งเขาก็ได้นำมันกลับมาด้วย ในตอนสุดท้ายอาร์เธอร์ได้ไปนั่งอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพของสุซาคุในตอนพลบค่ำ อาร์เธอร์ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตาโดยอยู่บนหัวของอาเนีย
มิเรย์ แอชฟอร์ด ( ミレイ・アッシュフォード, Mirei Asshufōdo ? ) หลานสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนแอชฟอร์ด ลูเบ็น เค แอชฟอร์ด และเป็นประธานสภานักเรียนโรงเรียนแอชฟอร์ด มิเรย์เป็นคนที่ชอบหยอกล้อเชอร์ลี่และกระตือรือร้นมากในการหาจุดอ่อนหรือความลับของลูลูซ ซึ่งเห็นได้ชัดมากเมื่อมิเรย์ได้ยินว่าอาร์เธอร์ได้ขโมยของสำคัญของลูลูซไปเธอถึงกับประกาศให้นักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนช่วยกันไล่จับและเอาส่งให้เธอ แต่จริง ๆ แล้วเธอแอบมีใจให้กับลูลูซแต่เธอก็ต้องหักห้ามใจเพื่อที่จะฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของตระกูลแอชฟอร์ดขึ้นมาอีกครั้งโดยการแต่งงานกับขุนนางชั้นสูง มิเรย์รู้ฐานะที่แท้จริงของลูลูซที่เป็นองค์ชายของบริแทนเนีย ครั้งนึงในอดีตตระกูลของเธอเคยเป็นผู้สนับสนุนจักรพรรดินีมารีแอน ในฟิกเจอร์ดราม่าที่ 2 ที่ถูกบรรจุในดีวีดีที่จำหน่าย ปู่ของเธอกับปู่ของนีน่าพูดว่าจะร่วมมือกันพัฒนาไนท์แมร์เฟรมแกนีมีดแต่แล้วมารีแอนซึ่งเป็นผู้นำตระกูลกลับถูกลอบปลงพระชมน์จึงทำให้สถานะทางสังคมของตระกูลตกต่ำลงถึงขีดสุดและเพื่อการฟื้นฟูตระกูลมิเรย์จำต้องแต่งงานกับลอยด์ แอสพรุนด์ หลังจากเหตุการณ์ใน R1 มิเรย์ยังคงยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนต่อไปเพราะเธอสอบตกอย่างไรก็ตามเธอก็ได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ในโรงเรียนกับเพื่อน ๆ ทุกคนในท้ายสุดเธอก็สามารถจบการศึกษาได้และทำงานเป็นนักข่าวในสถาณีโทรทัศน์ท้องถิ่นและขอถอนหมั้นกับลอยด์เพื่อเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด มิเรย์ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของโอกิกับวิเล็ตตา
ริวัล คาลดีมอนด์ ( ญี่ปุ่น : リヴァル・カルデモンド ; โรมาจิ : Rivaru Karudemondo ) 1 ในเพื่อนของลูลูซ บ่อยครั้งที่เขามักเป็นคนขับมอเตอร์ไซด์พาลูลูซไปเล่นพนันเกมส์หมากรุกกินเงิน เขาทำงานชั่วคราวเป็นบาร์เทนเดอร์เป็นพนักงานเสริฟเพื่อประชดต่อความรักที่เขามีให้กับมิลลี่ แอชฟอร์ดโดยเฉพาะตอนที่เธอบอกว่าจะไปดูตัวแต่งงานตามคำสั่งของแม่ สิ่งที่แสดงให้เห็นในซีรีส์และในดีวีดีเอ็กซ์คูซีพโบนัสคือริวัลเป็นเพื่อนกับสุซาคุได้อย่างรวดเร็วมากหลังจากที่สุซาคุได้เข้าเป็นสมาชิกสภานักเรียนตามคำขอของลูลูซ นามสกุลที่แท้จริงของริวัลไม่ใช่คาลดีมอนด์ แต่นั้นเป็นนามสกุลของแม่เขาและเขาได้ใช้มันหลังจากที่พ่อแม่ของเขาหย่ากัน เขาเกิดที่บริเวณที่ราบสูงในเขตแคลิฟอร์เนีย ริวัลปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตา
นีนา ไอสไตน์ ( ญี่ปุ่น : ニーナ・アインシュタイン ; โรมาจิ : Nīna Ainshutain ) ถูกแนะนำครั้งแรกในฐานะสมาชิกสภานักเรียนโรงเรียนแอซฟอร์ดที่ชอบอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก นีน่าแสดงให้เห็นถึงอาการของโรคซิโนโฟบิก ( โรคกลัวชาวต่างชาติ ) อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะกับชาวอีเลฟเว่น เมื่อสุซาคุเดินทางมาเรียนที่โรงเรียน ต่อมาเธอคลั่งไคล้ในตัวขององค์หญิงลำดับที่ 3 ยูเฟย์เมียร์ หลังจากที่ช่วยเธอระหว่างเป็นตัวประกันที่กำลังจะโดนทำร้ายที่โรงแรมทะเลสาบคาวากุจิ ลอยด์ แอสพรุนด์สนใจงานวิจัยส่วนตัวของนีน่าที่จะทำให้ใช้ยูเรเนียม-235เป็นเชื้อเพลิงจึงได้หาซากุระไดต์มาให้เพื่อการวิจัยต่อไป ต่อมาเมื่อยูเฟย์เมียร์ได้สิ้นพระชนม์ นีน่าเริ่มมีอารมณ์แปรปวนไม่อยู่กับร่องกับรอยและคิดเพียงอย่างเดียวคือต้องฆ่าซีโร่เพื่อแก้แค้นให้องค์หญิง เธอทำการติดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ต้นแบบให้กับไนท์แมร์เฟรมแกนีมีดของโรงเรียนแอซฟอร์ด หากระเบิดจะมีรัศมีการทำลายล้างได้ทั้งเขตโตเกียวแต่ผลก็คือไม่ระเบิด นีน่าได้รับการคัดเลือกให้เข้าทำงานจากชไนล์เซลโดยให้เป็นหัวหน้าทีมวิจัยของเขาที่ดัลลัสในเขตเท็กซัส ชไนล์เซลโน้มน้ามเธอให้ทำงานกับเขาเพื่อยูเฟย์เมียร์เพื่อแก้แค้นซีโร่ที่เธอไม่เคยลืม เธอได้คิดค้นระเบิดภายใต้รหัสที่ชื่อว่า “ เฟรย่า ” ( Field Limitary Effective Implosion Armament ตัวย่อ F.L.E.I.J.A. ) ซึ่งมีรัศมีการทำลายล้างสูง ระเบิดลูกแรกถูกใช้ที่โตเกียวมีรัศมีการทำลายล้างถึง 8 กิโลเมตรและในเวลาต่อมาเมื่อทำการปลดลิมิตออก ลูกที่ 2 จึงถูกใช้ที่นครหลวงเพนดราก้อน เมืองหลวงของบริแทนเนียทำให้มีรัศมีการทำลายล้างเพิ่มขึ้นมากถึง 100 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามแม้ในตอนแรกเธอดีใจมากที่ความหวังของเธอที่จะได้แก้แค้นซีโร่กำลังจะเป็นจริงแต่เธอก็ต้องตกใจกับอำนาจการทำลายล้างจากผลงานอาวุธของเธอที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ถึง 35 ล้านคนในเขตอาศัยของโตเกียวต้องตายทั้งหมด ลอยด์ได้บอกนีน่าว่าหากเธอรู้สึกผิดในการกระทำให้เลิกเป็นนักวิทยาศาสตร์ซะหากไม่ก็จงเป็นนักวิทยาศาสตร์และวิจัยต่อไป นีน่าจำต้องซ่อนตัวอยู่โรงเรียนแอซฟอร์ดจากคดีที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาเฟรย่า ลูลูซได้ขอความช่วยเหลือจากนีน่าให้พัฒนาอาวุธต่อต้านเฟรย่าเพื่อสอนบทเรียนที่มากกว่าความตายให้กับชไนล์เซลและเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อนีน่ายอมตกลงช่วยเขา แต่เขาที่อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ว่าเขาเป็นคนฆ่ายูฟี่ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็คุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องซีโร่เธอบอกว่าเธอไม่มีวันยกโทษให้ซีโร่เด็ดขาดแต่เธอยังคงต้องหาคำตอบให้กับตัวเธอเองก่อนจากกันลูลูซได้บอกกับเธอว่าเธอคนที่ดีมาก ๆ ต่อมาเธอก็เป็นนักโทษของจักรพรรดิลูลูซโดยถูกคุมขังร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของทั้งบริแทนเนียและภาคีอัศวินดำ แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ครั้งสุดท้ายที่เธอปรากฏตัวคือในภาพงานแต่งงานของวิเลตตากับโอกิในสภาพที่ไม่มีอาการของโรคซิโนโฟบิก
เชอร์ลี่ เฟนเนต ( シャーリー・フェネット, Shārī Fenetto ? ) เป็นเหมือนเด็กสาวทั่วไปที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีและเป็นที่รักของทุก ๆ คน เธอเป็นสมาชิกชมรมว่ายน้ำ เธอแอบชอบลูลูซตั้งแต่แรกเห็นตอนที่มาเรียนที่โรงเรียนแอชฟอร์ดถึงแม้เธอจะพยายามใกล้ชิดกับลูลูซซักเท่าใดก็ไม่ค่อยเป็นผลสำเร็จเท่าไหร่นักจนสุดท้ายก็ทำสำเร็จ นิสัยของเธอมักจะเป็นคนที่ตื่นเต้นตกใจง่ายกับเรื่องต่าง ๆ ก่อนที่คนอื่นจะเล่าให้ฟังจนจบ โดยเฉพาะเรื่องของลูลูซ เชอร์ลี่เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 19 ในอนิเมะกรังด์ปรีซ์ครั้งที่ 29 ในสาขาตัวละครหญิงที่ได้รับความนิยม ชื่อของเธอและลักษณะตัวละครถูกออกแบบเหมือนกับแอนนี่ เชอร์ลี่ ( アン・シャーリー, An Shārī ? ) ซึ่งเป็นตัวละครจากซีรีส์การ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังที่ได้รับความนิยมเรื่องสาวน้อยแอนนี่แห่งกรีนเกเบิลส์ ( 赤毛のアン, Akage no An ? )
ซาโยโกะ ชิโนซากิ ( 篠崎 咲世子, Shinozaki Sayoko ? ) ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่มีจิตใจเมตตากรุณาที่ทำงานเป็นคนรับใช้ที่ดูแลลูลูซกับนันนาลี่ในหอพัก เดิมทีเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของมิลลี่ แอชฟอร์ดแต่เมื่อลูลูซกับนันนาลี่ได้รับการดูแลจากตระกูลแอชฟอร์ดเธอจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลความเป็นอยู่ของทั้งคู่ แม้เธอจะทำงานเป็นคนรับใช้แต่แท้จริงแล้วเธอได้สำเร็จการศึกษาวิชาศิลปะการป้องกันตัวเป็นลำดับที่ 37 ของโรงเรียนชิโนซากิ ( 篠崎流, Shinozaki Ryuu ? ) โดยมีความสามารถในการใช้ระเบิดควันและคุไน ( ศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่ง ) อีกทั้งยังมีความสามารถทางการกีฬาสูงมาก ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดคนรับใช้หรือซุปเปอร์เมด ( スーパーメイド, sūpāmeido ? ) ในบันทึกประวัติ ในดีวีดีที่จำหน่ายจะมีส่วนใส่เพิ่มเติมลงมาในแผ่นที่เรียกว่า “ ไดอารี่ของซาโยโกะ ” ซึ่งจะกล่าวถึงชีวิตประจำวันของเธอในโรงเรียนแอชฟอร์ด ซาโยโกะจะคอยช่วยดูแลนันนาลี่เวลาที่ลูลูซออกไปข้างนอก ต่อมาเธอได้รับมอบหมายจากดีทฮาร์ด รีดให้เป็นสายลับให้กับภาคีอัศวินดำและสามารถหลบหนีจากการจับกุมระหว่าง Black Rebellion โดยหนีไปยังสหพันธ์จีนกับดีทฮาร์ดและสมาชิกคนอื่น ๆ ลูลูซซึ่งได้ความทรงจำกลับมาและจำเรื่องเกี่ยวกับเธอได้ในซีซั่น 2 และขอให้เธอแสดงบทบาทเป็นตัวเขาอีกคนที่แอชฟอร์ดระหว่างที่เขาไม่อยู่ อย่างไรก็ตามเธอก็สามารถแสดงเป็นลูลูซได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อแต่เธอก็ทำให้ชีวิตประจำวันของลูลูซในสายตาคนอื่นกลายเป็นเสือผู้หญิงและยิ่งกว่านั้นยังแสดงความสามารถทางการกีฬาที่ผิดแปลกไปจากปกติของลูลูซในงานเทศกาลที่มิลลี่จัดขึ้น ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 เธอเป็นคนนำทีมปฏิบัติการช่วยเหลือนันนาลีพร้อมกับโรโล่และโดนผลของรัศมีระเบิดเฟรย่า อย่างไรก็ตามเธอกับนันนาลี่ก็สามารถหนีมาได้ด้วยยานแต่ก็โดนชไนล์เซลจับได้ ซาโยโกะสามารถหนีมาได้และกลับมาหาลูลูซและบอกถึงแผนของชไนล์เซลทั้งที่บาดเจ็บ เจเรเมียได้พูดกับเธอเรื่องเกี่ยวกับการสวามิภักที่เธอเลือก ( ระหว่างบริแทนเนีย ) และบอกว่าเธอนั้นเหมือนกับเขาที่มีความกล้าหาญและมีเกียรติ เมื่อยานอวาลอนโดนภาคีอัศวินดำยึด ลูลูซได้สั่งให้เธอปล่อยตัวประกันสหพันธ์ประชาชาติและแสร้งทำเป็นว่าทรยศเขาและนั้นเป็นคำสั่งสุดท้ายที่เขาสั่งเธอ ต่อมาเธอก็เป็นนักโทษถูกคุมขังเช่นเดียวกับรัคชาตะ, นีน่าและเซซิลแต่ก็ได้รับอิสระภายในเวลาไม่นาน
ภาคีอัศวินดำ ( ญี่ปุ่น : 黒の騎士団 ; โรมาจิ : Kuro no Kishidan ) กลุ่มปฏิวัติที่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยมือของลูลูซในบริแทนเนีย เขาได้ทำให้กลุ่มของเขาเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกในฐานะองค์กรที่จะปกป้องความชอบธรรมต่าง ๆ ปกป้องคนอ่อนแอที่ถูกคนแข็งแกร่งกลั่นแกล้ง ภาคีอัศวินดำภายใต้การนำของเขาได้เติบโตขึ้นมาแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านกองทัพบริแทนเนียและยังคงพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อภาคีอัศวินดำได้เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์ประชาชาติในฐานะองค์กรทางทหารและต่อมาได้เป็นกองกำลังหลักของสหพันธ์ประชาชาติ
สมาชิกแกนนำหลักของภาคีอัศวินดำ ซึ่งเดิมทีเป็นเพียงแค่กลุ่มต่อต้านเล็ก ๆ ที่มีคานาเมะ โอกิเป็นผู้นำ ต่อมาในช่วงต้นซีซั่นแรกลูลูซได้เข้าไปเป็นผู้นำแทน
คานาเมะ โอกิ ( ญี่ปุ่น : 扇 要 ; โรมาจิ : Ōgi Kaname ) เดิมทีเป็นผู้นำของกลุ่มต่อต้าน เขาได้รับตำแหน่งนี้หลังจากที่พี่ของคาลเลนตายไป นาโอโตะ โคซึกิ ( ญี่ปุ่น : 紅月ナオト ; โรมาจิ : Kōzuki Naoto ) โดยได้ลาออกจากการเป็นครูสอนหนังสือเพื่อมารับตำแหน่งดังกล่าว บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเป็นผู้นำได้รึไม่ อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นคนที่รักความยุติธรรมและรับรู้ถึงจุดมุ่งหมายของซีโร่ที่แม้จะมีความลับต่อกลุ่มก็ตาม คานาเมะก็ได้ยกตำแหน่งผู้นำกลุ่มต่อต้านให้กับซีโร่หลังจากที่ซีโร่ได้พิสูจน์ว่าเป็นคนที่มีความสามารถมากกว่าและเป็นผู้บัญชาการที่เก่งกาจ เมื่อซีโร่ก่อตั้งภาคีอัศวินดำขึ้น เขาก็ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการในกลุ่มแกนนำ ต่อมาในการรบที่ทำให้กลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่นถูกกวาดล้างทั้งหมด โอกิได้พบวิเลตตาที่หมดสติอยู่บริเวณแนวกันคลื่นของท่าเรือและได้พาตัวไปรักษาและให้เธออยู่กับเขา โดยที่วิเลตตานั้นสูญเสียความทรงจำว่าตัวเธอนั้นเป็นใคร แม้ว่าเขาจะรู้ว่าวิเลตตารู้โฉมหน้าของซีโร่ ( วิเลตตาได้หลุดปากออกมาตอนที่เขากำลังช่วย ) แต่เขาก็ไม่ฆ่าหรือใช้รีเฟนเพื่อเรียกความทรงจำ และการที่เขาอยู่กับเธอทำให้เขาตกหลุมรักเธอ ระหว่าง Black Rebellion โอกิโดนวิเลตตายิงตอนที่วิเลตตาได้ความทรงจำกลับคืนมา ต่อมาหลัง Black Rebellion เขาก็ถูกจับโดยทางการบริแทนเนีย โดยโอกิยังคงเชื่อมั่นในตัวซีโร่ว่าเป็นคนเดียวที่จะสามารถปลดปล่อยญี่ปุ่นได้ ในซีซั่น 2 โอกิได้รับการช่วยเหลือโดยซีโร่และกลุ่มสมาชิกภาคีอัศวินดำจากลานประหาร ในระหว่างพิธีจัดตั้งเขตปกครองพิเศษญี่ปุ่นครั้งที่ 2 เขา ( ใส่ชุดซีโร่ ) ปกป้องวิเลตตาไม่ให้โดนยิง เธอจึงสงสัยว่าจะเป็นเขาแต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าตัวเขาคือโอกิและเดินจากไป ต่อมาวิเลตตานัดพบกับโอกิอย่างลับ ๆ เพื่อที่จะฆ่าเขาเพื่อลบส่วนที่เชื่อมโยงระหว่างเธอกับอีเลฟเว่น โอกิรู้อยู่เต็มอกว่าวิเลตตาจะทำอะไรแต่เขาก็เลือกที่จะไปพบและสารภาพรักกับเธอ วิเลตตาโดนซาโยโกะจับตัวเป็นนักโทษได้ระหว่างการนัดพบตามคำสั่งของดีทฮาร์ตที่ให้ติดตามโอกิเพื่อตรวจสอบความภัคดีต่อกลุ่ม หลังศึกโตเกียวครั้งที่ 2 ได้ยุติลงชั่วคราว โอกิกับวิเลตตาก็สนับสนุนให้ชไนล์เซลเป็นคนนำทัพภาคีอัศวินดำ อย่างไรก็ตามโอกิก็ได้ยืนกรานอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการแลกกันว่าหากจะให้เขาทรยศซีโร่ ชไนล์เซลจะต้องคืนแผ่นดินญี่ปุ่นให้เพราะถ้าไม่ให้ เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยที่ทรยศซีโร่ ต่อมาระหว่างการศึกต่อต้านลูลูซ เขากับวิเลตตาได้อยู่ด้วยกันที่เกาะโฮไร เขาขอร้องให้เธออยู่ที่เกาะโฮไรต่อไปในฐานะผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่คนและบอกกับเธอว่าเขาเป็นคนแรกที่ยอมรับลูลูซเพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างและไม่อยากให้ชีวิตที่กำลังจะเกิดใหม่ตัองพัวพันเรื่องดังกล่าว ในตอนจบซีรีส์โอกิได้แต่งงานกับวิเลตตาและได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น
โยชิทากะ มินามิ Yoshitaka Minami ( ญี่ปุ่น : 南 佳高 ; โรมาจิ : Minami Yositaka ) ผู้ชายคนแรกที่ได้รับตำแหน่งในกลุ่มผู้บัญชาการลับแห่งกลุ่มภาคีอัศวินดำ ระหว่างเหตุการณ์ Black Rebellion เขาถูกจับและหลังจากนั้นในปีต่อมาเขาได้รับทราบข่าวตัวตนที่แท้จริงของซีโร่ จากนั้นมารับตำแหน่งเป็นกัปตันยานอิคารุกะแห่งสหพันธ์ประชาชาติ หลังจากฝ่ายพันธมิตรชไนเซลและสมาพันธรัฐพ่ายแพ้ในศึกต่อต้านลูลุช มินามิเป็นระดับแกนนำคนเดียวของฝ่ายภาคีอัศวินดำที่หนีรอดการตามล่าของบริแทนเนีย และ ได้เข้าร่วมกลุ่มต่อต้านของคอร์เนเลียในการบุกชิงตัวประกันหลังจากลูลุชตาย เขาปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ร้านเหล้าของทามากิโดยนั่งอยู่ข้าง ๆ วิเลตตาและสุกิยามะ
เคนโตะ สุกิยามะ ( ญี่ปุ่น : 杉山 賢人 ; โรมาจิ : Sugiyama Kento ) ผู้ชายที่มีผมสีดำแกมเขียว ( นามสกุล “ สุกิยามะ ” เป็นนามสกุลเดียวกับผู้ให้เสียงพากษ์ ) หลังการเข้าร่วมกับกองทัพองค์การสหพันธ์ประชาชาติ เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยพิเศษ ปรากฏว่าเขาว่ามีความสามารถในการทำอาหาร ลูลูซจึงให้เขาทำพิซซ่าให้ซีทูทาน เขาปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ร้านเหล้าของทามากิโดยนั่งพักอยู่กับกีต้าร์ที่วางอยู่ข้างเก้าอี้ที่เขานั่ง
ชินอิจิโร่ ทามากิ ( ญี่ปุ่น : 玉城 真一郎 ; โรมาจิ : Tamaki Shin’ichirō ) หัวหน้าหน่วยพิเศษที่ 2 แห่งภาคีอัศวินดำ เขาเป็นคนค่อนข้างใจร้อนโผงผางไม่คิดหน้าหลังและคิดว่าตนเป็นคู่หูที่ดีที่สุดของซีโร่ เวลาที่ไม่ต่อสู้จะเป็นคนที่เฮฮามากแต่เวลาเข้าสู่แนวหน้าจะเป็นคนที่หุนหันไม่รอบคอบ ความหุนหันของเขาได้แสดงให้เห็นความไม่ยั้งคิดโดยออกคำสั่งประหารสมาชิกสภานักเรียนโรงเรียนแอซฟอร์ดด้วยความหวังดีต่อซีโร่ แต่คำสั่งก็ตกไปจากสถานการณ์การถอยหนี เขาเป็นนักบินไนท์แมร์พื้นฐานในระหว่างการรบและมักต้องดีตตัวหนีสละเครื่องเป็นประจำ ความฝันของทามากิคือการเป็นข้าราชการของรัฐแต่ถ้าทำความฝันไม่สำเร็จ เขาก็อาจจะเป็นแค่คนเสพรีเฟน แต่เดิมเขาไม่ไว้ใจซีโร่แต่ก็มาเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนอันแรงกล้า หลังจากการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษญี่ปุ่นได้ล้มเหลว รวมทั้งความล้มเหลวของเหตุการณ์ Black Rebellion ทำให้เขาถูกจับนานเกือบปี แต่เขาไม่เคยยอมแพ้และหวังว่าสักวันซีโร่จะมาช่วยแม้จะได้รับข่าวสารว่าซีโร่ตายไปแล้วก็ตามที ทามากิเคยโต้คารมกับซีทูในองค์กรระหว่างซีซั่น 1 โดยกล่าวว่าซีทูมีตำแหน่งหลักเป็นเพียงแค่ชู้รักของซีโร่เท่านั้น ในซีซั่น 2 เขาเริ่มเพลาลงเกี่ยวกับนิสัยของเขาและการล้อเล่น ทามากิมักบ่นว่าเขาไม่ได้มีตำแหน่งอย่างทางการอะไรเลยในซีซั่น 2 ( เกิดอะไรขึ้นกับตำแหน่งเดิมของเขา ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ ) บางครั้งเขาต้องการที่จะคุมการเงิน ( ลูลูซรู้ดีเกี่ยวกับนิสัยของทามากิในซีซั่น 1 ที่ชอบใช้เงินเปลืองไปกับค่าอาหารที่ตัวเองชอบโดยไม่จำเป็น ). เมื่อสหพันธ์ประชาชาติกับภาคีอัศวินดำได้รวมกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน ทามากิได้รับรับตำแหน่งหน่วยสนับสนุนการกวาดล้างภายใน เมื่อความจริงที่ลูลูซเป็นซีโร่ถูกเปิดโปง ทามากิทำใจได้ลำบากและเป็นคนสุดท้ายที่จะต้องยอมรับความจริงที่ว่าซีโร่เห็นเขาเป็นแค่เครื่องมือตลอดเวลาที่ผ่านมา ในตอนจบของซีรีส์ทามากิได้เป็นเจ้าของร้านเหล้า ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ที่มีสุกิยามะ มินามิ และวิเลตตานั่งอยู่ และเหนือเคาน์เตอร์ขึ้นไปจะมีภาพงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตาแขวนไว้อยู่
โยชิดะ ( ญี่ปุ่น : 吉田 ; โรมาจิ : Yoshida ) ผู้ชายที่มีผมสีน้ำตาลค่อนข้างเข้ม ทำงานอยู่ฝ่ายการจัดส่งกำลังบำรุง สวมเสื้อแจ็คเก็ตแขนสั้นซึ่งเป็นเครื่องแบบภาคีอัศวินดำ ระหว่างเหตุการณ์ Black Rebellion เขาถูกฆ่าตายโดยสุซาคุขณะคุมเครื่องไรโค
อิโนะอุเอะ ( ญี่ปุ่น : 井上 ; โรมาจิ : Inoue ) ผู้หญิงที่สีผมสีน้ำเงินกลาง ๆ เธอเป็นคนดูแลการจัดส่งกำลังบำรุง ระหว่างเหตุการณ์ Black Rebellion เธอถูกฆ่าตายคาเครื่องบุไร ในตอนที่ 25 ( “ อิโนะอุเอะ ” เป็นนามสกุลเดียวกับผู้ให้เสียงพากษ์ )
กลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่น ( ญี่ปุ่น : 日本解放戦線 ; โรมาจิ : Nippon Kaihō Sensen ) กลุ่มต่อต้านบริแทนเนียที่ใหญ่ที่สุดและต่อมาได้มาเป็นส่วนหนึ่งของภาคีอัศวินดำ กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยทหารกองทัพญี่ปุ่นเป็นหลัก ในกลุ่มคนที่มีตำแหน่งสูงสุดก็คือกลุ่มสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ ( 四聖剣, Shisei-ken ? ) ซึ่งเป็นทหารที่ขึ้นตรงต่อเคียวชิโร่ โทโด หลังจากคอร์เนเลียรับตำแหน่งผู้ว่าการ Area 11 คอร์เนเลียได้ส่งกองทัพเข้าไปกวาดล้างกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่นทั้งหมด แต่การกวาดล้างทำได้ลำบากเพราะกลุ่มดังกล่าวซ่อนตัวอยู่กับแทงค์เก็บซากุระไดต์และระหว่างที่กองทัพบริแทนเนียทำการกวาดล้างนั้นแร่ธาตุเหล่านั้นก็ถูกลูลูซเตรียมเอาไว้ทำลายเรือของกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่นโดยที่ไม่มีสมาชิกคนใดในภาคีอัศวินดำล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ ผลก็คือเรือของกลุ่มนายทหารถูกทำลายลงทำให้เหลือแต่เพียงโทโดและสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาโทโดโดนทางการจับและถูกช่วยโดยภาคีอัศวินดำและสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มของโทโดจึงได้เข้าร่วมกับภาคีอัศวินดำโดยได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยต่าง ๆ
เคียวชิโร่ โทโด ( 藤堂 鏡志朗, Tōdō Kyōshirō ? ) หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการทางทหารแห่งภาคีอัศวินดำและบุคคลที่มีความสามารถสูงในการต่อสู้และวางแผนการรบ จนเขาได้รับสมญานามว่า “ โทโดผู้สร้างปาฏิหาริย์ ” ( 奇跡の藤堂, Kiseki no Tōdō ? ) เพราะเขาสามารถยับยั้งการบุกของกองทัพบริแทนเนียได้ระหว่างการรุกรานญี่ปุ่นโดยไม่ได้ใช้ไนท์แมร์เฟรมในการตั้งรับเลย และจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่รู้กันของสาธารณชนว่า “ ปาฏิหาริย์แห่งอิทสึคุชิม่า ” เขาเคยเป็นอาจารย์สอนวิชาให้กับสุซาคุในตอนที่สุซาคุยังเยาว์อยู่และเป็นคนคนนึงที่เข้าใจความคิดของสุซาคุ บ่อยครั้งที่เขามักจะพกดาบคาทานะไว้ข้างกาย โทโดเดิมทีเป็นสมาชิกกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่น เขาเลือกที่จะตายเมื่อกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยญี่ปุ่นล่มสลาย ซีโร่ได้จูงใจโทโดให้ชีวิตต่อเพื่อให้เขาเข้าร่วมกับภาคีอัศวินดำเพื่อเติมเต็มสัญญาแห่งชัยชนะที่เขาเคยสร้างไว้ที่อิทสึคุชิม่า ตัวเขาเป็นเหมือนกับคานาเมะตรงที่เขาศรัทธาในตัวซีโร่และต่อมาเขาก็ถูกจับระหว่างเหตุการณ์ Black Rebellion ตัวเขาเชื่อว่าซีโร่คงมีเหตุผลดีพอที่จะละทิ้งการบัญชาการทั้งหมดไว้ที่เขา ต่อมาในซีซั่น 2 เขาได้รับการช่วยเหลือจากลานประหารและต่อมาได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการของภาคีอัศวินดำในการปลดปล่อยสหพันธ์จีนและตะวันออกกลางก่อนที่จะได้รับตำแหน่งใหม่ในสหพันธ์ประชาชาติ ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 ก่อนที่อาสะฮินะจะตายเขาได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับซีโร่ที่สั่งสังหารหมู่ภาคีกีอัส ( ที่ได้จากทหารที่มีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ ) และบอกว่าซีโร่เชื่อใจไม่ได้และตัวเขาก็ยิ่งเชื่อมากขึ้นเมื่อชไยล์เซลเผยฐานะที่แท้จริงของซีโร่ ต่อมาเขาได้เข้าร่วมศึกต่อต้านลูลูซและได้ต่อสู้แพ้ให้กับสุซาคุจนทำให้บาดเจ็บ แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยายามที่จะกลับสู่สนามรบแต่ชิบะได้ขอร้องไม่ให้เขากลับไปเพราะถ้ากลับไปเขาอาจตายได้ ต่อมาโทโดและภาคีอัศวินดำรวมทั้งชไนล์เซลและตัวแทนสหพันธ์ประชาชาติโดนจับเป็นนักโทษประหาร เมื่อสุซาคุ ( ใส่ชุดซีโร่ ) ฆ่าลูลูซได้สำเร็จตามแผนซีโร่เรเควี่ยม โทโดก็ได้ตกตะลึงและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในตอนนั้นเองคาลลเลนก็ได้บอกว่านั้นคือซีโร่ ซีโร่ตัวจริง ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวคือในรูปงานแต่งงานของคานาเมะ โอกิกับวิเลตตา ซึ่งเขามาด้วยกันกับชิบะในชุดพื้นเมืองของญี่ปุ่น
โชโกะ อาสะฮินะ ( ญี่ปุ่น : 朝比奈 省悟 ; โรมาจิ : Asahina Shōgo ) ผู้ชาย 1 ในสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ เขาสวมแว่นตาและมีแผลเป็นที่บริเวณด้านขวาของใบหน้า เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังหน่วยที่ 1 แห่งภาคีอัศวินดำ และชอบชิบะอยู่ เขาเริ่มสงสัยและแคลงใจในตัวซีโร่หลังเหตุการณ์ Black Rebellion โดยตั้งคำถามในใจว่าทำไมต้องปกปิดและไม่แนะนำสมาชิกใหม่อย่างโรโล่และเจเรเมียให้รู้จัก ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 เขาตายจากแรงระเบิดของระเบิดเฟรย่าที่นีน่าคิดขึ้นมา ก่อนที่จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับซีโร่ที่สั่งสังหารหมู่ภาคีกีอัส ( ที่ได้จากทหารที่มีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ ) และยังไม่ได้บอกทุกคนว่าซีโร่เชื่อใจไม่ได้
นากิสะ ชิบะ ( ญี่ปุ่น : 千葉 凪沙 ; โรมาจิ : Chiba Nagisa ) ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ นากิสะเฝ้าดูแลและติดตามโทโดมาตลอดจนเกิดหลงรักโทโดเข้า ปีกว่าหลังเหตุการณ์ Black Rebellion เธอเครียดแค้นซีโร่ที่ทอดทิ้งเธอและคนอื่นเอาไว้ เธอรอดจากการรบครั้งสุดท้ายมาได้แต่ถูกจับเป็นเวลานานพร้อมกับคนอื่น ๆ ในภาคีอัศวินดำเพื่อรอการประหารชีวิต แม้จะได้รับความช่วยเหลือออกมาได้แต่เธอก็ไม่ค่อยเชื่อซีโร่อย่างสนิทใจอีกแล้ว เมื่อชไนเซลเปิดโปงตัวจริงของซีโร่ ชิบะก็เป็นคนแรกๆที่หันหลังให้ลุลุชทันที ภายหลังจากที่ยึดป้อมเดอมอครีสได้ เธอถูกจับกุมตัวครั้งและตัดสินประหารชีวิตพร้อมระดับแกนนำอื่นๆ แต่สุดท้ายเมื่อลูลุชถูกซีโร่ ( ตัวจริงคือ สุซาคุ ) ฆ่าตาย เธอก็ถูกคอร์เนเลียปล่อยตัวออกมาพร้อมคนอื่นๆ ครั้งสุดท้ายที่เธอปรากฏตัวคือในรูปงานแต่งงานของคานาเมะ โอกิซึ่งเธอมาด้วยกันกับโทโดในชุดพื้นเมืองของญี่ปุ่น
เรียวงะ เซนบะ ( ญี่ปุ่น : 仙波 崚河 ; โรมาจิ : Senba Ryōga ) ผู้ชายท้วม 1 ในสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ เขามีอายุมากที่สุดในกลุ่มและเป็นนายทหารอาวุโส เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังหน่วยที่ 2 แห่งภาคีอัศวินดำ ในซีซั่น 2 เขาถูกจีโน่ฆ่าระหว่างการโจมตียานขนส่งบริแทนเนีย คำพูดสุดท้ายของเรียวงะเขาพูดไว้ว่าเขาอยากมีชีวิตที่จะได้เห็นญี่ปุ่นทีได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสรภาพแล้ว
โคเซทสึ อุราเบะ ( ญี่ปุ่น : 卜部 巧雪 ; โรมาจิ : Urabe Kōsetsu ) ผู้ชายผมสีน้ำเงิน 1 ในสมาชิก 4 ดาบศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นนายทหารระดับสูงของภาคีอัศวินดำที่หนีรอดการตามล่าทางการบริแทนเนียหลังเหตุการณ์ Black Rebellion โดยไม่ได้ถูกจับกุม ในซีซั่น 2 เขาเป็นผู้นำปฏิบัติการโจมตีบาเบลทาวเวอร์เพื่อชิงตัวซีโร่และได้เสียสละชีวิตเพื่อซื้อเวลาให้ซีโร่หนี
6 ตระกูลใหญ่เกียวโต ( ญี่ปุ่น : キョウト六家 ; โรมาจิ : Kyōto Rokka ) เรียกสั้น ๆ ว่า “ เกียวโต ” เป็นกลุ่มลับที่ต่อต้านบริแทนเนียโดยใช้หน้าฉากเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลท้องที่ NAC สนับสนุนกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคีอัศวินดำที่สนับสนุนทั้งอาวุธและไนท์แมร์เฟรม มีตระกูลสุเมรากิเป็นผู้นำของกลุ่ม และในกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกแกนนำได้แก่ ไทโซ คิริฮาระ ( 桐原 泰三, Kirihara Taizō ? ), ฮิเดโนบุ คุโบอิน ( 公方院秀信, Kubōin Hidenobu ? ), มุนาคาโต้ โทไซ ( 宗像唐斎, Munakato Tōsai ? ), โอซาคาเบะ ทัตซึโนริ ( 刑部辰紀, Osakabe Tatsunori ? ), สุเมรากิ คากุยะ ( 皇 神楽耶, Sumeragi Kaguya ? ) และโยชิโนะ ( 吉野 ? ) หลังความล้มเหลวของเหตุการณ์ Black Rebellion ทั้งหมดถูกตัดสินโทษประหารชีวิตในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดของผู้ก่อการร้ายก่อความไม่สงบ ส่วนสถานะ NAC ไม่ได้รับการกล่าวถึง

คิริฮาระ ไทโซ (桐原 泰三, Kirihara Taizō?) ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมคิริฮาระ (桐原産業, Kirihara Sangyō?) และอยู่ในกลุ่มผู้นำเกียวโต เขาเป็นชายชราสูงอายุที่เป็นนักอุตสาหกรรมและมั่งคั่งจากการทำกิจการเหมืองแร่ซากุราไดต์ (เป็นกลุ่มเดียวที่ได้รับสัมประทานให้ขุดแร่ซากุราไดต์ได้ในญี่ปุ่น) ในสมัยที่นายกคุรุรุกิยังมีอำนาจการปกครองอยู่ คิริฮาระเป็นคนที่มีบารมีสูงมากและอยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนรัฐบาลญี่ปุ่น บารมีของเขานั้นมีอำนาจถึงขั้นสามารถสั่งให้ปกปิดข่าวการตายของเก็มบุได้เพื่อความมั่นคงของชาติ คิริฮาระได้เคยมอบหมายให้โทโดไปเป็นอาจารย์สอนวิชาให้กับสุซาคุในตอนที่สุซาคุยังเยาว์วัยอยู่ สำหรับในสายตาของสาธารณชนเขาถูกมองว่าเป็นพวกคนขายชาติในตอนที่บริแทนเนียสามารถยึดครองญี่ปุ่นได้เป็นผลสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนที่คอยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านอย่างลับ ๆ เขาได้เคยรู้จักกับลูลูซและนันนาลีในตอนที่ทั้งคู่พักอยู่ที่ศาลเจ้าคุรุรุกิซึ่งเป็นบ้านของสุซาคุ เมื่อลูลูซได้เผยฐานะของตนที่เป็นซีโร่ต่อคิริฮาระ เขาจึงตัดสินใจสนับสนุนภาคีอัศวินดำเต็มที่ทั้งด้านการเงินและอาวุธ หลังเหตุการณ์ Black Rebellion เขาถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในข้อหาให้การสนับสนุนภาคีอัศวินดำ

คากุยะ สุเมรางิ ( Sumeragi Kaguya – 皇神楽耶 ) เพศ : : หญิง สีผม : : สีดำ วันเกิด : : 10 สิงหาคม 2003 สัญชาติ : : ญี่ปุ่น ฐานะ : : เจ้าหญิง เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ คุรุรุกิ สุซาคุ เธอเป็นเพื่อสนิทกับ เจี่ยงลี่ฮว๋า ( เทียนจื่อ )
รัคชาตะ นักวิทยาศาสตร์จากอินเดียที่เปรียบเสมือนคู่กัดกับ ลอยด์ แอสพรุนด์ เป็นผู้ที่คอยพัฒนาหุ่นไนท์แมร์ให้กับภาคีอัศวินดำ ดูเหมือนเมื่อก่อนเคยรู้จักกับลอยด์มาก่อน แต่มีเรื่องบางอย่างทำให้รัคชาตะเกิดหมั่นไส้ลอยด์ขึ้นมา ชอบเรียกลอยด์ว่า เอิร์ลพุดดิ้ง เป็นสาวร่างสูงผิวคล้ำผมยาวสีเหลือง บุคลิกที่โดดเด่นของเธอคือ จะถือกล่องยาสูบและนอนท้าวแขนอยู่บนโซฟา
อายาเมะ ฟุทาบะ ( ญี่ปุ่น : 双葉綾芽 ; โรมาจิ : Futaba Ayame ) 1 ในอาสาสมัตรใหม่ซึ่งเป็นสมาชิกของภาคีอัศวินดำที่ถูกแนะนำในซีซั่น 2 ประจำอยู่ที่ยานรบอิคารุกะทำหน้าที่ควบคุมระบบป้องกันตัว เธอมีผมสีม่วงไว้ผมหยิกเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นคือในภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตา
อิชิจิคุ ฮินาตะ ( ญี่ปุ่น : 日向 いちじく ; โรมาจิ : Hinata Ichijiku ) 1 ในอาสาสมัตรใหม่ซึ่งเป็นสมาชิกของภาคีอัศวินดำที่ถูกแนะนำในซีซั่น 2 ประจำอยู่ที่ยานรบอิคารุกะทำหน้าที่ควบคุมระบบเรดาร์ เธอมีผมสีน้ำตาลอ่อนไว้ผมทรงหางม้า และใส่แว่นเล็ก ๆ ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นคือในภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตา
มุทสึกิ มินาเสะ ( ญี่ปุ่น : 水無瀬むつき ; โรมาจิ : Minase Mutsuki ) 1 ในอาสาสมัตรใหม่ซึ่งเป็นสมาชิกของภาคีอัศวินดำที่ถูกแนะนำในซีซั่น 2 ประจำอยู่ที่ยานรบอิคารุกะ เธอมีผมสีน้ำตาลไว้ผมตรง ใส่สร้อยลูกปัดสี ครั้งสุดท้ายที่พบเห็นคือในภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตา
คิสุนะ คาเกะซากิ ( ญี่ปุ่น : 影崎キズナ ; โรมาจิ : Kagesaki Kizuna ) หัวหน่วยกองกำลังหน่วยที่ 3 แห่งภาคีอัศวินดำ เขาถูกฆ่าในระหว่างศึกโตเกียวโดยเครื่องซิกฟริดของเจเรเมีย กอทวอลด์
จากซ้ายไปขวา : ครูดิโอ เอส ดาร์ลตัน, อันเดรียส ดาร์ลตัน, กิลฟอร์ด, คอร์เนเลีย, ยูเฟเมีย, สุซาคุ, ลอยด์, เซซิล, เจเรเมีย, วิเลตตาและคลีเวล จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนียเป็นอาณาจักรที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกในเรื่องโค้ด กีอัส ครอบครองพื้นที่ 1 ใน 3 ของโลกในตอนเริ่มต้นซีรีส์และเพิ่มเป็น 2 ใน 3 ของโลกในตอนกลางซีซั่น 2 โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครหลวงเพนดราก้อนในอเมริกาเหนือ พื้นที่ในการครอบครองของบริแทนเนียครอบคลุมซีกโลกตะวันตกทั้งหมด ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์และส่วนหนึ่งของตะวันออกกลาง ทว่าบริแทนเนียหาได้ครอบครอง หมู่เกาะบริเตน ตามชื่อประเทศไม่ เพราะบริแทนเนียได้สูญเสียดินแดนส่วนนี้ให้แก่ชาติยุโรปอื่นในช่วงศตวรรษที่ 18 ธงชาติของบริแทนเนียประกอบด้วยรูปกางเขนเซนต์จอร์จ ซึ่งกับอิง ธงชาติอังกฤษ ในความเป็นจริง และตราอาร์มรูปสิงโตและงู อันเป็นสัญลักษณ์ของ “ กษัตริย์ ” และ “ ความตายและกำเนิดใหม่ ” ตามลำดับ
ประเทศบริแทนเนียอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์บริแทนเนีย ซึ่งเข้าควบคุมตำแหน่งระดับสูงทั้งในรัฐบาลและกองทัพ เจ้าชายและเจ้าหญิงในราชวงศ์นี้จะมีฐานันดรศักดิ์เรียงตามลำดับหมายตัวเลข โดยยึดถือตามสถานะของมารดาผู้เป็นชายาและสนมของจักรพรรดิ เช่น โคลวิสเป็นเจ้าชายลำดับที่ 3 ส่วนลูลูซเป็นเจ้าชายลำดับที่ 11 เป็นต้น ลำดับฐานันดรนี้จะเรียงตามเฉพาะเพศด้วย เช่น ยูเฟเมียเป็นเจ้าหญิงลำดับที่ 3 คู่กับโคลวิสผู้เป็นเจ้าชายลำดับที่ 3 ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงจะใช้คำนำหน้านามสกุลเหมือนกันกับมารดาของตนเอง สมาชิกในราชวงศ์มีสิทธิ์ที่จะแต่งตั้งองค์รักษ์ประจำตัวที่เรียกว่า “ อัศวิน ” ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจและตำแหน่งโดยตรงจากเจ้านายของตนเองพร้อมทั้งหน่วยรบประจำตัว ยกตัวอย่างเช่น เจ้าหญิงคอร์เนเลียมีกิลฟอร์ดเป็นอัศวินประจำตัวและได้รับหน้าที่ควบคุมหน่วยรบไนท์แมรฺ์เฟรมโกลวเซสเตอร์ ( Gloucester )
ชาร์ลส์ ซี บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : シャルル・ジ・ブリタニア ; โรมาจิ : Sharuru ji Buritania; ; ทับศัพท์ : อังกฤษ : Charles zi Britannia ) ผู้ถูกกล่าวถึงในฐานะจักรพรรดิแห่งบริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : ブリタニア皇帝 ; โรมาจิ : Buritania Kōtei ) ในช่วงต้นเรื่อง เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ปี a.t.b. 1985 [ 1 ] เป็นพ่อของลูลูชและจักรพรรดิลำดับที่ 98 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย และเป็นตัวละครหลักฝ่ายร้ายของเรื่องนี้ เขามีนางสนมหลากเชื้อชาติถึง 108 คน [ 2 ] ด้วยความที่เป็นผู้ยึดมั่นในแนวคิดเรื่องสังคมตามแนวทาง ทฤษฎีวิวัฒนาการ ของ ดาร์วิน ( Social Darwinism ) เขาจึงมีทัศนะต่อความเสมอภาคว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายที่จะต้องกำจัดให้สิ้น และเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว เขาจึงส่งเสริมความขัดแย้งทางชนชั้นและการขยายอำนาจทางการทหารเพื่อดำรงไว้ซึ่งวิวัฒนาการและความก้าวหน้าของสังคม ในวัยเยาว์จักรพรรดิชาร์ลส์ได้ประสบกับความเลวร้ายจากการสังหารกันเองของเชื้อพระวงศ์เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ เขาจึงได้สัญญากับวีทู ( V.V. ) ผู้เป็นพี่ชายว่าจะสร้างโลกใหม่ที่ปราศจากการโกหกหลอกลวงขึ้น ภายหลังเมื่อชาร์ลส์ได้มารีแอนน์และซีทู ( C.C. ) มาเป็นพันธมิตร เขาจึงได้สร้าง “ ดาบแห่งอาคาชา ” เพื่อเป็นเครื่องมือนำไปสู่จุดบรรจบแห่งแร็คนาร็อค และสร้างโลกใหม่ที่ปราศจากการหลอกลวงโดยการฆ่าสิ่งที่เรียกว่า “ พระเจ้า ” ซึ่งเป็นแหล่งรวมห้วงจิตไร้สำนึกในปัจเจกบุคคลของมวลมนุษยชาติ
เป็นแม่ของ ลูลูช วี บริแทนเนีย กับ นันนาลลี่ วี บริแทนเนีย ในอดีตก่อนขึ้นเป็นมเหสีคนที่5 ของจักรพรรดิ เธอเคยเป็นอัศวินอยู่ในตำแหน่งไนท์ออฟซิกส์มาก่อน
โอดิสสิอุส ยู บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : オデュッセウス・ウ・ブリタニア ; โรมาจิ : Odyusseusu u Buritania ) องค์ชายลำดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย มีพระมารดาชื่อว่าอาลิอันน่า ยู บริแทนเนีย ถึงเขาจะดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารและเป็นองค์แรกที่มีสิทธิสืบทอดราชบัลลังก์ แต่ก็มีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ น้อยกว่าพระเชษฐาอย่างองค์ชายลำดับที่ 2 ชไนล์เซล เขาเป็นคนลังเลไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาด ไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหาภาคีอัศวินดำที่เปิดฉากก่อการกบฏใน Area 11 ได้อย่างไรจนทำให้ชไนล์เซลต้องอาสาไปจัดการแก้ปัญหาให้แทนและช่วยกองทัพของคอร์เนเลีย ในซีซั่น 2 เขาได้อภิเษกกับเทียนจื่อ จักรพรรดินีแห่งสหพันธรัฐจีน ซึ่งเป็นการอภิเษกทางการเมืองตามแผนการของชไนล์เซลเพื่อสันติภาพของทั้ง 2 ชาติ แต่เมื่องานอภิเษกต้องเป็นอันล้มเพราะการขัดขวางของลี ฉิงเคอและภาคีอัศวินดำ แต่โอดิสสิอุสกลับไม่สนใจเรื่องดังกล่าว กลับสนใจแต่การดำเนินสงครามต่อกับอียูและการเริ่มเป็นศัตรูของสหพันธรัฐมากกว่า เมื่อลูลูซปรากฏตัวที่วังและไม่แคร์ที่จะบอกว่าตนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ คิดว่าเป็นเพียงแค่การเล่นพิเรนทร์ของลูลูซ หลังจากลูลูซบอกว่าเขาเป็นคนฆ่าองค์จักรพรรดิลูลูซได้ใช้กีอัสกับโอดิสสิอุสและคนอื่นในวังให้ยอมรับลูลูซเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นทหารเกณฑ์ในกองทัพบริแทนเนีย

กิเนเวีย ซู บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : ギネヴィア・ス・ブリタニア ; โรมาจิ : Ginevia su Britannia ) องค์หญิงลำดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย เธอเป็นคนที่ชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับการสร้างอนุสาวรีย์และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ บนตัวเธอมีรอยสักอยู่บริเวณหน้าอกทางด้านซ้าย และมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สหพันธ์จีนทำให้เชษฐาของเธอเป็นที่อับอายต่อสาธารณชน 1 เดือนหลังจากการหายตัวไปของจักรพรรดิ เธอตกใจเป็นอย่างมากสิ่งที่เธอเห็นในวังก็คือลูลูซยังมีชีวิตอยู่และตกใจยิ่งกว่าเดิมที่เขาเป็นคนฆ่าพ่อ จึงได้ออกคำสั่งให้ทหารในวังจับตัวลูลูซแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะสุซาคุเข้ามาขวาง ลูลูซจึงใช้กีอัสกับเธอและทุก ๆ คนในวังให้ยอมรับเขาเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นคนรับใช้เช่นเดียวกับราชวงศ์องค์อื่น ๆ
ชไนล์เซล เอล บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : シュナイゼル・エル・ブリタニア ; โรมาจิ : Shunaizeru eru Buritania ) องค์ชายลำดับที่ 2 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งบริแทนเนีย เขาเป็น 1 ในคู่ปรับหลักในด้านการวางแผนของลูลูซในซ๊รี่ย์ เป็นคนคนเดียวในสมัยวัยเยาว์ที่ลูลูซไม่สามารถเอาชนะหมากรุกได้เลย ชไนล์เซลเคยได้กล่าวอ้างว่าตัวเขานั้นรักและเกรงกลัวลูลูซมากที่สุด นิสัยส่วนตัวของชไนล์เซลเป็นคนที่เย็นชาและอำมหิตในฐานะของนักวางแผน เขาสามารถสละสิ่งสองสิ่งนี้ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถสูงและเป็นห่วงลูกน้องที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา เขาได้แสดงให้เห็นถึงสิ่ง ๆ หนึ่งที่กองทัพมองว่าไม่จำเป็น นั้นก็คือการเป็นผู้แทนทำการเจรจาสันติภาพในยุโรปแม้จะยังมีการต่อต้านจากกองกำลังต่าง ๆ ในยุโรปก็ตามที ^o^
คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : コーネリア・リ・ブリタニア ; โรมาจิ : Kōneria ri Buritania ) องค์หญิงลำดับที่ 2 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพจักรวรรดิ มีความสามารถสูงในการต่อสู้ด้วยไนท์แมร์ คอร์เนเลียสามารถนำกองทัพบริแทนเนียเข้ายึดครองและตั้งมั่นอยู่ที่ Area 18 ในเขตตะวันออกลางก่อนที่จะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการของ Area 11 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของโคลวิส เธอเป็นคนที่ไม่ไว้วางใจชาวต่างชาติที่ได้รับเกียรติยกย่องเป็นชาวบริแทนเนียผู้ทรงเกียรติและไม่ต้องการจะเอาชนะศึกใด ๆ ด้วยความช่วยเหลือจากชาวบริแทนเนียผู้ทรงเกียรติอีกด้วย เธอมีความเด็ดขาดและตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมและมักอ่อนโยนกับยูเฟย์เมียร์ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของตนอยู่เสมอเช่นการคำนึงถึงความปลอดภัยของยูเฟย์เมียร์ เธอมีกิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด เป็นอัศวินพิทักษ์ส่วนพระองค์และบัญชาหน่วยกลาสตันไนท์ เมื่อคอร์เนเลียเดินทางมายัง Area 11 คอร์เนเลียได้ส่งกองทัพเข้าไปปราบปรามกลุ่มภาคัอัศวินดำของซีโร่และกลุ่มต่อต้านอื่น ๆ ผลก็คือกลุ่มต่อต้านทุกกลุ่มล้วนถูกกำจัดทั้งหมดยกเว้นภาคีอัศวินดำ หลังจากยูเฟย์เมียร์สิ้นพระชนม์ คอร์เนเลียได้เผชิยหน้ากับซีโร่และเข้าประชิดตัวพอที่จะสามารถฆ่าซีโร่ได้ อย่างไรก็ตามเธอก็ถูกขัดขวางโดยผู้ใต้บังคับบัญชา อันเดรียส ดาร์ลตันซึ่งโดนกีอัสของลูลูซควบคุมเอาไว้ ดาร์ลตันทำให้ไนท์แมร์เฟรมของคอร์เนเลียพังใช้การไม่ได้ และเธอก็ได้รู้ว่าซีโร่นั้นคือลูลูซและตกอยู่ภายใต้อำนาจของกีอัสให้ตอบคำถามเรื่องของการลอบปลงพระชมน์ของจักรพรรดินี ต่อมาเมื่อสุซาคุได้มาพบเธอและได้แต่งตั้งเป็นอัศวินอย่างไม่เป็นทางการและส่งเขาให้ไปตามล่าลูลูซ ในซีซั่นที่ 2 หลังความวุ่นวายจบลงคอรร์เนเลียได้ถูกบันทึกสถานะจากทางการบริแทนเนียว่า MIA ( Missing In Action ) ซึ่งหมายถึงบุคคลที่หายสาบสูญไประหว่างการรบ คอร์เนเลียได้เดินทางร่อนเร่ค้นหาความจริงเกี่ยวกับกีอัสเพื่อกู้ชื่อเสียงให้กับยูเฟย์เมียร์ จนได้พบกับฐานใต้ดินของภาคีกีอัสและทำการแทรกซึมเข้าไปจนได้รู้ว่าพระบิดาก็มีพลังนี้อยู่ คอร์เนเลียโดนวีทูจับได้ ต่อมาระหว่างที่ภาคีกีอัสโดนบุกโดยภาคีอัศวินดำเธอก้สามารถแหกคุกหลบหนีออกมาจนได้ และยิงเครื่องซิกฟริดของวีทูตกด้วยอาคัตซึกิที่ได้รับความเสียหายตรงจุดอ่อน คอร์เนเลียโดนจับอีกครั้งโดยเป็นนักโทษของลูลูซแต่ระหว่างการรบในศึกโตเกียวครั้งที่ 2 เธอสามารถหนีมาได้และไปหาชไนล์เซลและบอกเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับภาคีกีอัส ต่อมาเธอได้เข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านในกัมพูชาหลังจากที่ลูลูซขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ และเมื่อได้รู้ว่าชไนล์เซลมีแผนที่จะใช้ป้อมเวหาเดอมอคลีสทำลายล้างโลกทั้งหมดเธอได้พยายามขัดขวางแต่ถูกยิงบาดเจ็บและถูกส่งตัวไปที่เกาะโฮไรและได้รับการรักษาและเฝ้าดูแลจากกิลฟอร์ด 2 เดือนต่อมาเมื่อลูลูซได้ดำเนินแผนการของตน ( ซีโร่เรเควี่ยม ) เธอรวบรวมกลุ่มต่อต้าน ( ซึ่งมีวิเลตตากับกิลฟอร์ดรวมอยู่ด้วย ) บุกชิงตัวประกันหลังจากที่ลูลูซถูกฆ่า เธอปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพงานแต่งงานของวิเลตตาโดยมีกิลฟอร์ดยืนอยู่เคียงข้างเธอ ในฉบับบการ์ตูนดัดแปลงของโค้ดกีอัสเธอไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ Area 11 แต่เป็นขนิษฐาของเธอ ยูเฟย์เมียร์ที่ได้เป็นผู้ว่าการ
โคลวิส ลา บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : クロヴィス・ラ・ブリタニア ; โรมาจิ : Kurovisu ra Buritania ) องค์ชายลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการของ Area 11 เป็นคนที่ขี้ขลาดและมักหลงตัวเองว่าไม่มีทางพ่ายแพ้ต่อสิ่งใด ในสมัยวัยเยาว์เขามักเล่นหมากรุกกับลูลูซบ่อยครั้งและมักแพ้บ่อย ๆ ในสายตาของโคลวิสมองว่าลูลูซเป็นคู่แข่งที่ทัดเทียมกับตนและด้วยความที่โคลวิสชอบความทรงจำที่เคยได้ใช้ชีวิตในวังวิลล่า เขาถึงกับออกแบบสวนบนที่ทำการของรัฐบาลให้เป็นแบบเดียวกับในวังวิลล่า โคลวิสเป็นคนที่มีความสามารถทางด้านศิลปะและการออกแบบ เวลาวางแปลนออกแบบเขามักจะมีอารมณ์ที่สุทรีย์เป็นอย่างมาก โคลวิสหมกหมุ่นกับการวิจัยเรื่องของซีทูและคนที่เหมิอนกับซีทูและกลัวการรั่วใหลของเรื่องการวิจัยไปถึงหูของสาธารณชน เมื่อแคปซูลของซีทูถูกขโมยไปโดยกลุ่มผู้ต่อต้านที่เข้าใจผิดว่าเป็นแก๊สทำลายประสาท โคลวิสจึงออกคำสั่งกวาดล้างชินจูกุเก็ตโต้ทั้งหมดเพื่อรักษาความลับของเรื่องดังกล่าว เมื่อลูลูซได้รับพลังกีอัสลูลูซก็ได้รวบรวมกำลังผู้ต่อต้านทั้งหมดเข้าต่อสู้จนกองทัพของโคลวิสแตกพ่ายไปและไปเผชิญหน้ากับโคลวิส โคลวิสถูกรีดเอาข้อมูลเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดินีและถูกฆ่าในที่สุด โคลวิสจึงเป็นคนแรกที่ได้รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของลูลูซและเป็นเหยื่อคนแรกของการแก้แค้นของลูลูซ พระมารดาของโคลวิส กาบาเรล่า ลา บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : ガブリエラ・ラ・ブリタニア ; โรมาจิ : Gaburiera Ra Buritania ) เมื่อทราบถึงเรื่องของโคลวิส พระนางก็ได้ตรอมใจและประทับอยู่ที่วังวอลลิก
ยูเฟเมีย ลี บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : ユーフェミア・リ・ブリタニア ; โรมาจิ : Yūfemia ri Buritania ; ทับศัพท์ : อังกฤษ : Euphemia li Britannia ) เป็นน้องสาวร่วมบิดาของลูลูซ มีตำแหน่งเป็นเจ้าหญิงลำดับที่ 3 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย เธอเป็นพี่น้องของลูลูชที่ห่วงใยนันนาลี่มากที่สุด เป็นผู้มีนิสัยที่โอบอ้อมอารี ใจกว้าง และเกลียดความขัดแย้งในทุกรูปแบบ ยูเฟเมียร่วมมือกับคอร์เนเลียซึ่งพี่ของเธอในการปกครองเขต Area 11 โดยอยู่ในตำแหน่งรองอุปราช ( Sub-Viceroy ) เธอได้พัฒนาความสัมพันธ์กับคุรุรุกิ สุซาคุ ผู้มีทัศนคติเช่นเดียวกับเธอ ในเวลาต่อมาเธอจึงได้แต่งตั้งให้สุซาคุเป็นอัศวินประจำตัว ในช่วงตอนจบซีซั่นแรกเธอได้ประกาศเจตนารมณ์ในการจัดตั้งเขตบริหารพิเศษญี่ปุ่นในเขตพื้นที่ภูเขาฟูจิ โดยคืนสิทธิ์ในการใช้ชื่อว่าชาวญี่ปุ่นให้กับทุกคนรวมทั้งแผ่นดิน ( เพื่อเรื่องดังกล่าวเธอยอมแลกด้วยการสละฐานันดรศักดิ์ของตนทิ้ง ) ระหว่างพิธีการส่งมอบอำนาจการปกครองนั้นเธอตกอยู่ภายใต้อำนาจกีอัสของลูลูซโดยที่ลูลูซไม่สามารถควบคุมได้แม้จะพยายามขัดขืนก็ตาม ผลของกีอัสดังกล่าวทำให้เธอสั่งฆ่าชาวญี่ปุ่นทั้งหมด ซีโร่จึงจำใจต้องยิงเธอเพื่อยุติความวุ่นวายดังกล่าวและเป็นเหตุให้เธอเสียชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการกบฏ Black Rebellion และสร้างความเคียคแค้นอันขมขื่นให้แก่นีน่า สุซาคุ และโคร์เนเลีย ในเนื้อเรื่องเสริมตอนอื่นๆ ได้มีการเปิดเผยว่า ทางการของบริแทนเนียได้ประกาศให้ยูเฟเมียเป็นผู้รับผิดชอบในการสังหารหมู่ครั้งนี้ เธอถูกตัดสินให้ถูกถอดถอนจากฐานันดรศักดิ์และประหารชีวิตโดยกองทัพบริแทนเนียในฐานะกบฏ เธอถูกกล่าวถึงในหมู่สาธารณชนในนาม “ เจ้าหญิงผู้สังหารหมู่ ” ( 虐殺皇女, Gyakusatsu Koujo, “ Massacre Princess ” ) เมื่อลูลูซได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ เขาได้อธิบายกับสุซาคุว่าเขาตั้งใจจะลบรอยเลือดที่ทำให้เธอต้องถูกเรียกว่าเจ้าหญิงผู้สังหารหมู่ให้สาบสูญไป ในประเด็นดังกล่าวนี้ ลูลูชสามารถทำได้สำเร็จจากแผนการ “ ซีโร่เรเควี่ยม ” ซึ่งทำให้ความเกลียดชังทั้งหมดได้พุ่งมารวมไว้ที่ตัวลูลูช และผู้คนได้ลืมเลือนอดีตอันเลวร้ายพร้อมทั้งการสังหารหมู่ของยูเฟเมียจนหมดสิ้น ในโค้ดกีอัสฉบับมังงะ ยูเฟเมียได้ถูกนำเสนอในลักษณะที่แตกต่างกันเล็กน้อย กล่าวคือ เธอได้ศึกษาอยู่ในโรงเรียนแอซฟอร์ดเป็นเวลา 3 วันก่อนที่จะได้ขึ้นเป็นอุปราชของ Area 11 และได้รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของลูลูซกับนันนาลี่
คารีน เล บริแทนเนีย ( ญี่ปุ่น : カリーヌ・レ・ブリタニア ; โรมาจิ : Karīnu re Buritania ) องค์หญิงลำดับที่ 5 แห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์บริแทนเนีย อายุเท่ากับนันนาลี่ เธอเป็นน้องสาวคาซิอุส เล บริแทนเนีย ความคิดของเธอตรงกันข้ามกับความคิดของนันนาลี่ที่พอใจเรื่องสงครามกับการทำลายล้าง เธอไม่ชอบนันนาลี่ที่หวังถึงสันติภาพ แต่ถึงกระนั้นโอดิสสิอุสก็บอกให้เธอเป็นมิตรกับนันนาลี่ หลังจาก 1 เดือนที่องค์จักรพรรดิหายตัวไปเธออยู่ภายใต้การควบคุมของกีอัสที่บังคับให้ยอมรับลูลูซเป็นองค์จักรพรรดิองค์ใหม่และถูกส่งไปเป็นคนรับใช้
ไนท์ออฟราวด์ ( ญี่ปุ่น : ナイトオブラウンズ ; โรมาจิ : Naito Obu Raunzu ) กลุ่มทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับการคัดเลือกให้ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิ โดยมีตำแหน่งไล่จากอันดับ 1 ไปจนถึงอันดับ 12 พวกเขาทำงานนอกเหนือจากโครงสร้างทางกองทัพบริแทนเนียเชื่อฟังแต่คำสั่งจักรพรรดิเท่านั้น ไนท์ออฟราวด์ทุกคนล้วนเป็นนักบินไนท์แมร์ที่มีกำลังเสริมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการณ์ของแต่ละคน ไนท์แมร์ของไนท์ออฟราวด์ทุกเครื่องล้วนได้รับการประทานชื่อให้ทันทีหลังจากที่ได้เข้าเป็นสมาชิกไนท์ออฟราวด์ ไนท์ออฟราวด์ถูกปฏิบัติเหมือนเช่นเดียวกับขุนนางคนนึงในจักรวรรดิ เป็นที่รู้กันว่าคนที่ได้รับตำแหน่งไนท์ออฟวันจะถือว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิบริแทนเนียและสามารถขอประทานการเลือกอาณานิคมที่ต้องการประจำการอยู่ได้จากองค์จักรพรรดิ มีเพียง 8 ใน 12 คนเท่านั้นที่ปรากฏตัว
บิสมาร์ค วอลชไตน์ ( ญี่ปุ่น : ビスマルク・ヴァルトシュタイン ; โรมาจิ : Bisumaruku Varutoshutain ) ชายร่างยักษ์เหมือนหมีที่มีตำแหน่งเป็นไนท์ออฟวัน เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของไนท์ออฟราวด์ เป็นนักบินของไนท์แมร์เฟรมกาลาฮัท เขาปิดตาของเขาไว้ข้างนึงแม้จะส่งผลทำให้ความสามารถในการต่อสู้ลดลง เขาเชื่อว่าสงครามควรเป็นคำตอบสุดท้ายเสมอเพราะมันอาจจะไม่สามารถคุมได้ เดิมทีเคยอยู่ในตำแหน่งไนท์ออฟไฟว์ ระหว่างศึกโตเกียวครั้งที่ 2 บิสมาร์คเป็นผู้นำการป้องกันการบุกจากกองกำลังของลี ฉิงเคอ ลีและบิสมาร์คได้ต่อสู้กัน แต่ลีไม่สามารถเอาชนะบิสมาร์คได้ บิสมาร์คแสดงความนับถือลีในความสามารถเมื่อเขายอมเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องรับความเสียหายเพื่อป้องกันกองบัญชาการ ระหว่างที่ชไนล์เซลวางแผนลอบวางแผนปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิ เขาเข้าไปขวางสุซาคุที่ได้รับมอบหมายเป็นมือสังหาร สุซาคุซึ่งได้รับผลของกีอัสที่สั่งให้มีชีวิตรอด ( ซีโร่เป็นผู้สั่งไว้ ) จึงได้หนีจากการต่อสู้ไปเพราะคิดว่าอันตรายเกินไปที่จะต่อสู้ด้วย ต่อมาหลังจากที่องค์จักรพรรดิเสด็จสวรรคตและลูลูซได้ขึ้นครองบัลลังก์ บิสมาร์คได้เป็นคนนำไนท์ออฟราวด์ 3 คนที่ยังเหลืออยู่กับกองกำลังไนท์แมร์เข้าโค่นอำนาจของลูลูซ ต่อมาหลังจากที่สุซาคุจัดการกองกำลังและไนท์ออฟราวด์คนอื่นทั้งหมดยกเว้นบิสมาร์ค บิสมาร์คได้เปิดตาข้างที่ปิดไว้ของเขาและใช้กีอัสที่ทำให้เขามองเห็นอนาคตล่วงหน้า และบอกว่าเขาภักดีต่อมาริแอน แต่ด้วยคำสั่งของกีอัสที่สั่งให้มีชีวิตรอดของสุซาคุที่เหนือกว่ากีอัสของบิสมาร์ค ( ทำให้สุซาคุสามารถเคลื่อนที่ได้มากกว่าการมองเห็นอนาคตของบิสมาร์ค ) เลยทำให้กาลาฮัทของเขาโดนผ่าครึ่ง ก่อนตายเขาได้เรียกชื่อของมาริแอน
จีโน่ เวียนเบิร์ก ( ญี่ปุ่น : ジノ・ヴァインベルグ ; โรมาจิ : Gino Weinberg ) ตำแหน่งไนท์ออฟทรีในไนท์ออฟราวด์ เป็นสุดยอดนักบินอายุเพียงแค่ 17 ปี เกิดในตระกูลชั้นสูงและไม่ค่อยเข้าใจชีวิตการทำงานของคนทั่วไป มีความสามารถในการขับไนท์แมร์เฟรมเป็นอย่างมาก จึงได้รับตำแหน่งในไนท์ออฟราวด์ มีนิสัยเป็นคนร่าเริงเข้ากับคนได้ง่าย รวมถึงสุซาคุที่แม้จะเป็นชาวอีเลฟเว่นด้วย ดูเหมือนจะให้ความสนใจในตัวของสุซาคุเลยพยายามเข้าใกล้บ่อย ๆ เป็นนักบินไนท์แมร์เฟรมทริสตัน หลังจากที่เขากับอาเนียเสียท่าพ่ายแพ้ให้กับคาลเลนที่เอาชนะด้วยกุเร็นติดปีก จีโน่กล่าวว่าความสามารถของคาลเลนนั้นเทียบเท่าได้กับความสามารถของไนท์ออฟราวด์ เขาผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ดวลกับคาลเลนอีกครั้งเมื่อลี ฉิงเคอสามารถจับตัวเธอมาได้ในการต่อสู้ ต่อมาเขาและอาเนียเข้าศึกษาในโรงเรียนแอชฟอร์ดเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของคนทั่วไป ระหว่างที่คาลเลนถูกคุมขังในโตเกียว จีโน่ได้ไปเยี่ยมเธอและถามเธอว่าถ้ากลับบริแทนเนียได้จะยอมใช้นามสกุลสแทดท์เฟลด์รึเปล่า เขาได้รับคำตอบจากปากของเธอเมื่อเธอเป็นอิสระและเข้าร่วมในการรบ เธอยืนยันว่าเธอจะใช้นามสกุลโคซึกิ และถามกลับว่าดีใจหรือเสียใจที่ได้พบกันอีกครั้งในสนามรบ เขาจึงตอบกลับไปว่าดีใจ เขาถามสุซาคุว่าจะปล่อยให้เขาดวลกับคาลเลนได้ไหมแต่สุซาคุยืนกรานว่าจะไม่ให้เขาดวลกับเธอเด็ดขาดเพราะไม่ใช่คนที่จะเอาชนะได้ง่าย ๆ เมื่อชไนล์เซลวางแผนที่จะลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิเขาถูกจับเป็นนักโทษทำให้ไม่สามารถขัดขวางได้ ต่อมาหลังจากที่ลูลูซขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ์เขาได้เข้าร่วมการต่อต้านอำนาจของลูลูซ สุซาคุทำให้ทริสตันพังจนใช้การไม่ได้และไว้ชีวิตจีโน่ เขาจึงถามตัวเขาเองว่าเขาจะสู้เพื่ออะไรถ้าเขาต้องสู้กับประเทศของตนทั้งที่เคยให้สัตย์สาบานว่าจะปกป้องประเทศ หลังจากภาคีอัศวินดำเข้าร่วมกับชไนล์เซลตามคำสั่งโค่นอำนาจของลูลูซ จีโน่เข้าใจถึงเป้าหมายของตนและบอกกับคาลเลนว่าเขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของเธอแล้วเล็กน้อย เขาเข้าต่อสู้กับสุซาคุ เขาปฏิเสธบริแทนเนียโฉมหน้าใหม่และยุติมิตรภาพ แต่ผลการต่อสู้ก็คือเขาแพ้ ในการโจมตีครั้งสุดท้ายเขาทำให้เกราะของป้อมเดอมอคลีสมีช่องว่างเปิดออกทำให้คาลเลนสามารถบินเข้ามาสู้ได้ หลังจากที่คาลเลนสามารถเอาชนะสุซาคุได้ เธอก็หมดสติทำให้ไม่สามารถคุมกุเร็นได้จีโน่จึงนำทริสตันบินไปรับเธอขณะที่เครื่องกำลังตก หลังการรบเขาถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในฐานะกบฏต่อลูลูซและได้รับการช่วยเหลือหลังจากที่ลูลูซถูกลอบสังหาร ในท้ายสุดจีโน่ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในภาพที่ฉายภาพร่วมกับจักรพรรดินีเทียนจื่อซึ่งอยู่ในห้องของคาลเลนและภาพงานแต่งงานของโอกิและวิเลตตาที่แขวนในร้านเหล้าของทามากิโดยยืนอยู่ข้างคาลเลน
โดโรเธีย แอนร์สท ( ญี่ปุ่น : ドロテア・エルンスト ; โรมาจิ : Dorotea Erunsuto ) ตำแหน่งไนท์ออฟโฟว์ เธอผิวสีคล้ำและมีผมสีดำ กล่าวกันว่าเธอมีความกล้าหาญและสง่าเหมือนกับบิสมาร์ค เธอเข้าร่วมกับบิสมาร์คและไนท์ออฟราวด์คนอื่น ๆ ที่ยังเหลือรอดอยู่ในการโค่นอำนาจของลูลูซ แต่เธอถูกฆ่าก่อนเป็นคนแรกโดยสุซาคุที่ขับแลนสลอตอัลเบี้ยน เธอไม่เคยได้โชว์ไนท์แมร์ของเธอเลยและขณะที่ถูกฆ่าก็ได้ขับเพียงแค่ซุทเทอร์แลนด์เท่านั้น
อาเนีย อัลสไตร์ม ( Anya Alstrathaim ) เป็นตำแหน่งไนท์ออฟซิกส์ เป็นไนท์ออฟราวนด์ที่อายุน้อยที่สุด ดูท่าทางไม่ค่อยให้ความสนใจอะไรมากนัก ไม่ชอบแสดงอารมณ์ แต่มักจะพกโทรศัพท์มือถือไว้ติดตัวเสมอ ชอบอัปเดตบล็อกและถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือ ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องในอดีตบางอย่างปิดบังเอาไว้อยู่ เมื่อความจริงได้ถูกเปิดเผยว่า เธอถูกมารีแอนแม่ของลูลูชใช้พลังกีอัสเข้าสิงจิตใจของเธอหลังจากที่ถูกสังหาร แต่หลังมาเรียแอนตายไป ความทรงจำที่ผ่านมาในช่วงที่มาเรียแอนสิงอยู่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นเธอได้เข้าร่วมกลุ่มภาคีอัศวินดำต่อต้านลูลูช เธอได้ปะทะกับเจราเมียอย่างดุเดือดแต่สุดท้ายอาเนียแพ้ หลังการรบเธอถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตในฐานะกบฏต่อลูลูซและได้รับการช่วยเหลือหลังจากที่ลูลูซถูกลอบสังหาร หลังจากนั้นเธอได้ทำงานสวนส้มร่วมกับเจราเมีย
โนเนต เอนเนียแกรม ( ญี่ปุ่น : ノネット・エニアグラム ; โรมาจิ : Nonetto Eniaguramu ) ตำแหน่งไนท์ออฟไนล์ในไนท์ออฟราวด์ เรียนจบโรงเรียนทหารเดียวกับองค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย โดยเป็นรุ่นพี่ของคอร์เนเลีย เธอเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะร่าเริงเฮฮา และเป็นคนที่คอร์เนเลียยำเกรงมากที่สุด ชื่อต้นของชื่อกับนามสกุลของเธอขึ้นต้นด้วยภาษาลาติน ( โน ) กับภาษากรีก ( เอนเนีย ) ซึ่งล้วนแปลว่าเก้า ปรากฏตัวครั้งแรกในวิดีโอเกมส์โค้ดกีอัสลอสคัลเลอร์ของเครื่องพีเอสพี/เพลย์สเตชันทู นอกเหนือจากไนท์ออฟราวด์คนอื่น ๆ แล้วเธอไม่ได้ปรากฏตัวเลยในแอนิเมชันและปรากฏตัวแต่ในสื่ออื่นเท่านั้น
ชายผมสีส้มแถบสีแดงได้ฉายาว่า แวมไพร์แห่งบริแทนเนีย เป็นไนท์ออฟเท็น
โมนิกา ครุเชฟสกี้ ( ญี่ปุ่น : モニカ・クルシェフスキー ; โรมาจิ : Monika Kurushefusukī ) ตำแหน่งไนท์ออฟทเวล เธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูดีมีตระกูลมีผมสีบลอนด์แต่ลักษณะดังกล่าวไม่สามารถบอกได้ว่าเธอมีความสามารถขนาดไหน เธอประจำอยู่ที่สะพานยานธงของจักรพรรดิ ยานเกรตบริแทนเนีย ระหว่างการโจมตีที่คามิเนจิม่าจักรพรรดิปล่อยให้อยู่กับชไนล์เซลและภาคีอัศวินดำ เธอถูกฆ่าโดยสุซาคุที่ขับแลนสลอตอัลเบี้ยนระหว่างการรวมกำลังบุกโค่นอำนาจของลูลูซ ขณะที่ถูกฆ่าก็ได้ขับเพียงแค่ซุทเทอร์แลนด์เท่านั้น เธอไม่เคยได้โชว์ไนท์แมร์ของเธอเลย
กองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก กองดังกล่าวเป็นกองกำลังที่เป็นศัตรูหลักของซีรีส์นี้ แบ่งเป็นกองกำลังภาคพื้นดินหลายร้อยกอง, ไนท์แมร์เฟรม, ยานรบและที่พิเศษที่สุดก็คือหน่วยอัศวิน ซีโร่มีความมุ่งมั่นมากที่จะกำจัดกองกำลังนี้รวมทั้งฝ่ายวิจัยทางทหาร มีตัวละครหลายคนมาจากกลุ่มคนเหล่านี้
อันเดรียส ดาร์ลตัน ( ญี่ปุ่น : アンドレアス・ダールトン ; โรมาจิ : Andoreasu Dāruton ) เป็นที่ปรึกษาและทหารใต้บังคับบัญชาขององค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย ดาร์ลตันเป็นคนที่ตัวสูงมาก บนใบหน้าเขามีแผลเป็นรอยบาก เขาไม่สนใจเรื่องเกี่ยวกับชาติพันธุ์ของทหารในกองทัพปริททานเนีย เห็นได้ชัดจากสายตาของดาร์ลตันที่เห็นว่าสุซาคุเป็นบุคคลที่เท่าเทียมกันทหารทุกคนในกองทัพ และส่งเสริมสุซาคุให้ได้เป็นถึงอัศวินส่วนพระองค์ของยูเฟย์เมียร์แม้จะมีชาติกำเนิดเป็นชาวญี่ปุ่นก็ตามที ต่อมาเขาถูกควบคุมโดยกีอัสของลูลูซเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนจับคอร์เนเลีย ระหว่างศึกโตเกียวดาร์ลตันทำให้ไนท์แมร์เฟรมของคอร์เนเลียใช้การไม่ได้และถูกฆ่าปืนใหญ่ฮาดรอนของกาเวน ในโค้ดกีอัสฟิคเจอร์บุ๊ค 8.75 ปรากฏว่าดาร์ลตันได้รับบุตรบุญธรรมไว้หลายคนและ 5 คนได้เป็นกลาสตันไนท์
กิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด ( ญี่ปุ่น : ギルバート・G・P・ギルフォード ; โรมาจิ : Girubāto. G. P. Girufōdo ) ชายผอมสูงผมสีดำเข้ม ถูกขนานนามว่าเป็นถึง “ ทวนแห่งจักรวรรดิ ” เป็นที่ปรึกษาและอัศวินพิทักษ์ส่วนพระองค์ขององค์หญิงลำดับที่ 2 คอร์เนเลีย ลี บริแทนเนีย และเป็นผู้บัญชาการหน่วยกลาสตันไนท์ เดิมทีขับหุ่นโกวเซสเตอร์แล้วเปลี่ยนมาใช้วินเซนต์ที่พัฒนากว่าในซีซั่น 2 กิลฟอร์ดปรากฏตัวครั้งแรกในช่วงต้นซีซั่นแรกช่วงที่เจเรเมีย กอทวอลด์โดนลดขั้นตำแหน่ง ในตอนท้ายเขาเป็นคนช่วยระงับความไม่สงบในเหตุการณ์ Black Rebellion ลงได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยกลาสตันไนท์ หลังจากคอร์เนเลียหายสาบสูญไปในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว เขายังคงอยู่ที่ Area 11 และเฝ้าคอยการกลับมาของคอร์เนเลีย ต่อมาผู้ว่าการคาราเลสถูกฆ่าตายในซีซั่น 2 กิลฟอร์ดได้ทำหน้าที่แทนชั่วคราวก่อนนันนาลี่จะมารับตำแหน่งแทน ระหว่างการรบที่ญี่ปุ่นลูลูซได้ใช้กีอัสกับกิลฟอร์ดทำให้เชื่อว่าเขาเป็นคอร์เนเลียและเปลี่ยนเขาให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกัน กิลฟอร์ดได้เสียสละชีวิตผลักลูลูซ ( ขณะที่เข้าใจว่าเป็นคอร์เนเลีย ) ออกนอกรัศมีการระเบิดของระเบิดเฟรย่าและบอกเขาให้มีชีวิตต่อไป ในตอนที่ 24 ปรากฏว่ากิลฟอร์ดรอดชีวิตมาได้แต่ต้องใส่แว่นตาสีดำและถือไม้เท้า ในเวลาต่อมาเขาปรากฏตัวอยู่ในรูปถ่ายงานแต่งงานของวิเลตตากับคานาเมะ โอกิโดยยืนอยู่ข้างคอร์เนเลีย
ชื่อของหน่วยมาจากชื่อเขากลาสตันบรีในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ กลาสตันไนท์เป็นหน่วยนักบินไนท์แมร์เฟรมที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษอยู่ภายใต้การบัญชาของกิลเบิร์ท จี พี กิลฟอร์ด มี 5 คนซึ่งเป็นลูกของอันเดรียส ดาร์ลตันทั้งหมด ได้แก่ อัลเฟรด จี ดาร์ลตัน ( ผมสีบลอนด์ ), บาร์ท แอล ดาร์ลตัน ( ผมสีดำ ), ครูดิโอ เอส ดาร์ลตัน ( ผมสีน้ำตาล ), เดวิด ที ดาร์ลตัน ( ผมสีแดง ) และเอ็ดก้า เอ็น ดาร์ลตัน ( ผมสีเทา ) ทุกคนแต่งเครื่องแบบสีแดงและสวมไวเซอร์ ( หน้ากาก ) ที่ประกอบขึ้นมาเหมือนกับหน้าตาของหุ่นโกวเซสเตอร์ เดิมทีกลาสตันไนท์ขับหุ่นโกวเซสเตอร์ที่ติดระบบมิสไซล์แต่ได้เปลี่ยนมาใช้หุ่นกาเร็ทซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่าในช่วงการบุกญี่ปุ่นของภาคีอัศวินดำ กลาสตันไนท์ได้ถูกแนะนำในตอนที่ 21 ซึ่งมาจากแผ่นดินแม่และปราบปรามพวกภาคีอัศวินดำระหว่างเหตุการณ์ไม่สงบในตอนท้ายซีซั่นแรก ในซีซั่น 2 อัลเฟรดกับบาร์ทถูกฆ่าในระหว่างเหตุการ์ชิงตัวนักโทษโดยภาคีอัศวินดำ หุ่นโกวเซสเตอร์ของบาร์ทถูกฐานทัพเคลื่อนที่ G-1 ทับขณะเดียวกับที่คาลเลนฆ่าอัลเฟรด เดวิดกับเอ็ดก้าถูกฆ่าในระหว่างการรบในศึกโตเกียวครั้งที่ 2 โดยชิบะ ( ด้วยความช่วยเหลือของคาลเลน ) และโทโด ครูดิโดหนีรอดจากการระเบิดของระเบิดเฟรย่ามาได้และเป็นคนเดียวในหน่วยที่ยังมีชีวิตอยู่
ทหารบริแทนเนียระดับอัศวิน เป็นผู้หญิงผิวคล้ำผมสีเทาสังกัดกลุ่ม ” เลือดบริสุทธิ์ ” โดยใกล้ชิดกับ เจเรเมียอย่างมาก และ มักติดตามเขาไปเรื่องงานเสมอระหว่างการต่อสู้ที่ชินจูกุ เธอพบกับลูลุชหลังได้รับกีอัส และ ถูกสั่งให้มอบไนท์แมร์ให้ ภายหลังเมื่อกลุ่มนี้สุญเสียอำนาจและความไว้วางใจไปเนื่องจากปล่อยตัว สุซาคุ ทำให้เจเรเมีย และวิเลตตาดิ้นรนหาทางแก้ตัวโดยพยายามสืบตัวจริงของซีโร่จากความทรงจำที่เธอพบลูลุชก่อนถูกชิงไนท์แมร์ โดยมุ่งเข้าทางเชอร์ลีย์ จนสาวถึงตัวจริงของซีโร่ว่าคือลูลุชสำเร็จ แต่ที่กำลังดีใจวิเลตต้าก็ถูกเชอร์ลีย์ยิงด้วยปืนบาดเจ็บตกน้ำไป ต่อมาโอกิได้พบตัวแล้ว ได้ยินวิเลตต้าพูดถึงตัวจริงของซีโร่ ก็ได้พากลับไปที่ห้องเพื่อหวังจะรีดข้อมูลเรื่องซีโร่ แต่โอกิก็ไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ ซ้ำยังเกิดชอบวิเลตต้าอีก โดยที่วิเลตต้าที่ขณะสูญเสียความทรงจำก็ชอบโอกิเช่นกัน ถึงกับบอกเขาว่า เธอจะยอมเป็นอิเลเว่นด้วยกันกับโอกิก็ได้ แต่เมื่อภายหลังที่ซีโร่ก่อแบล็ค รีเบลเลี่ยนขึ้น วิเลตต้าก็ได้สติคืนด้วยการช๊อคจากชาวญี่ปุ่นที่บุกเข้ามาจะทำร้ายเธอ เพราะ ความโกรธแค้นบริแทนเนีย วิเลตต้าได้เข้าไปพบกับโอกิ อีกครั้งแล้วยิงเขาบาดเจ็บ ในซีซั่นที่ 2 เพราะความดีความชอบที่รู้ตัวจริงของซีโร่เธอจึงได้ยศบารอนในบริแทนเนียและสังกัดหน่วยข่าวกรองลับซึงขึ้นตรงกับจักรพรรดิ รับหน้าที่สังเกตการณ์ลูลุชในโรงเรียนแอชฟอร์ดด้วยสถานะครูพละ ขณะทำหน้าที่นี้ เธอได้เป็นครูประจำชมรมว่ายน้ำและมักจะมีเรื่องดุว่าเชอร์ลีย์บ่อยๆเนื่องด้วยความโกรธที่เคยถูกยิง เมื่อลูลูชรู้ว่าเธอเคยอยู่กับโอกิจึงชักชวนให้เธอมาเข้าร่วมกลุ่มภาคีอัศวินดำโดยใช้เรื่องโอกิมาขู่ว่า “ หากเปิดเผยความสัมพันธ์กับโอกิยศที่อุตส่าห์ได้มาก็จะหายไป มาเกิดเป็นคนใหม่ไหมล่ะ ” ทำให้เธอต้องเข้าร่วมอย่างไม่เต็มใจ และในตอนจบเธอก็แต่งงานกับโอกิแล้วก็มีลูกด้วยกัน
คลีเวล โซเรสิ ( ญี่ปุ่น : キューエル・ソレーシー ; โรมาจิ : Kyūeru Sorēshī ) นายทหารกองทัพบริแทนเนีย คลีเวลเป็นคนกลุ่มเลือดบริสุทธิ์เข้าข้างเจเรเมียที่ทำให้คุรุรุกิ สุซาคุเป็นแพะรับบาปในคดีสังหารองค์ชายโครวิส เมื่อเจเรเมียปล่อยให้คุรุรุกิ สุซาคุหนีไปกับซีโร่ได้ เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มเลือดบริสุทธิ์และพยายามฆ่าเจเรเมียแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกฆ่าโดยคาลเลนในศึกนาริตะ เขามีน้องสาวชื่อมาริก้า ( ญี่ปุ่น : マリーカ ; โรมาจิ : Marīka ) ซึ่งเป็นหนึ่งในนักบินหน่วยวาลคิรี่ในซีซั่น 2 สื่งที่เหมือนกับคลีเวลคือเธอก็ถูกคาลเลนฆ่าตายเช่นกัน
เป็นขุนนางแห่งบริแทนเนียโดยมีบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ล และเป็นหัวหน้าทีมวิจัยวิทยาศาสตร์คาเมล็อท ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาไนท์แมร์เฟรม แลนซาลอท ลอยด์ใช้ชีวิตอยู่กับวิทยาศาสตร์และมองมนุษย์เป็นเหมือนเครื่องมืออุปกรณ์เท่านั้น รัคชาตะมักจะเรียกเขาว่า “ ลอร์ดพุดดิ้ง ” ซึ่งเป็นของหวานของโปรดของลอยด์ ในซีซั่นแรก เขาเป็นคู่หมั้นของมิเลย์ แอชฟอร์ด เขาถูกสุซาคุบังคับให้ทำตัวดีๆกับเธอ แต่ถูกถอนหมั้นภายหลังจากมิเลย์จบการศึกษา เนื่องจากเธออยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง ส่วนหนึ่งเพราะคำพูดของนีน่า ที่บอกว่าเธอเป็นคนทำอะไรไม่จริงจัง อยากแต่งงานเพื่อหวังให้ตำแหน่งขุนนางกลับมา ซึ่งหลังจากลอยด์รับทราบเรื่อง เขาเพียงแค่หัวเราะ แต่เซซิลผู้ช่วยของเขาบอกว่านั้นเป็นเพียงแค่การกลบเกลื่อนความรู้สึก
ภาคีกีอัสเดิมทีมาจากกลุ่มบุคคลที่บูชาและประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับกีอัส ปัจจุบันเป็นกลุ่มลับที่ศึกษาวิจัยและฝึกผู้ใช้กีอัส สถาณที่ที่ตั้งอยู่เป็นที่สุดท้ายอยู่ที่เขตแผ่นดินสหพันธ์จีนโดยเป็นเมืองใต้ดินขนาดใหญ๋หรือที่เรียกว่ากรมกีอัส ปัจจุบันอยู่ภายใต้อำนาจของวีทู สันนิษฐานว่ากลุ่มดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของบริแทนเนีย

รัฐบาล Area 11 [แก้ ]

สหพันธรัฐจีนปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ มีพื้นที่ในการปกครองในเขตเอเชียและแปซิฟิคโดยมีอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนหนึ่งของตน โครงสร้างของการปกครองขึ้นอยู่กับจักรพรรดิแห่งเมืองจีนโดยจักรพรรดิเป็นเสมือนศูนย์รวมอำนาจการปกครองทั้งหมด แต่อำนาจดังกล่าวถูกลดลงเมื่อจักรพรรดิเป็นเพียงสัญลักษณ์ของประชาชนเฉกเช่นเดียวกับที่จักรพรรดิญี่ปุ่นเป็นเพียงแค่จักรพรรดิในพิธีเท่านั้น แท้จริงแล้วการปกครองทั้งหมดล้วนอยู่ในมือของกลุ่มขันทีชั้นสูง ( 大宦官, Daikangan ? ) ต่อมาเมื่อกลุ่มขันทีชั้นสูงถูกโค่นอำนาจลง สหพันธรัฐจีนก็ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสหพันธ์ประชาชาติและเปลี่ยนชื่อเป็นสหรัฐจีน ( 合衆国中華, Hézhòngguó Zhōnghuá, สหพันธรัฐจีน, “ ” ) .
ลีฉิงเคอ ( ญี่ปุ่น : リー・シンクー ; โรมาจิ : Rī Shinkū; ; ทับศัพท์ : จีน : 黎星刻 ; พินอิน : Lí Xīngkè ) นายทหารในกองทัพสหพันธรัฐจีน กล่าวกันว่าเขามีความสามารถในการบัญชาการเฉกเช่นเดียวกับลูลูซและมีความแข็งแกร่งในการรบเช่นเดียวกับสุซาคุ อย่างไรก็ตามความสามารถของเขาก็ถูกจำกัดด้วยโรคร้ายที่กำลังฆ่าชีวิตเขาอย่างช้า ๆ ลีได้รับมอบหมายตำแหน่งในรัฐบาล ให้เดินทางไปยัง Area 11 ในฐานะของผู้คุ้มกันเกาไห่ ที่ปรึกษาของสหพันธรัฐ นอกจากนี้ยังมีความสามารถสูงในวิถีแห่งนักดาบและพกดาบติดตัวไปด้วยเสมอและเขาเป็นนักบินไนท์แมร์เฟรมเฉงหู่ แต่อย่างไรก็ตามฉิงเคอก็ได้โดนจับเมื่อลลูลูซสามารถยึดป้อมเวหาเดอมอคลีสได้และถูกตัดสินประหารชีวิตพร้อมกับสมาชิกภาคีอัศวินดำและตัวแทนสหพันธ์ประชาชาติ เมื่อลูลูซตายด้วยน้ำมือของสุซาคุจึงได้รับการปล่อยตัว ภายหลังคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยโรคร้ายที่รุมเร้าเขาอยู่ เนื่องจากไม่พบตัวเขาในรูปถ่ายงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตา และรูปถ่ายของจีโน่กับเทียนจื่อ
กลุ่มขันทีชั้นสูงเป็นกลุ่ม ขันที 8 คนที่ใช้จักรพรรดินีเป็นหุ่นเชิดในการปกครองสหพันธรัฐจีน จนทำให้ประชาชนต้องยากจนและอดอยากในขณะที่พวกเขาอยู่กันอย่างสุขสบาย ทั้งหมดล้วนถูกประหารโดยลี ฉิงเคอในข้อหาพยายามปลงพระชนม์จักรพรรดินี แต่ทั้งหมดไม่ได้ตายพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ขันทีคนแรกที่ถูกแนะนำในเรื่องคือ เกาไห่ ( ญี่ปุ่น : ガオ・ハイ ; โรมาจิ : Gao Hai; ; ทับศัพท์ : จีน : 高亥 ) เป็นคนผิวซีดขาวและดูเป็นคนหนุ่ม ถูกส่งมาจากสหพันธรัฐจีนเพื่อมาประชุมที่ Area 11 แต่เขาตกอยู่ภายใต้อำนาจของกีอัสของลูลูซบังคับให้ยอมอนุญาตให้ภาคีอัศวินดำหลบอยู่ในสถานกงสุล ลี ฉิงเคอประหารเกาไห่ทันทีที่บอกกับเขาว่าซีโร่สำคัญกว่าจักรพรรดินี ขันทีคนอื่นอีก 7 คนได้ปรากฏตัวหลังจากภาคีอัศวินดำถูกเนรเทศ โดยพวกเขาวางแผนยกแผ่นดินสหพันธรัฐจีนให้กับบริแทนเนียเพื่อที่จะได้เป็นขุนนางชั้นสูงของบริแทนเนีย ในกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกที่เหลืออยู่ได้แก่
ขันทีทั้งเจ็ดพยายามปลงพระชนม์เทียนจื่อเพื่อแต่งตั้งจักรพรรดิหุ่นเชิดองค์ใหม่หลังจากเทียนจื่อถูกซืโร่ลักพาตัว แต่พวกเขากลับตกหลุมพรางของซีโร่จนทำให้ประชาชนรู้ถึงโฉมหน้าแท้จริงของทั้งกลุ่มและก่อการจลาจลไปทั่วประเทศ พวกเขาจึงถูกทอดทิ้งจากบริแทนเนียเพราะสูญเสียความเชื่อมั่นจากประชาชนและถูกลีสังหารทั้งหมด
หงกู่ ( ญี่ปุ่น : ホン・グ ; โรมาจิ : Hon Gu; ; ทับศัพท์ : จีน : 洪古 ; พินอิน : Hóng Gǔ ) นายทหารรับใช้กลุ่มขันทีชั้นสูง แต่เข้าร่วมกับกลุ่มรัฐประหารของฉิงเคอ เขาเป็นนักบินไนท์แมร์เฟรมกังเหลา หลังจากลุ่มรัฐประหารของฉิงเคอได้เข้าร่วมกับภาคีอัศวินดำ เขาได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองยานเกราะที่ 2
เจี่ยงลี่ฮว๋า ( ญี่ปุ่น : ジェン・リーファ ; โรมาจิ : Jen Rīfa; ; ทับศัพท์ : จีน : 蒋麗華 ; พินอิน : Jiǎng Líhuá ) จักรพรรดินีน้อยแห่งสหพันธรัฐจีน อย่างไรก็ตามลักษณะของเธอก็ห่างไกลจากฐานะ “ เทียนจื่อ ” ( ญี่ปุ่น : 天子 ; โรมาจิ : Tenshi; ; ทับศัพท์ : พินอิน : Tiānzǐ ) หรือ “ โอรสสวรรค์ ” ( จักรพรรดิตามคติจีน ) เพราะเธอเป็นเพียงองค์หญิงหุ่นเชิดของพวกกลุ่มขันทีชั้นสูง ด้วยความที่เธอไร้เดียงสาจึงทำให้เธอถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปกครองสหพันธรัฐจีนได้โดยง่าย เป็นเหมือนนักโทษที่ถูกคุมขังในเมืองต้องห้าม ไม่อาจจะได้เห็นโลกภายนอกเมืองต้องห้ามและนั้นก็คือสิ่งที่เธอไม่ชอบที่สุด เมื่อตอนเยาว์วัยเธอเคยประทานอภัยโทษให้กับลี ฉิงเคอจากโทษประหารที่ขโมยยาในวังและเมื่อลีกลับมาเขาก็ได้ให้สัญญากับเธอว่าวันหนึ่งเขาพาเธอออกไปนอกกำแพงเมืองต้องห้าม ในซีซั่น 2 เธอเป็นเพื่อนกับคางุยะ สุเมรางิระหว่างที่คุยเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของ Area 11 ต่อมาถูกบังคับให้อภิเษกทางการเมืองกับองค์ชายลำดับที่ 1 โอดิสสิอุสโดยชไนล์เซล ตามความต้องการของพวกกลุ่มขันทีชั้นสูงเพื่อที่จะได้เป็นขุนนางของบริแทนเนีย อย่างไรก็ตามพิธีอภิเษกก็ถูกขัดขวางโดยลี ฉิงเคอและภาคีอัศวินดำ เพื่อทำให้เธอกลับมาปกครองสหพันธ์จีนและเป็นพันธมิตรชาติแรกของลูลูซในระดับโลก ต่อมาเมื่อลูลูซได้ขึ้นปกครองเป็นองค์จักรพรรดิ เขาได้ลักพาตัวเทียนจื่อไปพร้อมกับตัวแทนชาติต่างๆ ของสหพันธ์ประชาชาติในฐานะตัวประกันในสงครามที่จะต่อกรกับชไนล์เซล เมื่อลูลูซสละยานอวาลอนทิ้งและได้ปล่อยตัวประกันทุกคน เธอก็ถูกฉิงเคอช่วยเอาไว้และเธอได้บอกกับเขาว่าซาโยโกะ, เซซิล และลอยด์ได้ให้ความช่วยเหลือโดยการช่วยปล่อยเธอและตัวแทนคนอื่น ๆ ด้วย แต่อย่างไรก็ตามเธอกับฉิงเคอก็โดนจับอีกครั้งนึงเมื่อลลูลูซสามารถยึดป้อมเวหาเดอมอคลีสได้และถูกตัดสินประหารชีวิตพร้อมกับสมาชิกภาคีอัศวินดำและตัวแทนสหพันธ์ประชาชาติ เมื่อลูลูซตายด้วยน้ำมือของสุซาคุ ( ที่สวมบทบาทเป็นซีโร่ ) ทุกคนรวมทั้งเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากคอร์เนเลีย เธอปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในรูปที่ฉายร่วมกับจีโน่และงานแต่งงานของโอกิกับวิเลตตา
โจวเซียงหลิน ( ญี่ปุ่น : ジョウ・チャンリン ; โรมาจิ : Jō Chanrin; ; ทับศัพท์ : จีน : 周香凛 ; พินอิน : Zhōu Xiānglǐn ) นายทหารหญิงที่เป็นผู้ช่วยของลีฉิงเคอ ยามที่ลีฉิงเคอเข้าสู่สนามรบเธอจะคอยช่วยบัญชาการสนับสนุนการรบของลี ต่อมาได้รับตำแหน่งระดับหัวหน้าในกลุ่มภาคีอัศวินดำ
คุรุรุกิ เก็มบุ ( ญี่ปุ่น : 枢木 ゲンブ ; โรมาจิ : Kururugi Genbu ) พ่อของสุซาคุ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าบ้านดูแล ลูลูชและนันนาลี่ แลมเพอรูจในฐานะตัวประกัน 7 ปีก่อนเหตุการณ์ในซีรีส์ เมื่อบริแทนเนียเริ่มทำการรุกรานญี่ปุ่น เก็มบุไม่ยอมรับการจำนนโดยเลือกที่ต่อต้านบริแทนเนีย ก่อนยุติสงครามเขาถูกฆ่าจากความหุนหันพลันแล่นของลูกชายของเขาเอง สุซาคุ ที่ไม่ต้องการให้ทำสงครามต่อไป หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ความตายของเขาได้รับการสรรเสริญยกย่องเป็นที่ยอมรับของกลุ่มบุคคลที่เรียกตนเองว่ากลุ่มเกียวโต
ชายที่ได้รับ กีอัส ประเภทอ่านใจผู้คนในระยะ 500 เมตรจาก ซีทูตั้งแต่อายู 6 ปีก่อนที่ ซีทู จะพบกับลูลุช ประกาศตัวเป็นศัตรูกับ ลูลุช เพื่อต้องการตัว ซีทู กลับไปแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับ ลูลุช และถูก ซีทู ยิงเสียชีวิต
นาโอโตะ โคซึกิ ( 紅月ナオト, Kouzuki Naoto ? ) พี่ชายของคาลเลนซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มต่อต้านเพื่อปลดปล่อยญี่ปุ่นให้เป็นอิสระจากบริแทนเนีย เขาถูกฆ่าตายก่อนที่จะเริ่มเรื่องในซีรีส์และเป็นแรงผลักดันที่ทำให้คาลเลนเข้าต่อสู้กับบริแทนเนีย ความตายของเขาทำให้คานาเมะ โอกิต้องรับสืบทอดตำแหน่งผู้นำกลุ่มต่อต้านตอนเริ่มเรื่อง ที่โอกิได้รับตำแหน่งนั้นก็เพราะมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนสนิทของนาโอโตะ ในซีรีส์เขาปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวในรูปที่ถ่ายคู่กับคาลเลนที่โอกิชำเลืองมองดูและพลางคิดว่าตนอาจไม่มีความสามารถพอที่จะนำกลุ่มต่อต้านได้เหมือนนาโอโตะ สิ่งที่โอกิคิดในใจระหว่าง Black Rebellion เมื่อโอกิให้คาลเลนตามซีโร่ไปเพื่อคุ้มครองและปกป้องด้วยชีวิตนั้นก็คือซีโร่เป็นคนเดียวที่จะสามารถทำความฝันของนาโอโตะให้เป็นจริงได้แต่เพียงผู้เดียว
ตัวละครที่เสนออยู่ในรูปแบบอื่นเช่นหนังสือการ์ตูนฝันร้ายของนันนาลี่และวิดีโอเกมส์

Castor rui Britannia [แก้ ]

Pollux rui Britannia

[แก้ ]

เป็นฉบับหนังสือการ์ตูน ลิขสิทธิ์ในไทยเป็นของสยามอินเตอร์คอมมิค มี 2 เล่มจบ

Mariel Lubie [แก้ ]

Lenard Lubie [แก้ ]

แมท ( ญี่ปุ่น : マッド ; โรมาจิ : Maddo ) มนุษย์ไซบอร์กที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยอิเลคกุร่า