ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ( UEFA european Championship ) จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1960 โดยใช้ชื่อ ยูโรเปียน เนชันส์ คัพ ( european Nations ‘ Cup ) แล้วรูปแบบของการแข่งขันก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนปี 1968 ก็เปลี่ยนมาเป็น ยูเอฟา ยูโร ( UEFA Euro )
ความนิยมในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น จนถึงวันนี้ได้รับความสนใจไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าฟุตบอลโลกเลย คุณภาพการแข่งขันก็อยู่ในระดับสูง เมื่อทีมชาติระดับหัวแถวของโลกในยุโรปมาโชว์ตัวกันครบหรือเกือบครบ ชนิดที่ว่าหากเติมชาติมหาอำนาจลูกหนังในอเมริกาใต้เข้ามา ก็จะกลายเป็นทัวร์นาเมนท์ฟุตบอลที่เข้มข้นที่สุดเลยก็ว่าได้
ขณะที่ฟุตบอลโลกมี ‘To Be Number One ‘ เพลงประจำการแข่งขันอย่างเป็นทางการดังกระหึ่มในปี 1990 แต่กว่าฟุตบอลยูโรจะมีเพลงประจำงาน ก็ต้องรอกันถึงปี 1992 ซึ่งสวีเดนเป็นประเทศเจ้าภาพ โดย ‘More Than a Game ‘ ของ โทเว ยาร์เน็ก และพีเทอร์ โจบัก คือเพลงนั้น
การแข่งขันในปีนี้ที่เลื่อนจากปีที่ผ่านมา เพราะการระบาดของโควิด-19 จะไม่มีชาติใดชาติหนึ่งเป็นเจ้าภาพ การแข่งขันจะมีใน 11 ประเทศทั่วยุโรป โดยเพลงประจำการแข่งขัน ‘We Are People ‘ เป็นผลงานของดีเจและโพรดิวเซอร์ชาวดัทช์ มาร์ทิน การ์ริกซ์ ที่ได้สองสมาชิกของวง U2 โบโน และดิ เอดจ์ มาร่วมงาน
ต่อจากนี้คือเรื่องราวของเพลงประจำการแข่งขันยูโรอย่างเป็นทางการ จาก ‘More Than a Game ‘ มาถึง ‘We Are the People ‘ ที่ไม่ใช่ ‘ เชียร์ยูโร แอโรซอฟท์ … ’ ที่วนเวียนอยู่ในหัวของแฟนบอล ตั้งแต่ได้ชมการถ่ายทอดสดนัดแรกแน่นอน
ยูโร 1992 เจ้าภาพ : สวีเดน
“More Than A Game” ศิลปิน: Towe & Peter Jöback
เพลงร้องคู่แบบยูโรป็อป ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศในแบบงานจาก ABBA กลุ่มศิลปินระดับตำนานของสวีเดน โดยเป็นฝีมือการประพันธ์ของโจบักกับลาสส์ โฮล์ม ที่เนื้อหาว่าด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในทีมและเกมฟุตบอล รวมไปถึงความสนุกที่ผู้คนได้รับจากเกมลูกหนัง ที่คำร้องซึ่งเป็นหัวใจของเพลงคือ “ Yes it ’ south more than a plot, more than fortune and fame ”
เพลงนี้ขึ้นถึงอันดับ 30 ในชาร์ตเพลงของสวีเดน ส่วนโทเวก็มีเอี่ยวกับเพลงในทัวร์นาเมนท์กีฬาสำคัญต่อ ใน ‘Barcelona, Barcelona ‘ เพลงซึ่งว่าด้วยเมืองเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปีเดียวกัน
ยูโร 1996 เจ้าภาพ : อังกฤษ
“ We ’ rhenium In This Together ” ศิลปิน : Simply Red
คนส่วนใหญ่คงคิดว่า ‘Three Lions ‘ เพลงสนุกๆ ที่เข้ากับแสงแดดหน้าร้อน ของ Baddiel and Skinner ที่คำร้อง “ Football It ’ south Coming Home ” วนอยู่ในหัว คือเพลงของยูโร ‘ 96 อย่างเป็นทางการ แต่เพลงโซลช้าๆ มีอิทธิพลดนตรีแอฟริกัน ที่ร้องและแต่งโดยซิมพลี เรด ซึ่งท่อนคอรัส “ We ’ ra in this together, everlastingly, in concert ” ที่เน้นความเป็นหนึ่งเดียวกันของโลกนี้ และอลังการด้วยกลุ่มนักร้องประสานเสียง The Umoja Singers Chorale ต่างหาก คือเพลงที่ใช่ เจ้าตัวมาร้องเพลงนี้ในพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน แต่ที่น่าสับสนคือ ไม่มีเพลงนี้ใน ‘ The Beautiful Game ’ อัลบั้มประจำการแข่งขัน แต่มีในอัลบั้มของซิมพลี เรดซะอย่างนั้น
‘We ‘re in This Together ‘ ขึ้นถึงอันดับ 11 ในชาร์ตเพลงฮิตของอังกฤษ และ 13 กับ 8 ในชาร์ตของสก็อตแลนด์กับสาธารณรัฐเช็กส์ตามลำดับ และไปถึงอันดับ 39 บนชาร์ตเพลงของยุโรป
ยูโร 2000 เจ้าภาพ : เนเธอร์แลนด์ / เบลเยียม
“Campione 2000” ศิลปิน: E-Type
ตื้ดไม่หยุดแล้วไปให้สุดทาง กับเพลงแดนซ์สนั่นฟลอร์ เนื้อร้องวนๆ ยากจะหลุดจากหัว “ Campeones, campeones, oé, oé, oé ” ที่แฟนๆ ร้องกันกระหึ่ม อี-ไทป์ ศิลปินและโปรดิวเซอร์ชาวสวีเดน ร้องและร่วมแต่งเพลงนี้กับ ริค บาสคีย์ ( Rick Blaskey ), เคนต์ เบรนเนิร์ด ( Kent Brainerd ) โดยคำร้องฮิต ว่ากันว่าหยิบมาจากเพลงฉลองแชมป์เมื่อปี 1982 ของเรอัล โซเซียดัด สโมสรในสเปน แต่เปลี่ยนคำว่า “ hobé ” ภาษาบาสก์ที่แปลว่า “ best ” เป็น “ oé ” ส่วน “ Campione ” ก็คือ “ Champion ” ทำนองก็มาจาก ‘Oranje Boven ‘ เพลงของดัทช์ที่ย้ำถึงความสัมพันธ์ของประเทศกับราชวงศ์ ซึ่งถูกนำมาร้องเพื่อแสดงความภูมิใจในธงไตรรงค์ แดง-ขาว-น้ำเงินของชาวดัทช์ไปพร้อมๆ กัน
เพลงนี้กลายเป็นเพลง “ โคตร ” ฮิต ระหว่างการแข่งขันและกลายเป็นเพลงสามัญในเกมฟุตบอลทั้งระดับชาติและสโมสรทั่วยุโรป โดยมีให้ฟังทั้งในอัลบั้มชุด Euro IV Ever เมื่อปี 2001 ของอี-ไทป์ และ The Official Euro 2000 Album อัลบั้มอย่างเป็นทางการของงาน
ยูโร 2004 เจ้าภาพ : โปรตุเกส
“ Forca ” ศิลปิน : Nelly Furtado
เนื้อหาหลักๆ ของเพลงนี้คือภาษาอังกฤษ แต่มีท่อนฮุกโดนๆ เป็นภาษาโปรตุเกสที่ว่า “ Como uma força, como uma força ” ร้องโดยนักร้องสาวที่เกิดในโทรอนโท เธอพูดถึงเพลงนี้ว่า “ ตอนไปทัวร์ในโปรตุเกส แฟนๆ มักบอกลาฉันด้วยการบอกว่า “ Força ” ซึ่งเป็นแสลงภาษาโปรตุเกสที่แปลว่า “ Keep going ” หรือ “ Kick arsenic ” แล้วมันไปได้ดีกับกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล ฉันเล่นกับความเป็นผู้หญิง ด้วยการบิดให้เป็นเรื่อง… คุณรู้สึกยังไงตอนดูการแข่งขันของทีมโปรด แล้วพอมีความเกี่ยวพันด้านเชื้อชาติด้วย ก็ทำให้รู้สึกจริงจังมากขึ้น เพลงนี้เป็นเพลงสนุกๆ เป็นเพลงที่ระเบิดพลังออกมา เราได้เบลลา เฟล็ก ( Béla Fleck ) มาเล่นแบนโจในเพลงนี้ งานที่เขาทำมันเยี่ยมมาก ” เฟอร์ทาโดแต่งเพลงนี้กับเจอราร์ลด์ อีทัน และไบรอัน เวสต์ ซึ่งหลังเล่นเพลงนี้ในพิธีปิดการแข่งขันที่ลิสบอนราวๆ 1 ปี เนลลีก็ทำได้ตามความหมายของชื่อเพลง เธอกลายเป็นศิลปินดังระดับโลกด้วยเพลงที่ดังยิ่งกว่า ‘Força ‘ อย่าง ‘Promiscuous ‘, ‘Maneater ‘ และ ‘Say It Right ‘
‘Força ‘ อยู่ในอัลบั้มชุดที่สองของเนลลี – folklore และได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีจากนักวิจารณ์
ยูโร 2008 เจ้าภาพ : ออสเตรีย / สวิตเซอร์แลนด์
“ Can You Hear Me ” ศิลปิน : Enrique Iglesias
“ ผมดีใจมากที่ได้มีส่วนร่วมกับเทศกาลแข่งขันฟุตบอล ” ลูกชายของฆูลิโอ อิเกลเซียส นักร้องเสียงละมุนระดับตำนาน ที่เคยเป็นผู้รักษาประตูสำรองของทีมเรอัล มาดริด กล่าว ซึ่งแน่นอนเขาก็เป็นมาดริดิสตาตัวยงเช่นกัน และทำให้เหมาะสมอย่างมากกับการร้องเพลงประจำการแข่งขัน เอนริเกแต่งเพลงนี้ร่วมกับสตีฟ โมราเลส และแฟรงกี สตอร์ม และถึงจะเป็นเพลงเต้นรำ บีทแรงๆ แต่โทนของเพลงที่มีท่อนร้องติดหู อย่าง “ Hey hey, all the way DJ, let it play, let it play ” ก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ในทัวร์นาเมนท์นี้ ทริกซ์กับฟลิกซ์ สองมาสค็อตก็มีเพลงของตัวเอง ‘Like a Superstar ‘ และ ‘Feel the Rush ‘ ตามลำดับ โดยเป็นงานของแช็กกี ศิลปินจาไมกา ที่ทำให้เพลงของเอนริเกโดนแบ่งความสนใจไปเหมือนกัน แถมนักวิจารณ์ก็ไม่ปลื้ม โดยมองว่าไม่เข้ากับบรรยากาศในสนามฟุตบอล แต่ท้ายที่สุด เพลงนี้ก็ประสบความสำเร็จในยุโรป ติดท็อปเทนในหลายๆ ประเทศ
ยูโร 2012 เจ้าภาพ : โปแลนด์ / ยูเครน
“ Endless Summer ” ศิลปิน : Oceana
แค่อินโทร “ Woo-o-oh-ooh-ooh, Yeah-eh-eh-eh-ehhh ” ก็ทำให้เพลงนี้สะดุดหูได้ตั้งแต่ออกสตาร์ต และไปได้ไกลถึงการเป็นเพลงอันดับ 1 ในโปแลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก รวมถึงอันดับ 3 ในยูเครน ที่ตัวเพลงซึ่งมีอารมณ์แบบงานแถบแคริบเบียน อาจจะทำให้ไม่รู้สึกถึงตัวตนของชาติเจ้าภาพสักเท่าไหร่ แถมมิวสิก วิดีโอ ก็มีภาพของโอเชียนา มาห์ลแมน ศิลปินสาวชาวเยอรมันเจ้าของเสียงร้องเพลงนี้ ที่นั่งชมการถ่ายทอดฟุตบอลบาร์ริมหาด ที่ไม่มีความเป็นโปแลนด์/ ยูเครนสุดๆ ก่อนจะย้ายมาสนุกกันที่ท้องถนนของวอร์ซอว์และเคียฟ
ตัวเพลงมีงานซินธิไซเซอร์ในเพลง ‘Mr. Saxobeat ‘ ของอเล็กซานดรา แสตน เมื่อปี 2010 เป็นที่มา และแซมพลิงเพลง ‘Blaue Moschee ‘ ของวงดนตรีเยอรมัน Die Vogel มาใช้ นอกจากจะได้ยินในสนามการแข่งขันทุกนัดแล้ว เพลงนี้ยังถูกใช้ในวิดีโอเกม the UEFA Euro 2012 ด้วย
ยูโร 2016 เจ้าภาพ : ฝรั่งเศส
“ This One ’ second For You ” ศิลปิน : David Guetta foot Zara Larsson
ไม่ใช่มีแค่เสียงร้องของซารา ลาร์สสัน นักร้องหญิงเสียงอลังจากสวีเดน และงานดนตรีของเดวิด เก็ตตา ดีเจ/ ศิลปิน/ โปรดิวเซอร์ชาวฝรั่งเศส เท่านั้น ด้วยแอพพ์ออนไลน์ ยังมีเสียงของแฟนเพลงไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านคนให้ได้ยินในเพลงนี้อีกด้วย “ การสนับสนุนจากทั่วโลก มหัศจรรย์มากๆ ” เก็ตตา ยิ่งไปกว่านั้น ในฉบับเดโมศิลปินที่เป็นเจ้าของเสียงร้องก็คือ อาริอานา แกรนเด
โดยในพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน ลาร์สสันได้ขึ้นแสดงในงาน ที่เสียงร้อง “ We ’ rhenium in this together, we ’ re in this forever ” ของเธอดังก้องไปทั้งสนาม
ยูโร 2020 เจ้าภาพ : 11 ชาติในยุโรป
“ We Are the People ” ศิลปิน : Martin Garrix ft Bono and The Edge
Read more: Lille OSC
” You ‘ve faith and no fear for the fight, you pull hope from frustration in the night ” วรรคทองของเพลง ทำให้เพลงของยูโร 2020 ที่ย้ายมาเตะกันในปี 2021 มีนัยที่มากกว่าเรื่องของฟุตบอล เมื่อโลกต้องตกอยู่ในเงามืดของโควิด-19 มาเกือบๆ 2 ปี จนกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ต้องถูกยกเลิก และทัวร์นาเมนท์นี้ก็คือ การแสดงให้เห็นถึงความวรรคที่จะผ่านความหมองหม่นไปด้วยกัน ขณะที่ตัวมาร์ติน การ์ริกซ์ ก็เหมาะสมอย่างยิ่งกับการเป็นเจ้าของเพลงในการแข่งขันครั้งนี้ “ ดนตรีคือความหลงใหลของผม แต่ผมก็เป็นแฟนบอลด้วย มันเลยเป็นความพิเศษหลายๆ เท่าสำหรับผม ที่ได้ทำเพลงให้กับยูโรครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ” เขากล่าว
ดีเจชาวดัทช์ได้ โบโนและดิเอดจ์จากยูทูว์ มาร่วมงาน ทั้งแต่งเนื้อร้องและลงกีตาร์ริฟฟ์ รวมถึงเล่นมิวสิก วิดีโอร่วมกับเขาบนดาดฟ้า