ประเทศในเอเชียกลาง
คาซัคสถาน ( คาซัค : Қазақстан/Qazaqstan, [ qɑzɑqˈstɑn ] ; รัสเซีย : Казахста́н, [ kɐzəxˈstɐn ] ) มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐคาซัคสถาน ( คาซัค : Қазақстан Республикасы/Qazaqstan Respublikasy ; รัสเซีย : Респу́блика Казахста́н ) เป็น ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ครอบคลุมกว้างขวางในทวีป เอเชีย และเป็นสาธารณรัฐในอดีต สหภาพโซเวียต มีพรมแดนติดกับ ประเทศรัสเซีย จีน และประเทศใน เอเชียกลาง ได้แก่ คีร์กีซสถาน อุซเบกิสถาน และ เติร์กเมนิสถาน และมีชายฝั่งบน ทะเลแคสเปียน คาซัคสถานเคยเป็นส่วนหนึ่งของ สหภาพโซเวียต คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก อย่างไรก็ดี มี พื้นที่กึ่งทะเลทราย ( steppe ) อยู่มาก จึงมีประชากรเป็นอันดับที่ 57 มีประมาณ 6 คน/ตร.กม .
ด้วยพื้นที่ 2.7 ล้านตารางกิโลเมตร ( 1.56 ล้านตารางไมล์ ) คาซัคสถานจึงเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 9 ของโลก โดยมีขนาดพอ ๆ กับภูมิภาค ยุโรปตะวันตก

Reading:

เมืองใหญ่ของประเทศได้แก่ นูร์-ซุลตัน ( เป็นเมืองหลวงตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2541 ) อัลมาเตอ ( อดีตเมืองหลวง เคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อัลมา-อะตา ( Alma-Ata ) และก่อน พ.ศ. 2460 ( 1917 ) ในชื่อเวียร์นืย ) ฆาราฆันเดอ เชิมเกียนต์ เซียเมียย์ ( เซมีปาลาตินสค์ ) และ เตอร์กิสถาน เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ ยาซี ลักษณะภูมิประเทศแผ่ขยายจากตะวันออกจดตะวันตก ตั้งแต่ ทะเลสาบแคสเปียน จนถึง แอ่งทาริม ( ซินเจียง ) และ เทือกเขาอัลไต และจากเหนือจดใต้ ตั้งแต่ที่ราบไซบีเรียตะวันตกจนถึงโอเอซิสและทะเลทรายของภูมิภาค เอเชียกลาง ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบภาคพื้นทวีป มีฤดูหนาวที่หนาวเย็นและฤดูร้อนแห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้ง ความยาวของพรมแดน : รัสเซีย 6,846 กิโลเมตร, อุซเบกิสถาน 2,203 กิโลเมตร, จีน 1,533 กิโลเมตร, คีร์กีซสถาน 1,051 กิโลเมตร และเติร์กเมนิสถาน 379 กิโลเมตร
คาซัคสถานเคยเป็น 1 ใน 15 รัฐของ สหภาพโซเวียต เรียกว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคาซัค ( KSSR ) ภายหลังวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1991 ก็ประกาศเอกราชเป็นรัฐสุดท้ายจากสหภาพโซเวียตและก่อตั้งประเทศคาซัคสถาน ดินแดนที่เป็นคาซัคสถานในปัจุบัน มีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินตั้งแต่ ยุคหิน ซึ่งจากสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง อาชีพหลักของคนใน ยุคโบราณ ก็คือการเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน โดยเริ่มต้นมาจากการเลี้ยงม้า ในยุคศตวรรษที่ 13 ชาวมองโกล ก็เข้ามาในเขตนี้ และก็เริ่มวางระบบการปกครองที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้น และมีการเรียกเขตการปกครองของพวกเขาว่า รัฐข่านคาซัค แต่ความเป็นตัวตนของชาวคาซัค เริ่มปรากฏชัดในศตวรรษที่ 16 เมื่อภาษา วัฒนธรรม แบบคาซัคเริ่มมีความแตกต่างจากคนกลุ่มอื่น ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 รัสเซียที่ปกครองดินแดนแถบนี้อยู่ แต่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย ก็เริ่มขยายอิทธิพลเข้ามาอย่างเป็นจริงเป็นจัง และสามารถควบคุมปกครองดินแดนแถบนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จ เนื่องจากวิตกเรื่องการขยายอิทธิพลเข้ามาของฝ่ายอังกฤษ
คาซัคสถานเป็น สาธารณรัฐ ประธานาธิบดี ประธานาธิบดีเป็นผู้บัญชาการทหารบกของกองกำลังติดอาวุธและอาจยับยั้งกฎหมายที่ได้รับการผ่านโดยรัฐสภา
ประเทศคาซัคสถานแบ่งออกเป็น 14 จังหวัด (provinces – oblystar) และ 3 เทศบาลนคร (cities – qalalar) ทุกจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัด ( Akim ) ที่แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ส่วนอะคิมของเทศบาลได้รับการแต่งตั้งจากอะคิมของแคว้น ( oblasts ) รัฐบาลคาซัคสถานย้ายเมืองหลวงจาก อัลมาเตอ ไป อัสตานา เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2541
ในปี พ.ศ. 2538 รัฐบาลคาซัคสถานและ รัสเซีย ได้ทำข้อตกลงให้รัสเซียเช่าพื้นที่ 6,000 ตร.กม. ล้อมรอบ ฐานปล่อยจรวดที่ไบกอนกีร์ ( หรือไบโคนูร์ ) และเมืองไบโคนูร์ ( เดิม เลนินสค์ ) เป็นเวลา 20 ปี
ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ไทย – คาซัคสถานนับได้ว่ามีพัฒนาการที่ก้าวหน้าและแน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น โดยได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกัน รวมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและบริการ และวิชาการ เป็นต้น ไทยได้แต่งตั้งนาย Mirgali Kunayev เป็น กสม. ณ นคร อัลมาเตอ และมีอำนาจตรวจลงตรา ซึ่งนักท่องเที่ยวคาซัคสถานสามารถขอรับการตรวจลงตราเพื่อพำนักในไทยได้เกิน 15 วัน ผู้นำไทยกับคาซัคสถานมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่น คาซัคสถานได้ให้การสนับสนุนไทยในการสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์และการแสวงหามาตรการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย ( Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia – CICA ) ซึ่งเป็นกรอบการประชุมเพื่อส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียที่คาซัคสถานได้ริเริ่มขึ้น โดยไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของ CICA เมื่อเดือนตุลาคม 2547 ฝ่ายคาซัคสถานประสงค์ที่จะสมัครเป็นสมาชิกการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( ASEAN Regional Forum – ARF ) และขอรับการสนับสนุนจาก ประเทศไทย ไทยได้สนับสนุนคาซัคสถานในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความร่วมมือเอเชีย ( Asia Cooperation Dialogue – ACD ) ซึ่งไทยริเริ่ม โดยในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี ACD เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2546 ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประชุมฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ในการรับคาซัคสถานเข้าเป็นสมาชิก ACD
ทหารคาซัคสถานส่วนใหญ่ถูกสืบทอดมาจาก กองทัพแดง ของ สหภาพโซเวียต หน่วยงานเหล่านี้กลายเป็นแกนหลักของทหารคาซัคสถานสมัยใหม่ การขยายตัวที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพบกคาซัคสถานได้มุ่งเน้นที่หน่วย รถหุ้มเกราะ ในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 หน่วยหุ้มเกราะได้ขยายจาก 500 คัน ถึง 1,613 คัน ในปี ค.ศ. 2005 คาซัคสถานได้ส่งทหารวิศวกร 49 คน ไปยัง อิรัก เพื่อให้ความช่วยเหลือภารกิจของ สหรัฐอเมริกา บุกรุกอิรัก
กองกำลังทางอากาศคาซัคสถานเป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่ของเครื่องบินยุค โซเวียต รวมทั้ง 41 MiG-29s, 44 MiG-31S, 37 Su-24s และ 60 Su-27s
เรือกำลังเล็ก ๆ ที่ถูกเก็บรักษาไว้ยังอยู่ใน ทะเลสาบแคสเปียน
คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต มีทรัพยากรที่สำคัญเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำมันดิบ แร่ธาตุ ตลอดจนยังมีขีดความสามารถทางการเกษตรอันเนื่องมาจากพื้นที่สำหรับเพาะปลูกและทำ ปศุสัตว์ ที่กว้างขวาง ก่อนปี พ.ศ. 2533 ระบบเศรษฐกิจคาซัคสถานเป็นส่วนหนึ่งของระบบการแบ่งการผลิตของสหภาพโซเวียต โดยถูกกำหนดให้มีความชำนาญด้านเกษตรกรรม ตาม โครงการดินแดนบริสุทธิ์ฮรุชชอฟ ( Khrushchev Virgin Lands ) ส่วนอุตสาหกรรมหลักขึ้นอยู่กับการขุดเจาะน้ำมันและการทำเหมืองแร่ การผสมโลหะ และการสกัดแร่ธาตุ ตลอดจนการผลิตเครื่องจักรขนาดใหญ่ เช่น เครื่องมือก่อสร้าง รถแทรกเตอร์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตร ภายหลังการสลายตัวของ สหภาพโซเวียต ความต้องการสินค้าเครื่องจักรกลหนักซึ่งเป็นสินค้าหลักของคาซัคสถานได้ลดลง ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมากระหว่างปี พ.ศ. 2534 – 2537 อัตราเงินเฟ้อสูงและมูลค่า Real GDP ลดลงมากกว่าร้อยละ 5 ระหว่างปี พ.ศ. 2538 – 2540 รัฐบาลคาซัคสถานได้ปฏิรูประบบเศรษฐกิจและแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทรัพย์สินส่วนใหญ่ตกสู่ภาคเอกชน อัตราการเจริญเติบโตของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น ในปี พ.ศ. 2539 คาซัคสถานได้เข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือก่อสร้างท่อส่งน้ำมันใน ทะเลแคสเปียน ซึ่งส่งผลให้สามารถส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ในปี พ.ศ. 2541 สภาวะการตกต่ำของราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของคาซัคสถานตกต่ำลงชั่วขณะ แต่หลังจากปี พ.ศ. 2542 ราคาน้ำมันได้ถีบตัวสูงขึ้น ประกอบกับการลด ค่าเงิน ที่ถูกจังหวะและการเกษตรที่ได้ผลดี ทำให้ภาวะเศรษฐกิจคาซัคสถานเจริญเติบโต
เกษตรกรรม เป็นภาค อุตสาหกรรม ที่มีการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็นหนึ่งในสามของการส่งออก หรือ ร้อยละ 20-25 ของแรงงานภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตหลักได้แก่ เมล็ดพันธุ์พืช แต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ไม่แน่นอนและการปฏิรูประบบเศรษฐกิจอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้การเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์พืชที่เคยสูงสุดในปี พ.ศ. 2535 กลับตกต่ำที่สุดในปี พ.ศ. 2538 และการผลิตภาคการเกษตรซึ่งเคยมีส่วนแบ่งรายได้ประชาชาติร้อยละ 23 ในปี พ.ศ. 2532 กลับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.6 ในปี พ.ศ. 2543 ส่วนภาคการบริการที่ถูกละเลยภายใต้ระบอบ คอมมิวนิสต์ กลับมีการขยายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนับแต่ได้รับเอกราช

Read more: Swansea City A.F.C.

ส่วนด้านการค้า ที่อยู่อาศัย และการคมนาคม ก็มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน สำหรับการลงทุนนั้นมีมูลค่าร้อยละ 19 ของ GDP โดยหนึ่งในสี่ของการลงทุนนั้น มาจากบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและโลหะ
การโอนธุรกิจที่ดินให้เป็นของภาคเอกชนดำเนินไปอย่างช้า ๆ และรัฐบาลอนุญาตให้ชาวคาซัคเท่านั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเกษตรกรรมได้ ในกรณีที่ชาวต่างชาติและประชาชนทั่วไปต้องการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินอื่น ๆ จะต้องมีบ้านหรือทรัพย์สินอยู่บนที่ดินผืนนั้น ส่วนที่ดินนอกเหนือจากนั้นถูกครอบครองโดยภาครัฐ
ประธานาธิบดีนาซาร์บาเยฟได้นำความล้มเหลวและข้อผิดพลาดของการปฏิรูปเศรษฐกิจใน ยุโรปตะวันออก มาเป็นพื้นฐานในการกำหนดนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเร่งสร้างระบบเศรษฐกิจแบบ ตะวันตก ด้วยการปฏิเสธบทบาทของรัฐในระบบเศรษฐกิจและนำกลไกตลาดมาใช้ทันทีโดยมิได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับการพัฒนาของระบบอย่างสอดคล้องกันเสียก่อน ด้วยเหตุนี้ คาซัคสถานจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินบทบาทของรัฐในการควบคุม การผลิต การหมุนเวียนเงินทุน และการดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศต่อไป พร้อมทั้งผสมผสานกลไกของรัฐและกลไกตลาดเข้าด้วยกัน สภาพเศรษฐกิจของคาซัคสถานกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาไปสู่ระบบการตลาดแบบเสรี ในปี พ.ศ. 2539 คาซัคสถานเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและมีเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้น สังเกตได้จากอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคลดลงเหลือเพียงร้อยละ 39.1 ในปี พ.ศ. 2539 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2538 ที่มีอัตราร้อยละ 175 และปี พ.ศ. 2537 ที่มีอัตราถึงร้อยละ 1,900 ส่วนอัตราการว่างงานนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ยังมีความเปราะบางอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมผลิตเหล็กและเหมืองแร่ยังตกต่ำอยู่ เพราะขาดแคลนเงินทุนและปัจจัยในการผลิต ทำให้มีส่วนเกินของแรงงานและประสิทธิภาพ ส่วนทางภาค เกษตรกรรม นั้น ผลผลิตก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่คาดหมายกันไว้ การลงทุนขุดเจาะน้ำมันที่บ่อน้ำมัน Tengiz ของคาซัคสถาน ซึ่งรัฐบาลคาซัคสถานลงทุนร่วมกับบริษัท Chevron ของสหรัฐ ฯ ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัสเซียที่จะจำกัดการส่งออกน้ำมันของคาซัคสถานผ่านท่อส่งน้ำมันของตน โดยล่าสุด บ่อน้ำมัน Tengiz สามารถส่งออกน้ำมันได้เพียง 880,000 บาร์เรลต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่เป้าหมายการผลิตในปี พ.ศ. 2540 คือ 30,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม คาซัคสถาน รัสเซีย ตุรกี อาเซอร์ไบจาน และ สหรัฐอเมริกา ก็ได้ร่วมกันหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกน้ำมันผ่านท่อของประเทศต่าง ๆ ของคาซัคสถานแล้ว เนื่องจากคาซัคสถานมีโครงการสร้างท่อขนส่งน้ำมันและแก๊สผ่าน รัสเซีย ไปยังชายฝั่งทะเลดำ โดยได้เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2541 และจะสิ้นสุดโครงการภายในสิ้นปี พ.ศ. 2543 แต่เส้นทางที่ท่อส่งน้ำมันและก๊าซผ่านนั้น เป็นประเทศคู่แข่งทางด้านนี้กับคาซัคสถานทั้งสิ้น เช่น อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน และรัสเซีย และต้นทุนของการสร้างท่อก็มีราคาแพง ซึ่งในระยะยาวแล้ว คาซัคสถานจะต้องให้ความคุ้มครองแก่เส้นทางของท่อส่งออกน้ำมันและแก๊สทั้งด้านการค้าและการเมือง เท่าที่ผ่านมา ประเทศที่ดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจน้ำมันกับคาซัคสถาน ได้แก่ ตุรกี ซึ่งบรรลุข้อตกลงกับคาซัคสถานที่จะร่วมกันพัฒนา บ่อน้ำมัน และ แก๊สธรรมชาติ ในคาซัคสถานถึง 7 แห่ง โดยตุรกีจะได้รับส่วนแบ่งเป็นน้ำมันจำนวน 2.1 พันล้าน บาร์เรล และแก๊สธรรมชาติจำนวน 208.9 พันล้านลูกบาศก์เมตร คาซัคสถานมีน้ำมันสำรองถึง 2.5 % ของปริมาณน้ำมันโลก และคาดว่าภายในปี 2560 จะติดอันดับ 1 ใน 10 ผู้ส่งออกน้ำมัน [ 10 ] สำหรับการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ คาซัคสถานจะต้องแก้ปัญหาการทุจริตและปัญหาความไม่โปร่งใสของการลงทุน ซึ่งพบอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะการครอบครองด้านเศรษฐกิจโดยกลุ่มผู้จัดการน้ำมันที่มีอำนาจทางการเมือง จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากการเก็บภาษีน้อยลง
ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจของ รัสเซีย คาซัคสถานได้รับการกล่าวถึงจากนานาชาติค่อนข้างดี ในแง่ของความพยายามและผลของการพัฒนาประเทศ แต่โดยที่รัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าหลักของคาซัคสถาน จึงทำให้คาซัคสถานได้รับผลกระทบจาก วิกฤตเศรษฐกิจ ครั้งนี้ด้วย โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2542 รัฐบาลและธนาคารชาติคาซัคสถานได้ประกาศจะยุติการแทรกแซงเพื่อพยุงอัตราการแลกเปลี่ยนของเงินเต็งเก ( Tenge ) และปล่อยค่าเงินลอยตัว เพื่อให้สินค้าของคาซัคสถานสามารถแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นที่ได้ลดค่าเงินในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ ค่าเงินเต็งเกอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 88 เต็งเก ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2542 จนเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2546 อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 146.37 เต็งเก อย่างไรก็ดี คาซัคสถานได้พัฒนาระบบการเงินการธนาคารเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเงิน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2543 คาซัคสถานเป็นประเทศแรกของอดีตสหภาพโซเวียตที่สามารถจ่ายชำระหนี้คืนแก่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) ได้ล่วงหน้าก่อนกำหนดถึง 7 ปี และในปี พ.ศ. 2545 ได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในด้านการวางแผนระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีและระบบการคลังมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก น้ำมัน และ แก๊สธรรมชาติ ยังคงเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศ ทั้งนี้ มีการพิสูจน์แล้วว่าคาซัคสถานเป็นแหล่งสำรองน้ำมันของโลกร้อยละ 2.5 และจะสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 3 ล้านบาร์เรลภายในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งจะทำให้คาซัคสถานอยู่ในกลุ่ม 1 ใน 10 ของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันของโลก
แม้ว่าภูเขาและทะเลสาบเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการเติบโตช้ามากเพราะได้รับการลงทุนน้อย [ 11 ] ในช่วงทศวรรษ 2000 มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยปีละ 450,000 คน ส่วนใหญ่มาจาก รัสเซีย ทะเลสาบ Issyk-Kul และภูเขาเทียนฉานเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างนิยม
ทะเลสาบ Issyk-Kul

คมนาคม และ โทรคมนาคม [แก้ ]

ทางหลวงใหม่ระหว่างอัลมาเตอกับชายแดนกับประเทศจีนจะลดเวลาในการขนส่งจาก 6 ชั่วโมง เหลือ 3 ชั่วโมง
การศึกษาเป็นสากลและบังคับไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาและอัตราการรู้หนังสือของผู้ใหญ่เป็น 99.5 % การศึกษาประกอบด้วยการศึกษาหลัสามขั้นตอนคือ : ระดับ ประถมศึกษา ( 1-4 รูปแบบ ), การศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วไป ( 5-9 ฟอร์ม ) และการศึกษาระดับอาวุโส ( แบบฟอร์ม 10-11 หรือ 12 ) แบ่งเป็นหมวดวิชาศึกษาทั่วไปอย่างต่อเนื่องและการศึกษามืออาชีพ ปัจจุบันมี มหาวิทยาลัย โรงเรียน และ สถาบันการดนตรี โรงเรียนที่สูงขึ้นและสูงขึ้นอยู่ที่ วิทยาลัย
เริ่มจากชนเผ่าเร่ร่อนเชื้อสายผสม มองโกล-เตอร์กิช เรียกตนเองว่า “ คาซัค ” ชาวคาซัคส่วนใหญ่พูด ภาษารัสเซีย [ 10 ] คาซัคสถานมีจำนวนประชากร 16,741,519 คน ( พ.ศ. 2545 )
จากการสำรวจในปี ค.ศ. 2009 พบว่าชาวคาซัคสถานร้อยละ 70.2 นับถือ ศาสนาอิสลาม รองลงมาคือ ศาสนาคริสต์ นิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ ร้อยละ 26.6 นับถือ ศาสนาพุทธ ร้อยละ 0.50, ศาสนาอื่นๆ ( โดยเฉพาะ ศาสนายูดาห์ ) ร้อยละ 0.2, มีร้อยละ 2.8 ระบุว่าตนเป็น ผู้ที่ไม่มีศาสนา และร้อยละ 0.5 ไม่ได้ระบุว่านับถือศาสนาใด [ 12 ] ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่มีจำนวนศาสนิกมากที่สุดในประเทศ ตามมาด้วย ศาสนาคริสต์ นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ หลังจากการแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต คาซัคสถานมีการแสดงออกถึงการนับถือศาสนา เสรีภาพในการนับถือศาสนา และการปฏิบัติศาสนกิจที่แพร่หลายขึ้น ศาสนสถานกว่าร้อยแห่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว สมาคมทางศาสนาเพิ่มขึ้นจาก 670 แห่งในปี ค.ศ. 1990 เป็น 4,170 แห่งในปัจจุบัน [ 13 ] ชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือ นิกายซุนนีย์ มัซฮับฮานาฟี ศาสนิกชนส่วนใหญ่คือกลุ่มเชื้อสาย คาซัค กว่าร้อยละ 60 และในกลุ่ม ชาวอุซเบก, อุยกูร์ และ ตาตาร์ [ 14 ] มีชาวซุนนีย์น้อยกว่าร้อยละ 1 ศึกษามัซฮับซาฟิอี ( โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อสาย เชเชน ) มีมัสยิดทั้งหมด 2,300 แห่ง [ 13 ] ซึ่งทุกแห่งได้เข้าร่วมกับสมาคมจิตวิญญาณมุสลิมคาซัคสถาน ( Spiritual Association of Muslims of Kazakhstan ) โดยขึ้นตรงต่อศาลมัฟติ ( Mufti ) [ 15 ] และมีวันอีดิลอัฎฮาเป็นวันหยุดราชการ [ 13 ] หนึ่งในสี่ของประชากรนับถือศาสนาคริสต์ นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ ในกลุ่มประชาชนที่มีเชื้อสาย รัสเซีย, ยูเครน และ เบลารุสเซีย [ 16 ] นอกจากนี้ยังมี นิกายโรมันคาทอลิก และ โปรเตสแตนต์ [ 14 ] มีโบสถ์คริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ 3,258 แห่ง, โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก 93 แห่ง และโบสถ์ของนิกายโปรเตสแตนต์กว่า 500 แห่ง ทั้งนี้ วันคริสต์มาส ของนิกายออร์ทอดอกซ์ได้เป็นวันหยุดราชการของประเทศเช่นกัน [ 13 ] นอกจากนี้ยังมีศาสนาอื่น ๆ เช่น ยูดาห์, บาไฮ, ฮินดู, พุทธ เป็นอาทิ [ 14 ] ตามข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรในปี ค.ศ. 2009 มีคริสต์ศาสนิกชนน้อยมากที่มิใช่กลุ่มชาวสลาฟและเยอรมัน ตามตาราง [ 17 ]

ชาติพันธุ์

อิสลาม

คริสต์

ยูดาห์

พุทธ

อื่น ๆ

ไม่มีศาสนา

ไม่ระบุ

คาซัค

98.34%

0.39%

0.02%

0.01%

0.02%

0.98%

0.26%

รัสเซีย

1.43%

91.64%

0.04%

0.02%

0.03%

6.09%

0.75%

อุซเบก

99.05%

0.39%

0.01%

0.01%

0.02%

0.37%

0.16%

ยูเครน

0.94%

90.74%

0.03%

0.01%

0.02%

7.31%

0.94%

อุยกูร์

98.35%

0.51%

0.02%

0.01%

0.03%

0.61%

0.47%

ตาตาร์

79.57%

10.24%

0.02%

0.03%

0.06%

8.11%

1.97%

เยอรมัน

1.58%

81.59%

0.05%

0.04%

0.11%

13.96%

2.68%

เกาหลี

5.24%

49.35%

0.21%

11.40%

0.14%

28.51%

5.16%

ตุรกี

99.13%

0.30%

0.01%

0.01%

0.02%

0.33%

0.21%

อาเซอรี

94.81%

2.51%

0.02%

0.02%

0.03%

1.86%

0.76%

เบลารุสเซีย

0.79%

90.16%

0.04%

0.01%

0.03%

7.82%

1.15%

ดันกัน

98.93%

0.37%

0.01%

0.03%

0.04%

0.34%

0.28%

เคิร์ด

98.28%

0.53%

0.03%

0.02%

0.02%

0.74%

0.38%

ทาจิก

97.78%

0.91%

0.01%

0.02%

0.08%

0.85%

0.35%

โปแลนด์

0.69%

90.07%

0.04%

0.01%

0.13%

7.30%

1.76%

เชเชน

93.69%

2.99%

0.02%

0.01%

0.05%

2.08%

1.16%

คีร์กีซ

96.67%

0.89%

0.03%

0.03%

0.02%

1.51%

0.86%

อื่น ๆ

34.69%

52.32%

0.82%

0.91%

0.13%

8.44%

2.69%

รวม

70.20%

26.32%

0.03%

0.09%

0.02%

2.82%

0.51%

รัฐสมัยใหม่ของคาซัคสถานเป็นที่ตั้งของรัฐออร์เคสตราคาซัค Kurmangazy ของดนตรีพื้นบ้าน วงดนตรีพื้นบ้านที่ใช้ในการตั้งชื่อตาม Kurmangazy Sagyrbayuly นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้เล่น dombra จากศตวรรษที่ 19
คาซัคสถานเข้าร่วมการแข่งขัน โอลิมปิก อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉาะอย่างยิ่งการชกมวย
ทั่วไป
รัฐบาล
การค้า
พิกัดภูมิศาสตร์ :