วิลเลียม จอห์น พอล แกลลาเกอร์ ( อังกฤษ : William John Paul Gallagher ; 21 กันยายน พ.ศ. 2515 ) เป็นทั้ง นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี ชาวอังกฤษ อดีตฟร้อนแมนวงดนตรี โอเอซิส และอดีตผู้นำวงดนตรี บีดีอาย ด้วยพฤติกรรมคุ้มดีคุ้มร้าย ทัศนคติและท่าทีต่อต้านสังคม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัวสมัยวัยเด็ก ส่งผลให้เลียมกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงอย่างมากใน หนังสือพิมพ์ และ ข่าว ทำให้เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ดนตรีอังกฤษสมัยใหม่ [ 1 ] เลียม ยังมีสไตล์การร้องเพลงที่โดดเด่น ในท่าร้องเพลงแหงนหน้าหาไมค์ มือไขว้หลัง หรือที่เรียกว่า “ Singing pose ” [ 2 ] ซึ่งเขามักแสดงเช่นนี้ในทุกคอนเสิร์ตจนกลายเป็นเอกลักษณ์ โดยให้เหตุผลว่าการวางตำแหน่งไมโครโฟนไว้ระหว่างจมูกและปาก พร้อมทั้งย่อเข่ามือไขว้หลังนั้นจะช่วยให้เปล่งเสียงออกได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แกลลาเกอร์ยังได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในฟร้อนท์แมนตลอดกาลของวงการเพลงอีกด้วย ถึงแม้ว่าพี่ชายของเขา โนล แกลลาเกอร์ เป็นผู้ประพันธ์เพลงให้วง โอเอซิส เป็นส่วนใหญ่ แต่เลียมก็มีโอกาสแต่งเพลง “ Little James ”, “ Better man ”, “ Songbird “, “ Guess God Thinks I ‘m abel ”, “ Love Like A Bomb ” และ “ I ‘m Outta Time “ เป็น ซิงเกิ้ล ของวงด้วย [ 3 ] ตั้งแต่โนล แกลลาเกอร์ได้ลาออกจากวงในเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2552 เลียมยังคงทำผลงานเพลงต่อไปโดยก่อตั้งวงดนตรีร่วมกับอดีตสมาชิกวงโอเอซิส คือ เก็ม อาร์เชอร์, แอนดี เบล, คริส ชาร์ร็อก [ 4 ] ด้วยชื่อวงใหม่ “ บีดีอาย “ [ 5 ] ออกอัลบั้มได้เพียงสองชุด เลียมก็ประกาศยุบวงในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เลียมเป็นแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ซิตี โดยมักจะออกมาแขวะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นประจำ

เลียม แกลลาเกอร์เกิดที่ย่าน เบอร์นิจ เมือง แมนเชสเตอร์ เป็นลูกคนที่สามและเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวชาว ไอริช บิดาชื่อ ทอมัส แกลลาเกอร์ และมารดาชื่อ เป็กกี้ แกลลาเกอร์ บิดาของแกลลาเกอร์ได้ใช้ความรุนแรงต่อครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง โดยโนลพี่ชายของเขาถูกกระทำหนักที่สุด เลียมได้กล่าวว่าการทารุณกรรมของพ่อเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากเป็น ศิลปิน [ 6 ] เมื่อเลียมอายุประมาณ 7 ขวบ [ 7 ] เป็กกี้มารดาของเลียมพาลูกของเธอหนีจากสามี แม้ว่าเลียมยังคงติดต่อเป็นระยะ ๆ กับบิดาในช่วงวัยรุ่น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อยังคงไม่ลงรอยกันจนถึงปัจจุบัน พอล พี่ชายของเลียม และโนลยังยืนยันอีกว่า เลียมในช่วงวัยรุ่นมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้คน โดยเฉพาะกับโนลพี่ชายของเขาเพราะทั้งสองนอนห้องเดียวกัน เลียมถูกไล่ออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 15 ปี เพราะไปมีเรื่องทะเลาะวิวาท โนลกล่าวว่า เลียมเริ่มแสดงความสนใจในด้านดนตรีในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย เขามั่นใจในความสามารถในการร้องของตนเองเป็นอย่างมาก และเริ่มฟังวงดนตรีดัง ๆ ในสมัยนั้น เช่น เดอะสโตนโรสเซส, เดอะฮู, เดอะคิงส์, เดอะแจม, ที. เรกซ์ โดยเฉพาะวง เดอะบีเทิลส์ เลียมคลั่งไคล้ จอห์น เลนนอน เป็นอย่างมาก แกลลาเกอร์ยืนยันอีกว่าเขาคือ เลนนอน ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ แม้ว่าแกลลาเกอร์จะถือกำเนิดมาแล้ว 8 ปี ก่อนที่เลนนอนจะถูก ฆาตกรรม ก็ตาม แกลลาเกอร์ยังเป็นแฟนคลับตัวยงของ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี อีกด้วย [ 8 ]
เลียม แกลลาเกอร์ผ่านการสมรส 2 ครั้ง มีบุตรทั้งสิ้น 4 คน ได้แก่ลูกสาว 2 คนและลูกชาย 2 คน แกลลาเกอร์เคยคบหากับ ลิซ่า มูริช นักร้องชาวอังกฤษ มีบุตรสาวคือ มอลลี่ มูริช กำเนิดเมื่อปี พ.ศ. 2540 หลังจากนั้นแกลลาเกอร์แต่งงานกับ แพทซี เคนซิท ดารา และ นางแบบ ชาวอังกฤษ เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2540 มีบุตรชายด้วยกันคนเดียว คือ เลนนอน ฟรานซิส แกลลาเกอร์ กำเนิดเมื่อปี พ.ศ. 2542 หนึ่งปีหลังจากนั้น แพทซีและแกลลาเกอร์ก็หย่าร้างกัน แกลลาเกอร์ให้กำเนิดบุตรคนที่สามกับ นิโคล แอปเพิลตัน โดยเป็นบุตรชายชื่อว่า ยีน แกลลาเกอร์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2551 แกลลาเกอร์และแอปเพิลตั้นก็แต่งงานกัน โดยที่ โนล แกลลาเกอร์ และสมาชิกของวง โอเอซิส ไม่มีใครรู้เลยจนกระทั่ง พิธีวิวาห์ ได้เริ่มขึ้นแล้ว ต่อมาปี พ.ศ. 2557 แอปเพิลตั้นฟ้องหย่าแกลลาเกอร์อย่างเป็นทางการ หลังจาก ลิซ่า จอร์บานี นักข่าวบันเทิงฟรีแลนซ์ของนิวยอร์กไทม์ส ออกมาเปิดเผยว่าเธอมีบุตรสาววัย 7 เดือนกับแกลลาเกอร์ โดยทั้งคู่รู้จักกันหลังจากที่กอร์บานีได้สัมภาษณ์แกลลาเกอร์เมื่อครั้งเดินทางไปนิวยอร์กเมื่อ พ.ศ. 2553 เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้แอปเพิลตั้นโกรธมาก ต้องฟ้องหย่าในชั้นศาล ช่วงเวลานี้เองที่แกลลาเกอร์ไม่ได้ทำงานเพลง และต้องใช้เวลาอยู่แต่กับนักกฎหมายเป็นเวลาหลายปี ต้องใช้เงินจำนวนมากในการว่าความและขึ้นศาล ปัจจุบัน แกลลาเกอร์คบหากับ เด็บบี้ กวิเธอร์ อดีตผู้จัดการส่วนตัววงบีดีอาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้แกลลาเกอร์ในฐานะศิลปินเดี่ยวด้วย [ 9 ]
สองพี่น้องแกลลาเกอร์ เมื่อปี พ.ศ. 2548 – เลียมกล่าวว่า เขาไม่ค่อยได้พูดคุยกับพี่ชายมากนักแทบที่จะไม่สนิทชิดเชื้อกันเลย ระหว่างทัวร์ครั้งสุดท้ายเขาและพี่ชายพูดคุยกันซึ่งๆหน้าเฉพาะตอนอยู่บนเวทีเท่านั้น – ระหว่างทีไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2537 เลียมได้เปลี่ยนแปลงเนื้อร้องของเพลงโดยเจตนา เพื่อที่จะว่าร้ายทั้ง คนอเมริกา และโนล หลังการแสดงจบสองพี่น้องทะเลาะวิวาทถึงขั้นการปาเก้าอี้ใส่กัน โนลได้ถอนตัวออกจากทัวร์ในภายหลัง

– ระหว่างการบันทึกเสียง อัลบั้ม “ ( What ‘s the Story ) Morning Glory ? “ สองพี่น้องทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงอีกครั้ง เนื่องจากเลียมได้เชิญชวนทุกคนใน ผับ ท้องถิ่นมาที่สตูดิโอบันทึกเสียงของทางวงโดยตอนนั้นโนลกำลังทำงานอยู่ – ในปี พ.ศ. 2552 ก่อนที่ โอเอซิส จะยุบวง โนลได้บรรยายลักษณะของเลียมไว้ว่า “ หยาบคาย หยิ่งยโส อันธพาลและขี้เกียจ เขาเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจที่สุดที่ผมเคยพบ เขาก็เหมือนกับ ส้อม ในโลกของ ซุป “ ฟางเส้นสุดท้ายระหว่างเลียมและโนลก็มาถึง เมื่อวงได้ไปแสดงคอนเสิร์ตที่ ปารีส เนื่องด้วยความบาดหมางของทั้งสองคนที่มีอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่คอนเสิร์ทจะเริ่ม ทั้งสองทะเลาะวิวาทกันอีกครั้ง เลียมบันดาลโทสะทำลาย กีต้าร์ ของโนล เป็นเหตุให้โนลประกาศแยกตัวจากวง โอเอซิส ในที่สุด – ในปี พ.ศ. 2555 สามปีหลังจากที่แทบจะไม่ได้สื่อสารกับพี่ชายเลย มีการเปิดเผยว่าทั้งสองคนได้สื่อสารกันผ่าน ข้อความทางโทรศัพท์ อย่างเป็นมิตร หลังจากที่ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี ชนะ พรีเมียร์ลีก แหล่งข่าววงในของสองพี่น้องกล่าวอีกว่า “ ทั้งสองคนตื่นเต้นและมีความสุขมากๆ หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ซิตี ชนะ พวกเขาส่ง ข้อความทางโทรศัพท์ ถึงกันและกันในที่สุดพวกเขาก็ลดความบาดหมางระหว่างกันและเริ่มติดต่อกันบ้างผ่านข้อความทางโทรศัพท์ ” หลังจากนั้นทั้งสองคนก็มาร่วมงาน ปาร์ตี้ ของเพื่อนที่กรุง ลอนดอน ตามคำบอกเล่าของโนล ตอนแรกปาร์ตี้เป็นไปได้ด้วยดีแต่ก็จบลงด้วยการเถียงกันของทั้งคู่ เพราะโนลปฏิเสธที่จะรวมวง โอเอซิส ใหม่ภายในปี พ.ศ. 2558 [ 10 ] – สำหรับความสัมพันธ์ในทางที่ดีของเขากับโนล เขาเคยแสดงความเป็นมิตรกับพี่ชาย เมื่อถูกสื่อถามว่า “ ใครเป็นผู้นำวงที่ดีที่สุด ” เขาตอบว่า “ โนล แกลลาเกอร์ไง อะไรคือคุณสมบัติของผู้นำวงที่ดีนะเหรอ ? ก็คนที่ประพฤติตัวดีและไม่โดดโหยงเหยงไปมาเหมือนคนบ้าไง ” “
เลียม แกลลาเกอร์ กลับมาสร้างผลงานเพลงอีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวครั้งแรก โดยออกเดบิวต์อัลบั้มที่มีชื่อว่า “As You Were” วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ในแง่บวก พร้อมทั้งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนเพลง อัลบั้มขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ใน iTune ของ 10 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย มีซิงเกิ้ลฮิตอย่าง “ Wall of Glass ”, “ For What It ‘s worth ” และ “ Come Back To Me ” แกลลาเกอร์ได้ร่วมเขียนเพลงเอง โดยมี เกร็ก เคอร์สติน เป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่ง นิตยสารโรลลิ่งสโตน ได้จัดอันดับให้อัลบั้ม As You Were ของเลียม แกลลาเกอร์ติด 1 ใน 50 อัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2560 โดยอยู่ลำดับที่ 37 ร่วมกับ “Who Built The Moon” อัลบั้มชุดที่ 3 ของพี่ชาย โนล แกลลาเกอร์
วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561 เลียม แกลลาเกอร์ ได้เดินทางมาเล่นคอนเสิร์ต “Liam Gallagher Live In Bangkok 2018” ณ ไบเทคบางนา ฮอลล์ 106 ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางกลับมาเมืองไทยครั้งที่สามในรอบ 12 ปี บัตรขายหมดเกลี้ยงในชั่วโมงสุดท้ายก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่ม สำหรับเพลงที่นำมาเล่นนั้น ประกอบด้วยเพลงสมัยวงโอเอซิส, บีดีอาย และเพลงใหม่จากอัลบั้ม As You Were

  • Rock N Roll Star
  • Morning Glory
  • Greedy Soul
  • Wall of Glass
  • Paper Crown
  • Bold
  • For What It’s Worth
  • Soul Love
  • Some Might Say
  • Slide Away
  • Come Back To Me
  • You Better Run
  • Be Here Now
  • Cigarette and Alcohol
  • Wonderwall

ทั้งนี้ ในคอนเสิร์ตไม่มีช่วง Encore โดยมีเพลง 2 เพลงที่ถูกตัดออกจากเซ็ทลิสต์ ได้แก่ Universal Gleam และ Live Forever ภายหลังแกลลาเกอร์ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ขอบคุณชาวกรุงเทพฯสำหรับคอนเสิร์ตเมื่อคืน และเปิดเผยว่าตนหัวเสียกับระบบซาวด์ของทีมงานตัวเอง โดยในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561 ภายหลังสิ้นสุดการเล่นคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซีย แกลลาเกอร์บินกลับมาพักผ่อนส่วนตัวที่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย และชอบดื่มน้ำมะพร้าวมาก
หลังจากเกิดเหตุการณ์นักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ติดในถ้ำหลวง จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561 จนเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก มีคนดังระดับโลกหลายคนส่งกำลังใจมาให้ทีมกู้ภัยไทยและนานาชาติร่วมกันให้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 Liam Gallagher ก็เป็นคนดังอีกหนึ่งคนที่ส่งใจให้ภารกิจสำคัญในครั้งนี้ โดยทางเฟซบุ๊กเพจ All about RKID ระบุว่า “ อดทนไว้นะ ไม่ต้องกลัว ”

Liam Gallagher อดีตฟรอนต์แมนวง Oasis โพสทวิตเตอร์ให้กำลังใจ # ทีมหมูป่า หลังจากมีแฟนเพลงชาวไทยที่ใช้ชื่อ Karnbodi Ngamjit เข้าไปถามว่า อยากพูดอะไรกับเด็กไทยที่ติดอยู่ในถ้ำบ้าง ? ส่วนประโยคที่เลียมโพสต์ให้กำลังใจก็คือเนื้อร้องของเพลง ‘Stop Crying Your Heart Out ‘ จากอัลบั้ม Heathen Chemistry นั่นเอง หมายเหตุ : ปกติเวลาที่ เลียม กัลลาเกอร์ ทวิตแต่ละครั้ง จะมีแฟนๆหลักร้อย-หลักพันเข้าไปคอมเม้นท์ โอกาสที่เลียมจะตอบทวิตใครนั้นค่อนข้างน้อยมาก ขึ้นอยู่กับว่าเลียมจะเลือกตอบคำถามไหน