ไบโอม หรือ ระบบนิเวศ หมายถึงบริเวณที่มีความแตกต่างกันในโลกของ Terraria. แต่ละไบโอมจะมีลักษณะเด่นในตัวเอง, ตั้งแต่บล็อกบริเวณนั้น, ของที่เก็บได้, กำแพงพื้นหลัง, ศัตรู, สัตว์เล็ก, เพลงพื้นหลัง, ปลาที่ Angler ขอให้ตก, และอื่นๆ ไบโอมที่พบง่ายที่สุดคือ ป่า ( Forest ), พบได้บนผิวโลก. ทางซ้ายหรือขวาไกลระดับหนึ่งจะพบ แดนเสื่อมโทรม ( Corruption ) หรือ แดนเลือด ( Crimson ), ทะเลทราย, แดนหิมะ, ป่าดงดิบ, ดันเจียน, และที่สุดขอบทั้งสองฝั่งของโลก, มหาสมุทร. ไบโอมใต้ดินนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ ชั้นหิน ลงไป นั้นคือมี แดนเห็ดใต้ดิน, ป่าทึบใต้ดิน, แดนนํ้าแข็งใต้ดิน และทะเลทรายใต้ดิน โลกของ Terraria นั้นแบ่งชั้นต่างๆตามความลึก มีอวกาศอยู่บนสุด และนรกอยู่ใต้สุด แต่ละชั้นมีลักษณะของตัวเอง และผู้เล่นสามารถสร้างไบโอมอื่นเพิ่มเติมได้โดยใช้บล็อกที่ถูกต้องจำนวนมากระดับหนึ่งทับกันกับไบโอมตามระดับความลึกเหล่านั้น

หลังจากที่กำราบ กำแพงเนื้อ ( Wall of Flesh ) ได้แล้ว, โลกทั้งใบจะเข้าสู่ Hardmode และจะมีการสร้าง แดนเสื่อมโทรมหรือแดนเลือดเพิ่มขึ้นอัตโนมัติ พร้อมกับเพิ่มไบโอมใหม่ Hallow และไบโอมใต้ดินของทั้ง 3 ไบโอมที่กล่าวมา แดนที่กล่าวมานั้นเป็นแดนที่แพร่กระจายได้ โดยก่อนที่จะเข้า Hardmode ทั้ง 3 ไบโอมสามารถกระจายผ่านหญ้าเท่านั้น แต่หลังจากที่เปิด Hardmode ทั้ง 3 ไบโอมจะแพร่กระจายโดยเกือบทุกบล็อก แม้กระทั้งเถาวัณร์และพุ่มไม้หนาม ทั้ง 3 ไบโอมสามารถถูกทำให้หายไปได้เป็นวงเล็กๆโดยการให้ผงสำหรับขว้าง และสร้างได้ด้วยขวดนํ้าสำหรับขว้าง แต่ทั้ง2 อย่างนี้ทำได้ในวงไม่กว้างนัก การใช้ Clentaminator สามารถสร้างหรือทำลายไบโอมเหล่านี้ได้ในวงกว้างกว่า
อวกาศเป็นชั้นที่อยู่บนสุดของโลก. ท้องฟ้าจะดูมืด และสามารถเห็นดวงดาวได้ ถึงแม้ดวงอาทิตย์จะยังอยู่บนฟ้า และแรงโน้มถ่วงมีผลกระทบกับผู้เล่นและศัตรูน้อยลง ศัตรูสามารถเกิดบนอวกาศได้ แต่จำนวนจะน้อยลง อวกาศมีพื้นหลังและดนตรีของตัวเอง อีกทั้งยังมีศัตรูเฉพาะของตัวเองอีกด้วย คือ Harpies และ Wyverns

หมายถึงไบโอมที่พบได้เหนือ ชั้นหิน ถึงแม้ไบโอมเหล่านี้มักจะลงไปถึงชั้นใต้ดิน ไบโอมใต้ดินจริงๆที่มีลักษณะพิเศษจะเริ่มต้นที่ชั้นหินเท่านั้น .

ป่าเป็นไบโอมที่พบได้ง่ายที่สุดบนผิวโลก และเป็นบริเวณที่ผู้เล่นมักจะเกิดเมื่อเริ่มโลกใหม่ หญ้าสีเขียวโตตามดิน มีโอกาสเกิดเห็ด, ดอก Daybloom, และต้นไม้ ป่าจะปรากฏเมื่อไม่มีโบโอมอื่นที่เหมาะสมอยู่ในบริเวณนั้น

แดนหิมะ เป็นไบโอมที่ดูเกี่ยวข้องกับฤดูหนาว และพื้นที่ส่วนใหญ่ทำจากบล็อกหิมะ และบล็อกนํ้าแข็ง บางครั้งเป็นจุดเกิดผู้เล่นใหม่ หิมะตกอยู่ตลอดเวลา แต่เป็นเพียงแค่ความสวยงามเท่านั้น แดนหิมะจะอยู่ฝั่งตรงข้ามป่าดงดิบเสมอ ดังนั้นจึงอยู่ฝั่งเดียวกันกับดันเจียน
ทะเลทรายเป็นไบโอมที่มีเพียงบล็อกทรายกว้างขว้าง แค่เพียงมีบล็อกทรายหรือบล็อกที่เกี่ยวข้องกับทะเลยทรายเป็นจำนวน 1000 บล็อกก็ทำให้พื้นที่นั้นเป็นทะเลยทรายแล้ว มักพบแบ่งป่า 2 แห่ง ออกจากกัน
ป่าดงดิบเป็นพื้นที่ที่ยากจะเข้าถึง เต็มไปด้วยหญ้าป่าดงดิบ บล็อกโคลน ต้นมะฮ็อกกะนี ท้องป้าดูเป็นสีเขียว ต้นมะฮ็อกกะนีสามารถโตได้เองโดยไม่ต้องปลูกด้วย Acorn ป่าดงดิบพบได้ที่ฟั่งตรงข้ามกับแดนหิมะและดันเจียน หาง่าย

โลกนั้นจะเริ่มต้นด้วยแดนใดแดนนึงเท่านั้น ทั้งสองไบโอมมีของที่สำคัญให้เก็บ มีวัสดุสำหรับทำของและบอสเป็นของตัวเอง ในคอมตั้งโต๊ะผู้เล่นสามารถเลือกไบโอมที่จะมาพร้อมโลกได้ถ้าเกิดผู้เล่นได้กำราบกำแพงเนื้อในโลกอื่นแล้ว ในกรณีอื่นๆ โลกจะสร้างไบโอมแบบสุ่ม

  • แดนเสื่อมโทรมมาพร้อมกับความน่าขนลุกขนพอง มีเหวดิ่ง ลูกแก้วเงา และแท่นบูชาปีศาจ
  • แดนเลือดมาพร้อมกับความแหยง มีถํ้าแบบซิกแซ็ก มีหัวใจแดนเลือด และแท่นบูชาเลือด

แดนเห็ดบนดินนั้นจะไม่เกิดเองตามธรรมชาติ แต่สามารถสร้างได้โดยผู้เล่น ใช้เมล็ดหญ้าเห็ด หรือใช้ Clentaminator คู่กับ Dark Blue Solution บนพื้นที่ผิวโลกที่มีบล็อกโคลน ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน แดนนี้จะดูมืดกว่าตอนกลางคืนเสมอ

ที่ปลายสุดของโลกจะพบบริเวณที่มีนํ้าลากยาวไปจนสุดขอบโลก บริเวณนี้มีศัตรูที่ว่ายนํ้าได้อยู่ และเป็นที่ๆพบ Water Chest. At each end of every map stands a deep body of water system, where dangerous liquid enemies are found, and Water Chests contain ocean-themed plunder .
ชั้นหินเป็นจุดเริ่มต้นไบโอมใต้ดิน ซึ่งจะมีลักษณะต่างจากที่ผิวดิน

เป็นบริเวณของแดนหิมะที่อยู๋ในชั้นหิน. พื้นที่ที่มีแหล่งนํ้าจะมี flimsy ice อยู่เหนือนํ้า และถึงแม้บล็อกเหล่านี้รับนํ้าหนักผู้เล่นได้ มันจะแตกทันทีถ้าผู้เล่นตกใส่ด้วยความเร็วที่มากพอ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการใช้ Ice Skate หรือ Frostspark Boots หีบที่พบเป็นหีบนํ้าแข็ง มีสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับนํ้าแข็งเก็บไว้ข้างใน ไบโอมนี้มีศัตรูที่อันตรายกว่าบนบก

ไบโอมนี้มีลักษณะเป็นเห็ดเรืองแสงเติบโตบนบล็อกโคลน และถ้ามีพื้นที่มากพอ สามารถมีเห็ดเรืองแสงยักษ์เติบโตขึ้นได้ ไบโอมนี้มีพื้นหลังของตัวเอง

ป่าทึบใต้ดินเป็นไบโอมระดับยากพบได้ที่ชั้นหินใต้ป่าดงดิบ เต็มไปด้วยอันตรายและเถาวัลย์ อีกทั้งยังมีของให้เก็บเป็นจำนวนมาก ใน Hardmode จะพบแร่ Chlorophyte และหลังจากที่กำราบบอสเหล็กทั้ง 3 แล้วจะทำให้เกิดดอกไม้แพรนทาร่าขึ้น ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถเรียกบอสแพรนเทร่าได้ ป่าทึบใต้ดินยังเป็นที่ตั้งของวัดป่าดงดิบ ที่ๆใช้เรียก โกเล็ม หลังจากที่ แพรนเทร่าถูกกำราบแล้ว

The Underground Desert is a difficult pre-hardmode biome found at the Cavern level under the airfoil Desert. The biome is constantly sphere-shaped and contains assorted types of Antlions vitamin a well as ancient-Egyptian theme enemies in Hardmode .

The Underworld is a difficult area located along the integral bottom of the populace. Lava pools traverse much of its terrain and dangerous enemies spawn frequently. Hellstone can be mined here, Ruined Houses offer valuable boodle ( some within their Shadow Chests ), and unique furniture, and the Wall of Flesh party boss can be summoned here in order to activate Hardmode. The Tax Collector can besides be found here after Hardmode is activated .

หลังจากกำจัด Wall of Flesh สำเร็จแล้ว ผู้เล่นจะเข้าสู่โลกโหมดยาก หรือ Hardmode และในโหมดนี้ จะมีไบโอมเพิ่มขึ้น และ ผู้เล่นจะพบกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในไบโอมเดิมในช่วงต้นเกม

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์

[

]

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คือ ไบโอมฝ่ายตรงข้ามกับดินแดนเสื่อมโทรม และ ดินแดนแห่งเลือด โดยจะถูกสร้างขึ้นหลังจากผู้เล่นเข้าสู่ Hardmode โดยการกำจัด Wall of Flesh ซึ่งไบโอมนี้จะมีบรรยากาศเป็นโทนสีพาสเทลดูน่ารักสดใส แต่ถึงกระนั้น ไบโอมนี้ก็มีความยากต่อผู้เล่นมากอยู่พอสมควร

โลกใต้ดินแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์

[

]

โลกใต้ดินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ภายใต้พื้นผิวของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เสียงแบคกราวน์ของโลกใต้ดินจะแตกต่างกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือพื้นผิวโลก โดยมอนสเตอร์ในเขตใต้ดิน จะมีความแข็งแกร่งกว่าบนพื้นดินมาก แต่ก็จะให้สิ่งตอบแทนที่ค่อนข้างมีค่าสูงมาก ยกตัวอย่างเช่น Soul of Light

โลกใต้ดินแห่งดินแดนเสื่อมโทรม

[

]

ใต้ดินของดินแดนเสื่อมโทรมจะถูกสร้างขึ้นในพื้นผิวระดับถ้ำหลังจากผู้เล่นได้กำจัด Wall of Flesh แล้ว โดยใต้ดินจะมีลักษณะเหมือนกันกับพื้นผิวด้านบน แตกต่างกันที่ มอนสเตอร์และเสียงประกอบจะเปลี่ยนไป และ ที่นี่ เป็นที่เดียวทีผู้เล่นจะพบ Souls of Night และ Cursed Flames โดยมอนสเตอร์ที่ผู้เล่นจะพบนั้น จะมีทั้งมอนสเตอร์จากด้านบนพื้นผิวโลก รวมไปถึง World Feeders Clingers และ Cursed Hammers

ใต้ดินแห่งดินแดนเลือด

[

]

พื้นที่ใต้ดินของดินแดนเลือดก็จะถูกสร้างขึ้นมาเช่นเดียวกันกับดินแดนเสื่อมโทรม โดยมอนสเตอร์ก็จะมีโอกาสดรอป Soul of Night เช่นเดียวกัน และ ไบโอมนี้ก็เป็นที่เดียว ที่ผู้เล่นสามารถดรอป Ichor ได้จากมอนสเตอร์

ทะเลทรายที่ถูกกลืนกิน

[

]

เมื่อโลกได้เข้าสู้โหมดยาก หรือ Hardmode ผู้เล่นจะพบว่า พื้นที่ที่เคยเป็นทะเลทรายหลายๆแห่งบนโลกจะกลายเป็นทั้ง ดินแดนเสื่อมโทรม, ดินแดนเลือด, หรือ ดินแดนศักดิ์ศิทธิ์ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีพื้นหลังที่แตกต่างกันไป และ จะมอนสเตอร์ Mummy ก็จะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามไบโอมแต่ละแบบ อีกทั้ง บล็อกทรายจะกลายเป็น Ebonsand Crimsand Pearlsand ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของทะเลทรายนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับว่า โลกที่ผู้เล่นสร้างนั้นมีไบโอมเสื่อมโทรม หรือ ไบโอมเลือด

ไบโอมขนาดเล็ก

[

]

ไบโอมในหมวดหมู่นี้จะมีขนาดเล็ก และ มีจำนวนน้อย โดยไบโอมเหล่านี้จะมีลักษณะของมอนสเตอร์และระบบนิเวศที่แตกต่างกันออกไป
ดันเจียนเป็นพื้นที่เขาวงกตที่มีความซับซ้อน โดยจะเริ่มต้นจากระดับพื้นผิวโลก ลงไปจนถึงระดับที่ใกล้กับนรก โดยผู้เล่นจะพบชายแก่ Old Man ยืนอยู่บริเวณทางเข้าดันเจียน และหากผู้เล่นใช้เขาในการกำจัดมอนสเตอร์ชื่อ Skeletron ได้ ผู้เล่นจะมีสิทธิ์ลงไปยังดันเจียนด้านในได้ แต่หากผู้เล่นไม่ได้กำจัด Skeletron ก่อนที่จะลงไปด้านล่าง ผู้เล่นจะพบมอนสเตอร์ชื่อ Dungeon Guardian เกิดภายในดันเจียนและทำการสังหารผู้เล่น ( หากผู้เล่นลงไปในดันเจียนที่ต่ำกว่าระดับความสูง=0หรือระดับพื้นผิวโลกลงไป ) ไอเท็มที่ดรอปภายในดันเจี้ยนนั้นจะมีมูลค่าสูง และเป็นของที่หาได้ยาก ซึ่งบางชิ้นก็ไม่สามารถหาได้ที่ไหนอีกเลย

เมื่อใดก็ตามที่ Shadow Orb หรือ Crimson Heart ได้ถูกทำลายลง จะมีโอกาสที่ในวันถัดไปตัวเกมจะสุ่มอีเว้นท์อุกาบาตขึ้น พร้อมมีข้อความแจ้งเตือนว่า “ A meteorite has landed ! ” ( อุกกาบาตได้มาถึงโลกแล้ว ) โดยอุกาบาตจะพุ่งชนพื้นผิวโลกเป็นบริเวณกว้างและแปรสภาพบล็อคต่างๆให้กลายเป็น Meteorite หรือ หินอุกาบาต ซึ่งหินอุกาบาตนี้จะเผาไหม้ผู้เล่นหากไม่สวมใส่อุปกรณ์ accessory ที่ป้องกันไฟได้ หรือ ยาที่มีคุณสมบัติทำให้ผู้เล่นทนไฟได้ นั่นคือ Obsidian Skin Potion ในการทำลายหินอุกาบาต ผู้เล่นจะต้องใช้ Tungsten Pickaxe, Gold Pickaxe, หรืออุปกรณ์ที่ดีกว่าในการที่จะฟาร์มหินอุกาบาต ทั้งนี้ ผู้เล่นจะพบมอนสเตอร์อยู่ 2 ชนิดเท่านั้น ในไบโอมอุกาบาต ได้แก่ Meteor Head และ Lava Bat

รังแมงมุมเป็นไบโอมใต้ดินที่พบได้ยากมากๆ โดยผู้เล่นจะสามารถสังเกตได้จาก พื้นหลังของฉากที่เป็นสีดำสนิทและมีไยแมงมุมติดอยู่เป็นจำนวนมากอยู่ ซึ่งในรังแมงมุม ผู้เล่นจะพบมอนสเตอร์ชื่อ Wall Creeper คุณสมบัติพิเศษของรังแมงมุมคือ ไยแมงมุม Cobweb จะถูกสร้างขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆในเวลาไม่นานหลังจากที่ผู้เล่นทำลายมัน อีกทั้ง รังแมงมุมจะเป็นเพียงที่เดียวที่ผู้เล่นจะพบ กล่องสมบัติ Web Covered Chest และกล่องสมบัติพิเศษต่างๆภายในนั้น และที่สำคัญ ผู้เล่นจะสามารถพบ NPC นักออกแบบ The Stylist NPC ในรังแมงมุม และสามารถชวนเธอมาอยู่ที่บ้านได้อีกด้วย .

ผู้เล่นจะสามารถพบรังผึ้งได้ในบริเวณใต้ดินของป่าดงดิบ Underground Jungle ภายในรังผึ้งจะประกอบไปด้วย รังผึ้ง น้ำผึ้ง Honey และบางครั้งอาจจะพบตัวอ่อนหรือดักแด้ Larva ได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากผู้เล่นทำลายดักแด้จะเป็นการทำให้บอส Queen Bee ปรากฎตัวออกมา และหากผู้เล่นทำลายรังผึ้งจะทำให้มีน้ำผึ้งออกมา หรือ อาจจะมีตัวผึ้งออกมาโจมตีผู้เล่นด้วย และในบางครั้ง ผู้เล่นอาจพบรังผึ้งอยู่ติดกัน 2-3 รังได้เช่นกัน

วัดในป่าดงดิบเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นพื้นที่ปิด ไม่มีทางเข้า และจะพบได้ในส่วนลึกของพื้นใต้ดินในป่าดงดิบ ภายในวัดจะมีมอนสเตอร์แข็งแกร่งอยู่จำนวนมาก และเป็นสถานที่เดียวที่ผู้เล่นจะสามารถกำจัดบอส Plantera และใช้งาน Temple Key ในการเปิดประตูได้ อีกทั้ง ในโถงกว้างนี้ ผู้เล่นสามารถเรียก Golem ออกมาได้เช่นกัน

ถ้ำหินอ่อนเป็นพื้นที่ใต้ดิน Underground ที่สร้างขึ้นจากหินอ่อนทั้งหมด Marble ในไบโอมนี้ ผู้เล่นจะพบกับมอนสเตอร์อย่าง Medusa และ Hoplite .

ถ้ำหินแกรนิตเป็นพื้นที่ใต้ดิน Underground ที่สร้างขึ้นจากหินแกรนิตทั้งหมด Granite ในไบโอมนี้ ผู้เล่นจะพบกับมอนสเตอร์อย่าง Granite Golem และ Granite Elemental

Micro Biomes

[

]

Thin Ice Patch

[

]

A micro biome found in the Ice biome that is made entirely of Thin Ice and the casual ore vein .

Campsite

[

]

A micro biome found in the Underground and Cavern layers normally containing a Campfire, Silver Coin Pile, and a background aim of skeletal remains. The campsite is 12 – 20 blocks wide, and not quite as tall .

A Gemstone Cave is filled with boil down gem deposits of one or more varieties and features a unique setting ( a gem wall ) that is speckled with gems of the lapp color found in the Gemstone Cave .

Moss Chamber

[

]

A micro biome found in the Underground and Cavern layers that contains one color of Moss with a matching back wall .

gem Rooms

[

]

gem rooms are spawned with world creation and appear as if they were man-made structures. They by and large contain loot and furniture .
Floating Islands are mugwump masses of land in the flip. once located, and when the player obtains the tools to reach them, they have access to their alone furniture and some knock-down loot. Harpies ( Arch Wyvern and Wyvern in Hardmode ) attack at their height .

Living Trees are huge, thick trees that can be generated. Cutting the tree yields regular Wood. Some of those trees can be hole and tip deep belowground. There may be rooms containing Living Wood Chests with relate plunder inside, a well as Living Wood Doors, Living Wood Chairs, Living Wood Tables, Living Loom and other Living Wood furniture. It is not guaranteed that one will spawn in every world .

Pyramids are sometimes generated in the Desert at universe creation. They are made of Sandstone Brick and contain a narrow passage. The treasure room is filled with coins, vases and a gold thorax that can contain unique boodle, besides in the mobile adaptation there is normally another mystery room containing more vases, money, and chest. There is besides a passage to a cave at the bottom. It is not guaranteed that one will spawn in every earth .

Underground cabins are typically wooden buildings full moon of dusty, collapse furniture vitamin a well as chests, vases, and occasionally functional furniture and decorations. They are found in the belowground in the cavern, glowing mushroom, jungle, defect, and snow biomes. As of 1.3.0.1, metro cabins now spawn with wood and walls that are unique to their biome .
Jungle Shrines are little brick buildings and typically contain only a single chest of drawers and a light source. They are found in the Underground Jungle and respective can appear in one biome .

Houses an hex Sword, an Arkhalis or a forge sword. Every enshrine will contain one breakable backdrop sword fairy, which has a 2/3 prospect of being a bogus sword and a 1/3 find of being a substantial sword, which has a 1/10 opportunity of dropping the Arkhalis, rather of the Enchanted Sword, when demolish .

Ruined houses are generated at World creation in The Underworld in the middle third of the Underworld. They are towers with multiple levels, constructed with missing parts for a “ ruin ” look, from obsidian Brick or Hellstone Brick. They are sometimes partially submerged in lava and often contain deposits of hellstone equitable outside their walls .

Removed Biomes

[

]

The adopt two biomes were removed in the Mobile 1.3.0.7 update .

Heart Shrine

[

]

Heart Shrines were cordate caves sometimes found in Snow biomes. They held two Crystal Hearts and a breast that contained heart-themed items for the valentine ‘s day celebration event.

Jungle Sanctum

[

]

A Jungle Sanctum was a structure that occasionally appeared in the Jungle. Jungle Sanctums were larger versions of Jungle Shrines and contained Coin Stashes, along with an Ivy Chest that contained several Jungle-themed items .

Hybrid Biomes

[

]

While many of the basic biomes appear at populace generation or triggered by events, it is possible for crossbreed biomes to be synthesized by player action or, in Hardmode, by world mechanics .

Hybrid Biomes

[

]

hybrid biomes are those created by the requirements being met for multiple biomes in a sealed space. The simplest examples are Hallowed or Corrupt Deserts ; however, not only Deserts can be hybridized. Floating Islands can be Corrupted/Crimsoned or Hallowed upon entrance of Hardmode, and such high-layered biomes are even required by some Angler quests. Player natural process can similarly introduce Corruption, Crimson, Hallow, Desert, Jungle, Mushroom, Meteorite, or Snow biomes to any location from Underworld to Sky and probably even Space. This can lead to, for example in an Underworld Crimson, Underworld and Crimson enemies both spawning in the applicable areas .

Biome universe Requirements

[

]

The area used for count required blocks for the universe of biomes at a location, appears to be 50 tiles to each side and approximately 42 below and 44 above. note that compatible Biomes lists the biomes which can co-exist in the like general localization, and has nothing to do with spreading mechanics .

Name

Block Requirements

Location

Compatible Biomes

Forest

N/A

Above the Underworld

Sky, Surface, Underground, Cavern, Ocean

Corruption

At least 200 Corrupt grass

Corrupt grass

Ebonstone Block

Ebonstone Block

Purple Ice Block

Purple Ice Block

Corruption Thorny Bush

Corrupt Thorny Bushes

Vile Mushroom

Vile Mushroom


Any

Not Forest, Meteorite, or Hallow

Crimson

At least 200 Crimson grass

Crimson grass

Crimstone Block

Crimstone Block

Red Ice Block

Red Ice Block

Crimson Thorny Bush

Crimson Thorny Bush

Crimson vines

Crimson vines

Vicious Mushroom

Vicious Mushroom


Any

Not Forest, Meteorite, or Hallow

Mushroom

At least 100 Mushroom grass

Mushroom grass

Glowing Mushroom

Glowing Mushroom


Any

Not Forest or Meteorite

Jungle

At least 80 Jungle grass

Jungle grass

Lihzahrd Brick

Lihzahrd Brick

Jungle Thorny Bush

Jungle Thorny Bush

Jungle vines

Jungle vines


Any

Not Forest or Meteorite

Hallow

At least 100 Hallowed grass

Hallowed grass

Pearlstone Block

Pearlstone Block

Pink Ice Block

Pink Ice Block

Hallowed vines

Hallowed vines


Any

Not Forest, Meteorite, Corruption, or Crimson

Desert

At least 1,000 Sand Block

Sand Block


Any

Not Forest or Meteorite

Corrupt
Desert

At least 1,000 Ebonsand Block

Ebonsand Block


Any

Not Forest, Meteorite, or Hallow

Crimson
Desert

At least 1,000 Crimsand Block

Crimsand Block


Any

Not Forest, Meteorite, or Hallow

Hallow
Desert

At least 1,000 Pearlsand Block

Pearlsand Block


Any

Not Forest, Meteorite, Corruption, or Crimson

Ocean

At least 1,000 block spaces of Water

Water


Outer lateral edges of the world, above Cavern layer

Not Meteorite, Corrupt Desert, Crimson Desert, or Hallowed Desert

Snow

At least 300 Snow Block

Snow Block

Ice Block

Ice Block


Any

Not Meteorite or Desert

Meteorite

At least 50 Meteorite

Meteorite


Any

None

Dungeon

At least 250 Blue Brick.pngGreen Brick.pngPink Brick.png Dungeon Bricks and a naturally-placed Wall other than Dirt Wall[1]

Below -4 feet

None

  1. eminence that the requirement for naturally-placed Walls makes a synthetic Dungeon biome closely impossible and, if accomplished, it would be unable to spawn Hardmode Dungeon enemies or Cursed Skulls ( as they require naturally-placed Dungeon Brick Walls ), though it may be useful for creating a lake for farming Dungeon Crates. It appears that the merely choice for expanding the distance in which Hardmode Dungeon enemies can spawn is by mining blocks already inside the area in which the Dungeon in the first place generated, without damaging any naturally-placed Walls they are covering .

Notes

[

]

  • For Hallowed and Crimson/Corruption biome detection: There is a Hallowed value, a Crimson value, and a Corruption value. Each Hallowed block adds 1 to the Hallowed value and subtracts 1 from both the Crimson and Corruption values. Each Crimson block adds 1 to the Crimson value and subtracts 1 from the Hallowed value. Each Corruption block adds 1 to the Corruption value and subtracts 1 from the Hallowed value. This can be proven by placing 100 Hallowed blocks in an otherwise completely neutral area, observing that the area will change to Hallowed on placement of the 100th block, then that it will return to neutral on placement of a Crimson or Corruption block, then back to Hallowed on placement of an additional Hallowed block, ad infinitum.
  • For Snow biome detection: the background of a snow biome will not appear until 301 Snow biome blocks are present (not at 300, where the biome changes functionally).