รีวิว กวางโจว ชม ช้อป แชะ ที่เมืองแพะ (5 วัน 4 คืน เที่ยวเองแบบครบสูตร)

กวางโจว …

เมืองกวางโจว บางคนเรียก กวางเจา คนไทยหลายคนรู้จักเมืองนี้เพราะ กวางเจาเทรดแฟร์ งานแสดงสินค้าจากผู้ผลิตจีนจากทั่วประเทศ บางคนรู้จักเมืองนี้จาก การแสดงกายกรรมกวางเจา ถ้าเป็นพ่อค้าแม่ค้า ก็จะมาสั่งซื้อของที่ผลิตในจีนตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบไปขายเมืองไทย

รีวิวนี้ ลุงเด้ง ป้าไก่ เน้นเรื่องของการท่องเที่ยว และชิมอาหารอร่อยเป็นหลัก

เสน่ห์ของกวางโจวคือการผสมผสานของเมืองเก่า และเมืองใหม่
ห้องพักโรงแรมราคาถูก อาหารอร่อย ไม่แพง เที่ยวง่ายเพราะมีรถไฟใต้ดินครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่ง ช่วยให้ชีวิตการเดินทางง่ายมากๆและนี่คือที่มาของ ชม ช้อป แชะ ที่เมืองแพะ มุมมองใหม่ของเมืองกวางโจวที่ชวนให้มาสัมผัส Day 01 : ดอนเมือง – กวางโจว – Airport Express Bus – Taxi – Sunshine International Hotel Apartment ห้องใหญ่ ใจกลาง ถนนคนเดิน เป่ยจิงลู่ ( Beijing Lu )

Day 02 : HOT POT Buffet & B B Q ( ถูกและดี ) / Temple of The Loard of Guangdong / Beijing Lu ถนนช๊อปปิ้งดัง / Pearl River / HongXing Seafood Restaurant
Day 03 : บ้านตระกูลเฉิน / อนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัดเซ็น ( Dr.Sun Yat Sen Memorial ) / Yuexui Park : Five Ram Statue / Rice Noodle ร้าน 凌记 หลิงจี้ ( Lai Fun – อร่อยราคาประหยัด ) / คลองลิ้นจี่ / ช้อปปิ้ง ถนนซั่งเซี่ยจิ่ว
Day 04 : โชว์ Chime-Long International Circus
Day 05 : Lia Cafe / Canton Tower / สนามบิน – เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

DAY 01

การเดินทางไปกวางโจวครั้งนี้ใช้สายการบินแอร์เอเชีย
มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพสู่กวางโจววันละ 1 เที่ยวบิน
Departure ออกจากดอนเมือง
FD 530 เครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 19:10
เครื่องลงจอดที่สนามบินกวางโจวเวลา 23.10 ( เวลาท้องถิ่น )
Departure ออกจากกวางโจว
FD 531 เครื่องออกจากสนามบินเซินเจิน เวลา 23:50
เครื่องลงจอดดอนเมือง 01:55 ( +1วัน เวลาท้องถิ่น )
แนะนำให้เดินทางมาถึงดอนเมืองเวลา 16.10 ( ก่อนเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ) ป้องกันการผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ลุงเด้ง ป้าไก่ ต้องเตือนกันตลอด โดยเฉพาะ นักเดินทางมือใหม่ ต้องเผื่อเวลา เพราะปัญหา 108 เกิดขึ้นได้เสมอเช่น
– หาเคาน์เตอร์ Check – in ไม่เจอ
– ผู้โดยสารเยอะ คิว Check – in ยาว
– รอคิว ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
– แลกเงิน
– รอคิวรับของที่สั่งจาก Duty Free
– เดินหา GATE ไม่เจอ
– ( ลืมของไว้ที่บ้าน – อาจจะยังพอกลับไปเอาของทัน ) และอีกมากมายครับ

ดอนเมือง บินไปกวางโจวใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง
แนะนำให้สั่งอาหารล่วงหน้า ( Pre-book Meal ) เพราะมีให้เลือกหลากหลายเมนู
ที่สำคัญถูกกว่าซื้อบนเครื่อง และได้น้ำแร่ขนาด 100 milliliter

เครื่องลงจอดที่สนามบินนานาชาติไป๋หยุน ( CAN ), กวางโจว ประเทศจีน เวลาประมาณ 23:10
กว่าจะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า ก็ประมาณเที่ยงคืน
… ยังทันรถ Airport Express Bus สำหรับนั่งเข้าไปในตัวเมือง เพราะรถเที่ยวสุดท้ายหมด ตี 1
รับกระเป๋าแล้วก็เดินตามป้ายไปยัง CITY BUS นะครับ

คนจีนที่กวางโจวส่วนมากจะพูดอังกฤษไม่ค่อยได้
แนะนำให้ Print ชื่อโรงแรมที่เป็นภาษาจีนไปให้เจ้าหน้าที่ดู แล้วเค้าจะบอกว่าให้ไปขึ้นรถ Airport Express Bus หมายเลขอะไรนะครับ
ที่ป้ายรถจะมีพนักงาน เราสามารถสอบถามเส้นทางได้ โดยใช้ให้เค้าดูชื่อโรงแรม และชำระเงินที่เจ้าหน้าที่ได้เลย คนละ 19 หยวน

การมากวางโจวครั้งนี้ ลุงเด้ง ป้าไก่ พักที่ Sunshine International Hotel Apartment ใจกลาง Beijing Lu
Airport Express Bus ส่งไม่ถึงหน้าโรงแรม ต้องนั่ง TAXI ต่อไปอีก 10 นาที
ถ้าจากสนามบินนั่ง TAXI มาที่โรงแรมก็ ประมาณ 90-110 หยวน ( ย่าน เป่ยจิงลู่ Beijing Lu )
ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 30 นาที ( รถไม่ติด )
คนขับ TAXI ในกวางโจวพูดอังกฤษไม่ได้ ต้องเอาที่อยู่ของโรงแรมให้ดู ถึงจะสื่อสารรู้เรื่อง
หรือไม่ก็ยื่นเบอร์โทรโรงแรม แล้วให้ TAXI โทรไปถามเส้นทาง

Sunshine International Hotel Apartment เป็นโรงแรมแบบอพาร์ตเมนต์ ห้องพักจะเป็นแบบ Duplex ( 2ชั้น )
โอ่โถง โล่งสบาย และที่สำคัญตั้งอยู่ใจกลางถนนช้อปปิ้ง เป่ยจิงลู่ ( Beijing Lu )
Beijing Lu เป็นถนนสายสำคัญของกวางโจวเพราะเป็นถนนช้อปปิ้งที่สำคัญมีร้านค้า ร้านอาหาร ขนม ของอร่อยมากมาย
airasiago เสนอราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 2, XXX บาท ซึ่งถูกมากๆ เมื่อเทียบกับขนาดของห้อง และทำเลที่ตั้ง นับเป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ
ลุงเด้ง ทำรีวิวไว้ให้แล้ว เข้าไปชมได้ที่ : Sunshine International Hotel Apartment ห้องใหญ่ ใจกลาง Beijing Lu ถนนช้อปปิ้งดัง
hypertext transfer protocol : //www.hongkongfanclub.com/index.php ? topic=33281.0

DAY 02
โรงแรม Sunshine International Hotel Apartment ไม่มีบริการอาหารเช้านะครับ
แต่ข้างๆ โรงแรมมีของที่เด็ดกว่า คือ Hot Pot Buffet ราคาคนละ 62 หยวน ( ประมาณ 3XX บาท )
มีทั้ง Hot Pot และ ปิ้งย่าง B B Q จัดกันเต็มๆ ทั้งเนื้อ หมู ไก่ ลูกชิ้น ปลา หมึก และอีกมากมาย
สุดๆ ด้วย เครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ เก๊กฮวย น้ำสมุนไพร รวมถึงเบียร์ชิงเต่า หยิบได้เป็นขวดๆ เลยครับ


Hot Pot และ ปิ้งย่าง B B Q จัดกันเต็มๆ

Temple of The Lord of GuangDong
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง广州城隍庙 ( guang-zhou-cheng-huang-miao ) ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก เป่ยจิงลู่ ( Beijing Lu )
การเดินทาง : สถานี Gongyuanqian ทางออก E เดินตรงไปประมาณ 550 เมตร ( 8 นาที )
หมายเหตุ … ถนนเส้นประสีแดงคือแนวถนน เป่ยจิงลู่ (Beijing Lu)

temple of The Lord of GuangDong
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง广州城隍庙 ( guang-zhou-cheng-huang-miao )
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1370 สมัยราชวงค์หมิง อยู่สี่แยก Wende Road ตัดกับ Zhongshan 4th Road
ไม่ไกลจาก เป่ยจิงลู่ ( Beijing Lu )

วิหารหลัก
ทางเข้าวิหารหลัก ลูกคิด ขนาดใหญ่ติดอยู่ใต้คาน
ในลัทธิเต๋า ให้ความหมายว่า ทุกคนต้องมีความซื่อสัตย์ ถูกต้อง และไม่คดโกงในจิตใจ

เทพเจ้าที่เป็นประธานของสถานที่แห่งนี้ มีชื่อว่า Liu Yan เล่าเอี๋ยน เจ้าผู้ครองดินแดนกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน
เว็บไซต์ของทางวัด hypertext transfer protocol : //www.gzcdcy.com/

จากวัดเดินกลับมาที่ถนนคนเดินปักกิ่ง หรือ เป่ยจิงลู่ ( Beijing Lu )
ถนนที่ใช้สัญจรกันมานับ 1,000 ปี ( ไม่ผิดครับ ถนนเส้นนี้สร้างกันมาตั้งแต่ในยุคโบราณ )
แต่ถนนโบราณที่ว่า ปัจจุบันอยู่ด้านล่าง เข้าใจว่าสร้างถนนใหญ่ขึ้นมาคล่อมไว้ แต่ก็มีการเจาะช่องกระจกให้นักท่องเที่ยวได้ชม
ถนนเส้นนี้เป็นถนนคนเดินที่สำคัญของกวางโจว มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนม ของที่ระลึกมากมาย

บางช่วงของถนน จะมีร้านอาหารท้องถิ่น ราคาไม่แพง นั่งกินกันข้างทางก็ได้บรรยากาศแบบพื้นเมืองดีครับ

สุดถนนเป่ยจิงลู่ ( Beijing Lu ) เดินต่อไปอีกไม่ไกลจะเป็นแม่น้ำจูเจียง
นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งเรือชมความงามของแม่น้ำจูเจียงกันช่วงกลางคืน

แม่น้ำจูเจียง หรือ แม่น้ำไข่มุก แม่น้ำสายหลักของมณฑลกวางตุ้ง ไหลผ่านกลางเมือง
มีความยาวประมาณ 2,000 กิโลเมตร ยาวเป็นอันดับสามของประเทศจีน
ช่วงนี้ของแม่น้ำมีสะพานชื่อ Haizhu Bridge เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1929 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1933
โดยบริษัทอเมริกัน Markton Company เราสามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปและชมความงามของแม่น้ำเส้นนี้ได้

ก่อนขึ้นสะพาน Haizhu Bridge มีร้านอาหารทะเล ร้านใหญ่ราคาแพงพอสมควร เพราะเป็นร้านที่ใช้ต้อนรับนักท่องเที่ยว
อาหารทะเล เรียกได้ว่ามีทุกชนิด ยังว่ายน้ำอยู่ในตู้ นอกจากอาหารทะเลแล้วก็ยังมีอาหารอื่นๆ อีกมากมาย
จุดขายคือ ความสด และตัวอย่างอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วแสดงให้ชมเป็นตัวอย่าง พร้อมป้ายราคาชัดเจน ( แอบแพงอยู่มาก )

รู้ว่าแพง แต่แบบว่า รัานใหญ่มาก แล้วก็คนนั่งกันเต็มร้าน อดใจไม่ได้ครับ
งานนี้ต้องลอง จะได้มารีวิวให้ชมกัน 555
วิธีการคือ
1. แจ้งพนักงานว่ามากี่คน พนักงานจะพาไปที่โต๊ะ
2. สั่งเครื่องดื่ม หรือชา
3. จะมีพนักงานพาไปชม ตัวอย่างอาหาร และเลือกของทะเล และจะคอยจดให้ว่าเราจะสั่งอะไรบ้าง

ตัวอย่างอาหารบางรายการ รสชาติ OK ไม่ได้โดดเด่นอะไร
มื้อนี้หมดไป 611 หยวน ( ราคาสูงจริงๆ )

ขากลับก็เดินกลับไปที่ ถนนเป่ยจิงลู่ ( Beijing Lu ) แล้วก็เดิน ดูของอีกนิดหน่อย
ปิดท้ายคืนนี้ด้วย ชาไข่มุก เจ้าประจำ ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ เกาหลี ก็ต้องกิน Gong Cha

DAY 03
วันนี้เราจะเดินทางกันด้วยรถไฟใต้ดินครับ
กวางโจว มีเส้นทางรถไฟใต้ดินเชื่อมต่อสถานที่สำคัญทุกแห่ง ราคาไม่แพง รวดเร็วทันใจ แต่ในชั่วโมงเร่งด่วนอาจจะเบียดเสียดกันบาง แต่ก็แค่บางเวลาเท่านั้น

เพื่อนๆ สามารถ ดู แผนที่รถไฟใต้ดินขนาดใหญ่ ได้ที่นี่

แผนการเดินทางภายในวันนี้
ถ้าดูจากแผนที่การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินจะเห็นว่า วันนี้เราเดินทางเป็นวงกลม
1. บ้านตระกูลเฉิน : สถานี Chen Clan Academy ทางออก D
2. Sun Yat-sen Memorial : สถานี Sun Yat-sen Memorial Hall ทางออก D
3. Yuexui Park : Five Ram Statue : สถานี Yuexiu Park ทางออก A
4. RiceNoodle ร้าน 凌记 หลิงจี้(Lai Fun – อร่อยราคาประหยัด) : สถานี Zhongshanba ทางออก B
5. Lizhiwan (Lychee Creek) คลองลิ้นจี่ : สถานี Zhongshanba ทางออก B
6. ช้อปปิ้ง ถนนซั่งเซี่ยจิ่ว : สถานี Changshou Lu ทางออก D2

บ้านตระกูลเฉิน : สถานี Chen Clan Academy ทางออก D
คฤหาสน์ของคนแซ่เฉิน หรือ “ บ้านตระกูลเฉิน ” เป็น 1 ใน 5 ของตระกูลที่มีความสำคัญในมณฑลกวางตุ้ง
มณฑลกวางตุ้ง (Guangdong) อยู่ที่ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน
ตระกูลเฉินจัดว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวย มั่งคั่ง และมีอิทธิพลมากในเมืองกวางโจว
ต้นตระกูลเฉิน…
กษัตริย์แห่งแคว้นโจวตะวันตกค้นหาทายาทของกษัตริย์ซุ่นตี้แห่งราชวงศ์ซางที่ ล่มสลายไป จนได้พบกุยหม่าน ทายาทสืบสกุลของซุ่นตี้จึงยกลูกสาวให้แต่งงานด้วย และแต่งตั้งให้เป็นขุนนางปกครองเมืองเฉิน ( ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งในมณฑลเหอหนาน ) และให้เฝ้าสุสานซุ่นตี้
เมื่อกุยหม่านเสียชีวิต ก็ได้รับพระราชทานนามว่า “ เฉินหูกง ” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของตะกูลเฉิน
คฤหาสน์หลังนี้สร้างสมัยราชวงศ์ชิง ในปี ค.ศ.1890 โดยบรรพบุรุษตระกูลเฉินเป็นผู้ร่วมกันสร้างให้เป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกู และใช้เป็นที่สถานศึกษาและอบรมลูกหลานในตระกูลให้เพียบพร้อมเพื่อส่งไปสอบจอหงวน

ด้านหลังประตูไม้บานใหญ่ ( ว่ากันว่าเป็นประตูไม้บานใหญ่ที่สุดในกวางโจว ) เข้ามายังตัวบ้านภายในได้รับการแบ่งเป็นห้องๆ เพื่อจัดแสดงงานศิลปะพื้นบ้านของคนกวางตุ้ง และชิ้นงานที่จัดแสดงส่วนมากจะเป็นงานฝืมือของคนตระกูลเฉิน
โดยเฉพาะงานแกะสลักที่มีความละเอียดซับซ้อน รวมไปถึงงานเครื่องกระเบื้อง งานปั้น และอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

งานปูนปั้นที่ประดับบนหลังคา และผนังก็เป็นลักษณะเด่นของคฤหาสน์หลังนี้

สถานที่ต่อไปคือ Sun Yat-sen Memorial : สถานี Sun Yat-sen Memorial Hall ทางออก D
อนุสรณ์สถาน ดร.ซุน ยัดเซ็น (Dr.Sun Yat Sen Memorial)
สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง ดร.ซุนยัดเซ็น ซึ่งถือว่าเป็นบิดาของคนจีนยุคใหม่
ดร. ซุน ยัดเซ็น เป็นผู้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง และเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีน
เป็นแกนนำคนสำคัญในการโค่นล้มราชวงศ์ชิง

ดร. ซุน ยัดเซ็น ต้องทำการเปลี่ยนแปลงโดยการล้มราชวงศ์ชิงที่ไร้สมรรถภาพในการบริหารประเทศ
และกวาดล้างระบบศักดินาที่คอยกัดกินประเทศ เพราะขุนนางศักดินาเหล่านี้ไม่เพียงแต่รับใช้ราชวงศ์ชิงแล้ว
ยังไปรับใช้พวกจักรวรรดินิยมที่ฮุบเอาประเทศแล้วจัดสรรปันส่วนกันเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ที่อยู่ในประเทศจีนให้มากที่สุด
เมื่อเป็นเช่นนี้อุดมการณ์ของซุนยัดเซ็นนั้นเปลี่ยมด้วยความรักชาติบ้านเมือง
ที่อยากเห็นประเทศจีนก้าวไปสู่ความเป็นเอกราชจากจักรวรรดินิยมและเห็นประชาชนอยู่ดีมีสุข
ชาวจีนยกย่องให้ ดร. ซุน ยัดเซ็น เป็นผู้ที่มีพระคุณกับชาวจีนอย่างใหญ่หลวงเพราะเป็นผู้ที่ปลดปล่อยชาวจีน
ให้รอดพ้นจากสังคมเดิมที่ล้าหลัง และระบบกษัตริย์ราชวงศ์ชิง
หมายเหตุ … ราชวงศ์ชิง แท้จริงแล้ว เป็นชาวต่างชาติ ( แมนจูเลีย ) ที่เข้ามาปกครองจีน

อนุสรณ์สถาน ดร.ซุน ยัดเซ็น ( Dr.Sun Yat Sen Memorial )
สร้างเสร็จในปี 1972 เพื่อระลึกวันเกิดร้อยปีของ ดร.ซุน ยัดเซ็น
สัญลักษณ์ของ สถานที่แห่งนี้คือ รูปปั้นเหมือนของดร.ซุน ยัดเซ็น
ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ และ แผ่นป้ายลายมือของ ดร.ซุน ที่เขียนเอาไว้ว่า
“แผ่นดินเป็นของประชาชน (เทียนเซี่ยเหวยกง:天下为公)”
ภายในอนุสรณ์สถานนั้นเป็นหอประชุมขนาดใหญ่รูปทรงแปดเหลี่ยม ที่ได้รับ
การยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเยี่ยม เพราะสร้างขึ้นโดยไม่มีเสากลางห้องที่จะบดบังสายตาของผู้ชม

ซุนยัดเซ็น หรือ ในภาษาจีนกลางเรียกว่า ซุนจงซาน ( Sun Zhong Shan ) เกิดในปี ค.ศ. 1866-1925 เป็นคนก่วงตงเซี่ยงซาน เดิมมีชื่อว่า ซุนเหวิน ( sunlight sebaceous cyst ) ต่อมาเรียกว่า ซุนอี้เซียน ( sun lolo xian ) ซึ่งเมือแปลแล้วจะมีความหมายว่า ” เทพเจ้าอิสระ ” และเมื่ออายุได้ 33 จึงได้เริ่มใช้ชื่อว่า ซุนยัดเซ็น
ซุนยัดเซ็นมีลักษณะนิสัยเหมือนกับมารดา คือเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยชอบพูดจา เป็นคนฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ชอบซื้อหนังสือ อ่านหนังสือเป็นพิเศษ โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ ปรัชญา แล้วยังชอบที่จะอ่านแผนที่อีกด้วย แต่ตัวท่านไม่ค่อยพูดเกี่ยวกับความสนใจเท่าใดนัก และไม่ชอบฟังเพลง ทางด้านการทานอาหาร ท่านชอบทานผักเนื้อปลา ไม่ชอบทานเปรี้ยวและเผ็ด ผลไม้ที่ท่านชอบที่สุดคือส้มและสัปปะรด
ช่วงในวัยรุ่นนั้น ท่านเรียนด้านการแพทย์ หลังจากนั้นก็ไปเป็นหมอที่ มาเก๊า กวางโจว แต่ทว่าเขาคิดว่าไม่ใช่เพียงร่างกายคนเท่านั้นที่ต้องการการรักษา แต่เรายังต้องรักษาความคิดและจิตใจของคนอีกด้วย ซึ่งประเทศจีนตอนนั้นก็เปรียบเสมือนคนป่วยคนนึง ดังนั้นท่านจึงพยายามที่จะรักษาประเทศของท่านเองด้วยวัยเพียง 8 ปี ท่านได้เขียนจดหมายถึงรัฐบาลจีน เพื่อขอร้องให้พวกเขาทำการปฏิรูป แต่รัฐบาลชิงไม่สนใจความคิดและความปรารถนาของผู้คน ดังนั้นในปีเดียวกันท่านและสหายของท่านได้ก่อนนั้นองค์การจัดตั้งการปฏิรูปขึ้นมา และตั้งแต่นั้นมาซุนยัดเซ็นก็ได้เริ่มชีวิตที่เปลี่ยนไป ท่านได้ทำการต่อสู้กับรัฐบาลชิง โดยหวังว่าประเทศจีนจะสามารถกลายเป็นประเทศที่เป็นอิสระ เสมอภาค และมั่นคง
ปี ค.ศ. 1911 ด้วยความพยายามของซุนยัดเซ็นและสหายทำให้พวกเขาได้รับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ในที่สุดการปกครองภายใต้รัฐบาลชิงก็ได้สิ้นสุดลง ปี ค.ศ. 1912 ซุนยัดเซ็นได้เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว โดยเขาได้กำหนดกฎหมายและข้อห้ามสามสิบกว่าชนิดขึ้นมา เช่น ห้ามการซื้อขายมนุษย์ ขอร้องให้คนทั้งหมดตัดเปีย เป็นต้น
ท่านซุนยัดเซ็นถือเป็นผู้นำที่ทำให้การปกครองสมัยเก่า ( แบบฮ่องเต้ ) ซึ่งมีมายาวนานหลายพันปีได้สิ้นสุดลง และท่านได้เสียชีวิตลงด้วยอายุ 59 ปี

สถานที่ต่อไปคือ อนุสาวรีย์แพะห้าตัว (Five Ram Statue)
Yuexui Park: Five Ram Statue : สถานี Yuexiu Park ทางออก A
อนุสาวรีย์แพะห้าตัว เป็น สัญลักษณ์เมืองกวางเจา มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างโดยใช้หินแกรนิตจำนวน 120 ก้อน แกะสลักประกอบเป็นแพะ 5 ตัว
แพะตัวใหญ่คาบรวงข้าว 6 รวง ยืนสง่าอยู่บนดอย
ตามตำนาน … เมื่อ 4,500 ปีก่อน สมัยโจวหยีหยาง มีเทวดา 5 องค์สวมเสื้อสีสันที่แตกต่างกันขี่แพะ 5 ตัวลงมา และคาบรวงข้าว 6 รวง ลงมายังเมืองฉู่ถิง ( เมืองกวางโจว ) และได้มอบพันธุ์เมล็ดข้าวแก่ชาวเมืองกวางเจา พร้อมอวยพรให้พ้นจากความอดยากตลอดกาล
เมื่อสิ้นคำพูดเทวดาก็หายไป และแพะที่ขี่มาก็กลายเป็นหิน 5 ก้อน
ตามตำนานที่กล่าวไว้และจากนั้นเมืองกวางเจาก็มีเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก
และเชื่อว่าเป็นเพราะแพะเทวดาที่ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง
จึงทำให้ชาวเมืองกวางเจาซาบซึ้งในบุญคุณ
จึงตั้งอนุสาวรีย์แพะห้าตัวขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงท่าน และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกวางเจาตลอดมา

มีอาหารอย่างหนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ไปลองชิมกันดูนะครับ
ระหว่างทางไป Lizhiwan ( Lychee Creek ) คลองลิ้นจี่
มีร้านขาย Rice Noodle ( Lai Fun ) ชื่อร้าน 凌记 ออกเสียงกว่า หลิงจี้
เป็นเส้นต้ม อร่อยมากๆ ราคาก็ไม่แพง : สถานี Zhongshanba ทางออก B

ภาษาอังกฤษเค้าเขียนว่า Rice Noodle / ภาษาจีนออกเสียงว่า Lai Fun
ภาษาไทย ลุงเด้ง ป้าไก่ เรียกง่ายๆ ว่าต้มเส้น ละกันนะครับ
คือเส้นแป้ง นุ่มๆ ต้มในน้ำซุปกระดูหมู กุ้งแห้ง เห็ดหอม โรยหน้าด้วย ผักดองสับผสมพริก
เห็นเมนูธรรมดาๆ แบบนี้ อร่อยน้ำตาไหลเลยนะครับ ชามละ 7.5 หยวน เท่านั้น
เมนูอื่นๆ ก็มีนะครับ ราคาก็อยู่ที่จานละ 7 – 12 หยวน ไม่แพงเลย แนะนำจริงๆ นะ

ตรงข้ามร้าน Rice Noodle หลิงจี้ มีวัดใหญ่ เห็นมีคนท้องถิ่นเยอะเลยครับ
อย่ารอช้า อิ่มแล้วก็เดินไปสำรวจกัน

จากร้าน Rice Noodle หลิงจี้ เดินตรงไปก็จะไปถึง Lizhiwan ( Lychee Creek ) คลองลิ้นจี่
ย่านนี้เป็นเมืองเก่า มีบ้านของคหบดีเก่าแก่ ตลอดเส้นทางของคลองเล็กๆ แห่งนี้
มีร้านขายขนม ของที่ระลึกโบราณให้เลือกชม เลือกชิม เลือกซื้อกันพอสมควร

มีสวนสาธารณะ บางวันมีการแสดง งิ้ว ให้ชม ถ้าชอบก็ให้เงินเป็นสินน้ำใจ โดยจะมีกล่องรับเงินวางอยู่หน้าเวที

จาก Lizhiwan ( Lychee Creek ) คลองลิ้นจี่ เรานั่งรถ มอเตอร์ไซต์รับจ้าง คันนี้ นั่งได้ 2 คน นะครับ
ค่าโดยสารอยู่ที่ 20-30 หยวน อยู่ที่ตกลงกันนะ
เรานั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างคันนี้ให้ไปส่งที่ ช้อปปิ้ง ถนนซั่งเซี่ยจิ่ว ( ต้องห้ามพลาด )

ถนนซั่งเซี่ยจิ่ว (ต้องห้ามพลาด) เป็นถนนที่ช้อปปิ้ง ยอดนิยมของทั้งคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว
มีทุกอย่าง เสื้อผ้า แฟชั่น ของใช้ อาหาร ขนม ของที่ระลึก ภัตตาคาร โรงแรม เดินกันขาลาก แนะนำให้มาช่วงเย็นๆ เรื่อยไปจนถึงค่ำๆ
ร้านเริ่มปิดประมาณ 4 ทุ่ม
ร้านใหญ่ปิด ร้านเล็กๆ ก็จะออกมาตั้งแผง ขายอาหาร ขนม เสื้อผ้า เรื่อยไปจนดึก
( น่าจะดึกมากๆ เพราะ เกือบเที่ยงคืนก็ยังเปิดขายกันตลอดถนน )

ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม ของจีน คุณภาพดีพอสมควร ซื้อใส่เล่นๆ ได้ ราคาถูกมากครับ

ตึกที่เป็นสัญลักษณ์ ของถนนเส้นนี้ ในยามค่ำคืนเปิดไฟ แสง สี กัน แบบนี้เลยครับ

วันนี้เดินถึง 4 ทุ่มกว่า ๆ ก็สมควรแก่เวลาแล้วครับ เดินทางกลับโรงแรมกันดีกว่า

Day 04
ไฮไลท์ของวันนี้คือ โชว์ Chime-Long International Circus ตื่นเช้ามาเดินเล่นในถนนปักกิ่ง Beijing Lu
เดินกินขนมไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตไปช้าๆ ช่วงบ่าย นั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานี Hanxi Changlong ทางออก A
เป้าหมายของเราคือ Chime-Long International Circus การแสดงที่ขึ้นชื่อของเมืองกวางโจว
ออกจากสถานีแล้ว ขึ้นสะพานลอยข้ามไปฝั่งตรงข้าม แล้วนั่งรถบัสฟรี เข้าไปส่งที่ทางเข้าด้านใน

ค่าบัตรเข้าชม ลุงเด้ง ป้าไก่ เลือกแบบ Normal Seat ราคา 280 หยวน ( วันธรรมดา )
แนะนำให้ไปซื้อบัตรก่อนเวลาแสดง ยิ่งไปก่อนได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
เพราะเราไม่สามารถเลือกที่นั่งได้ ระบบจะเป็นออกที่นั่งอัตโนมัติ
คือ ยิ่งไปซื้อบัตรเร็ว เราก็จะได้ที่นั่งดีมากขึ้นเท่านั้น งานนี้ลุงเด้ง ป้าไก่ ได้ที่นั่ง โซน D ( สีเทา ) แถวหน้าสุด
การแสดงเริ่ม 19:30 ลุงเด้ง ป้าไก่ ไปถึงเวลา 17:00 แล้วก็เดินเล่นอยู่แถวนั้น

เปิดให้ซื้อบัตรเข้าชมตั้งแต่เวลา 17:00 เป็นต้นไป
เริ่มแสดงเวลา 19:30 – 21:00 ( 90 นาที )
การแสดงตลอด 90 นาที ต้องขอชมว่า ไม่น่าเบื่อเลยครับ
อาจจะไม่ใช่การแสดงในระดับโลก แต่ทุกโชว์ที่จัดให้ชมนั้นเรียกเสียงปรบมือได้ดังกระหึ่มครับ

เวทีการแสดงไม่ใหญ่มาก ดังนั้นการแสดงแต่ละชุด เมื่อแสดงจบแล้ว จะมีขบวนพาเหรดเดินมาเล่นกับคนดู ระหว่างเปลี่ยนอุปกรณ์บนเวที

มีการขี่ม้าผาดโผน

ช่วงขั้นเวลา แล้วต่อด้วยกายกรรมต่างๆ

การแสดงของช้าง เป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่เรียกเสียงปรบมือได้กึกก้อง

ตามด้วยขบวนพาเหรดอีก 1 ชุดใหญ่ ขนาดขี่ช้างออกมาเดินให้ชมกันเลย

ตามด้วยขับมอเตอร์ไซต์ความเร็วสูงในกรงเหล็กทรงกลม ขับกัน 3 คันด้วยความเร็วสูง สวนกันไปมา ทั้งแนวตั้งและแนวนอน อันนี้ตื่นเต้นมากๆ สนุกด้วย

เปลี่ยนเวทีกันอีกรอบ

ตลอดการแสดง กับราคาที่เสียไป ถือว่า คุ้ม ๆ ๆ ๆ จริงๆ ครับ
สุดท้ายเปลี่ยนเวทีเป็นสระน้ำ โดดกันตูม ๆ ๆ มันส์มากๆ

จบวันที่ 4 แบบอิ่มเอม … ขากลับแวะซื้อหมึกทอด หน้าโรงแรมกินก่อนนอน

Day 05
วันนี้วันสุดท้าย ตั้งใจตื่นสาย เพราะวันนี้ยังมีเวลาเที่ยวในกวางโจว เต็มวัน
เพราะ AirAsia FD 531 เครื่องออกจากสนามบินเซินเจิน เวลา 23:50
เรามีเวลาเที่ยวถึง 2 ทุ่มครึ่ง แล้วนั่ง TAXI ไปยังสนามบิน ค่ารถไม่เกิน 100 เหรียญ
10.00 Check-out ฝากกระเป๋า แล้วมากินร้านอร่อยข้างๆ โรงแรม
ร้านนี้มีชื่อว่า Lai Garden เป็นร้านอาหารอินเตอร์ คือขายอาหารหลากหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย อิตาลี ฝรั่งเศษ มาเลเซีย อาหารหลากหลายเหลือเกินครับ

ร้านนี้ขนมอร่อยครับ

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายของทริปนี้ จะไม่สมบูรณ์ถ้าเราไม่ได้ไป CANTON TOWER
สัญลักษณ์แห่ง เมืองใหม่ของกวางโจว
การเดินทาง : สถานี Huacheng Dadao ทางออก B

สถานี Huacheng Dadao ทางออก B
จะขึ้นมาทาง Mall of the World มีร้านขายอาหาร ขายกาแฟ หลายร้าน

มานั่งจิบกาแฟ สัญชาติเกาหลี ร้าน ZOO CAFE

ตะวันเริ่มคล้อยหลัง เราก็ออกมาถ่ายรูปกันครับ

ตะวันตกดินแล้วครับ ฟ้ามืด ไฟเปิด ก็ได้อีก 1 บรรยากาศ ส่งท้ายทริปกวางโจว
ขอบคุณที่ติดตามชมกันมาตลอด กวางโจว เมืองแพะที่ยังคงเสน่ห์ ไม่เสื่อมคลาย